ลูกน้องของอาซานรีบช่วยกันรื้อกองขยะออก ทำงานกันอย่างแข็งขันยิ่งกว่าตอนที่ลูกพี่สั่งงานมาเองเสียอีก
“อื้อๆๆๆ”
ประตูถูกงัดออก ร่างบางที่ยังคงตกใจกลัวงอตัวที่ถูกใบ้มัดไว้แล้วกรีดร้องใส่เสื้อของลุงที่ยังคงถูกยัดอยู่เต็มปาก นึกว่ามีคนใจร้ายที่ฆ่าลุงตามมาฆ่าเธออีกคนแล้วแน่ๆ
“ไอ้ตัวเล็ก”
อาซานเข้าไปลูบหัวร่างเล็กที่สั่นเทา เรียกชื่อที่เคยเรียกอย่างคุ้นเคยตอนที่พบหน้ากันในเวลาปกติ
ชมจันทร์เงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมามอง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าหมองปะปนความหวาดกลัว ก่อนจะก้มหน้าลงตามเดิม เนื้อตัวสั่นเทาจนปลายผมยาวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อสั่นตาม
ทุกคนต่างมองดูด้วยความสงสาร รวมถึงเกศรินด้วย เธอถึงกับน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าสาวน้อยที่แสนสดใสยิ้มแย้มตลอดเวลาที่ได้พบเจอแม้เนื้อตัวจะเหม็นหึ่งไปด้วยกