"อีกสักนัดดีไหม เอาให้ตายชัวร์ๆ"
คนเป็นลูกน้องรีบเข้ามาเช็กความชัวร์ เขานั้นรับรู้ได้ถึงลมหายใจของคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ รวยรินปิ่มจะขาดใจเต็มทนแต่ถ้าใครเกิดแอบมาช่วยมันหลังจากที่พวกเขากลับไปแล้ว มันอาจรอดและความเดือดร้อนก็อาจจะตามมา
"ไม่ต้อง ลากมันเข้าไปในบ้าน กูจะเผามัน ให้มันจำจนตายว่าอย่าริอาจมายุ่งกับเงินของเสี่ยเขาอีก"
คนรับคำสั่งรีบทำตาม ไม่มีปริปากเถียงออกมา ลากคนใกล้ตายเข้าบ้านจนเกิดรอยเลือดเป็นทางยาว หยิบกองกระดาษใกล้ๆมาทุ่มใส่ แล้วถอยออกเพื่อหลีกทางให้อีกคน
มือสังหารเดินเข้ามาดูคนใกล้ตายอย่างใบ้ชัดๆ หยิบไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงจุดใส่กองกระดาษที่อยู่บนตัวของใบ้
ถอยออกห่างเพื่อดูเปลวไฟที่เริ่มแผดเผาร่างของคนที่ยังไม่ตาย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป
"อื้อๆ"
ความโหดเหี้ยมทุกๆอย่างอยู่ในสายตาของชมจันทร์ที่กำลังมองลอดผ่านช่องเล็กเท่ารูมดของประตูห้องน้ำเก่าๆ
"มันมีหลานสาว คงน่าจะแอบอยู่แถวนี้"
เมื่อเปลวไฟลุกโชนจนสูงเหนือศีรษะไปแล้ว สายตาอันแสนจะโหดเหี้ยมก็กวาดมองหาคนอีกหนึ่งคนที่ต้องจัดการด้วย
สองร่างสูงใหญ่เลยพากันเดินรอบบ้านที่ไฟกำลังไหม้ มองหาเด็กสาวที่ไม่เคยพบหน้าคาดตากันมาก่อนท่ามกลางความมืดมิดมีที่มีเพียงแสงไฟจากรถคันใหญ่สาดส่องและไฟจากกองไฟที่กำลังแผดเผาร่างของใบ้
คนหนึ่งแยกไปทางเขตแดนของไร่ฉายตะวัน ด้วยมีช่องทางเดินเท้าเล็กๆชัดเจน
ส่วนอีกคนที่เป็นลูกพี่เดินวนรอบๆบ้าน ก่อนจะหยุดตรงหน้าห้องเล็กๆที่แยกตัวออกมาจากบ้าน สายตาที่มีแต่ดวงไฟคอยแผดเผาชีวิตคนอื่นจ้องมองห้องนั้นที่มีกองขยะสุมอยู่ตรงหน้าประตู
มือหนากำลังจะเอื้อมไปปัดกองขยะนั้นออก
"มีคนกำลังมาทางนี้ เอายังไงต่อดี"
ร่างใหญ่ที่เดินตามหาเด็กสาวไปตามทางเดิน วิ่งหน้าตาตื่นกลับมาเมื่อไปเจอกับกลุ่มคนนับสิบกำลังพากันกึ่งวิ่งกึ่งเดินด้วยความรวดเร็วมาทางนี้
"ขึ้นรถ"
สองร่างใหญ่กระโจนขึ้นรถที่จอดติดเครื่องเอาไว้ เข้าเกียร์ถอยหลังชนเข้ากับกองขยะที่เจ้าของบ้านบรรจงแยกเอาไว้เป็นอย่างดีเพื่อจะเอาไปขายกระจัดกระจาย แล้วเข้าเกียร์เดินหน้าเหยียบคันเร่งเต็มทีพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หนีไปแบบที่ยังไม่มีใครได้เห็นหน้า
"ช่วยกันดับไฟก่อน เร็วเข้า"
อาซานที่ได้ยินเสียงปืนดังแว่วๆก็รีบพาลูกน้องเกือบสิบคนมายังท้ายไร่ฝั่งตรงข้ามกับบ่อน มากันแบบเงียบๆเพื่อหวังไม่ให้เจ้าของเสียงปืนไหวตัวทัน
เขานั้นมาด้วยความร้อนใจเพราะหวั่นว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นด้วยเห็นใบ้ขึ้นรถยนต์ของใครบางคนไปตั้งแต่เมื่อตอนเย็นอย่างผิดสังเกตปกติคนอย่างใบ้แค่รถมอเตอร์ไซด์ยังไม่มีใครเรียกขึ้นเลย และเหตุร้ายมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
"ไอ้ใบ้"
ไฟดับลงหลังจากทุกคนช่วยกันดับใช้เวลาไม่นานเพราะบ้านหลังนี้มีเพียงห้องนอนกับลานหน้าบ้านที่เอาไว้แยกขยะ ทุกคนถึงกับใจหายวาบเมื่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังไฟดับลงแล้วคือร่างของใบ้
ร่างกายของคนผอมโซถูกไฟไหม้เผาไปจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นใคร มีเพียงเท้าข้างหนึ่งที่ไฟไม่ไหม้ และที่ทำให้ใครๆก็จำได้คือยังคงใส่รองเท้าแตะที่มีเชือกมัดโยงเพราะมันขาดใส่เอาไว้เป็นอย่างดี เอกลักษณ์ของไอ้ใบ้ที่เวลาเมามักเอารองเท้าของตัวเองห้อยคอด้วยกลัวมันจะหาย
"แล้วหลานสาวของใบ้ล่ะ มีใครเห็นไหม"
เกศรินที่เดินตามมาด้วยเพราะสะดุ้งตื่นด้วยได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้น กวาดสายตามองเข้าไปในกองเพลิงที่มอดดับแล้วเพื่อหาอีกคนที่เคยพบหน้ากันสองสามครั้งตอนที่เด็กคนนั้นยังเป็นหัวขโมยอยู่
"ไม่มีเลยครับคุณริน"
ทุกๆช่วยกันตามหารอบๆบ้านที่เป็นป่ารกทึบ รวมไปถึงเอาไม้ไปเขี่ยในกองเพลิงที่มอดดับไปแล้วด้วย แต่ก็ยังไม่มีใครเจอตัวหลานสาวของใบ้
"อาจเตลิดเข้าไปซ่อนในป่า ลองช่วยกันเรียกหาดู เสียงปืนดังขนาดนั้นอาจจะตกใจ"
เกศรินที่ยังคงคิดในแง่ดีเข้าไว้ ทั้งที่เธอเองก็ได้ยินว่ามีเสียงปืนสองนัดดังขึ้น นัดหนึ่งอาจฆ่าใบ้อีกนัดอาจฆ่าเด็กผู้หญิง อาจไม่มีใครรอดแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็อยากจะเจอศพของทั้งสองคนเพื่อไปทำพิธีที่วัด
"ครับ คุณริน"
ทุกคนเริ่มหากันใหม่ ทั้งตะโกนเรียก ถางป่ารกทึบรอบบ้าน บางคนก็แยกตัวเดินตามรอยรถยนต์ปริศนาที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นรอยรถของใคร แต่ก็ยังไม่มีใครเจอเด็กสาวหลานของใบ้เลย
"ขอให้หนีไปได้ อย่าซวยถูกพวกเลวนั้นจับไปได้เลย"
อาซานเดินสำรวจร่องรอยรอบๆบ้านและคอยดูแลเกศรินที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวตรงนี้ไปด้วย
เขาพบร่องรอยมากมายโดนเฉพาะรอยเท้าของผู้ชายที่น่าจะตัวใหญ่พอๆกับเขาหลายรอย มันทำเขาหวั่นใจขึ้นอีกว่าเด็กสาวตัวผอมๆจะถูกพวกมันจับไปทำไม่ดีไม่ร้ายแทนการฆ่าเสียให้ตายเพราะรอยเท้านั้นเดินแทบจะรอบบ้านเล็กๆหลังนี้
ไม่อยากจะนึกเลยว่าเด็กสาวที่กำลังเริ่มโตจะต้องตกนรกทั้งเป็นขนาดไหน ถ้าความคิดของเขาเป็นจริง
"พวกมันจะเป็นใครก็ช่าง ขอให้เด็กคนนั้นรอดก็พอ"
เกศรินรู้ดีว่าการที่ใบ้ตายนั้นต้องมีเงื่อนงำ แต่เธอไม่สนใจใส่ใจกับตรงนั้นคิดอยากให้เรื่องมันจบๆไป มีคนตายแค่คนเดียวก็สูญเสียมากพอแล้ว
"ลูกพี่ครับ"
ลูกน้องของอาซานที่ไปเจอห้องต้องสงสัยเข้า รีบวิ่งเข้ามาหาลูกพี่ของตัวเองเพื่อรายงานเรื่องสำคัญนี้ แต่สายตานั้นมองคนสวยอย่างเกศรินแทบไม่กะพริบตา
"เจอเด็กแล้วเหรอ"
เกศรินเห็นทุกอย่าง จึงเอ่ยถามก่อนที่ลูกน้องของอาซานจะเอ่ยปากพูด เพราะเธอนั้นรอรับฟังข่าวดีเพื่อลบเลื่อนภาพศพที่แสนหดหู่ใจของใบ้
"มีห้อง ห้องหนึ่งตรงนู้น น่าสงสัยครับ"
"คุณรินอยู่ตรงนี้ก่อนจะดีกว่า"
"ไม่มีอะไรหรอกนะ ถ้ามีลูกน้องของนายก็คงบอกฉันแล้ว"
เกศรินออกเดินนำหน้าอาซานคนที่ห้ามเธอไปเสียทุกเรื่อง โดยไม่หันกลับมามองเพราะเขาคงบ่นอะไรมากมายแน่นอนตามประสาคนที่มีแต่ลูกน้องคอยเชื่อฟังไม่เคยมีใครขัดคำสั่งมาก่อน
"พวกเราได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ข้างใน"
ลูกน้องของอาซานหลายคนยืนรออยู่แล้ว พร้อมที่จะเปิดประตูเพียงแค่รอคำสั่งจากปากของลูกพี่ ด้วยพวกเขาถนัดใช้กำลังไม่ถนัดใช้สมองเกิดมันไม่ควรจะเปิดจะแก้ไขทีหลังไม่ได้
"เปิดเลย มีอะไรฉันรับผิดชอบเอง"
เกศรินที่ร้อนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ออกคำสั่งแทนอาซานอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เขายังไม่ทันได้อ้าปาก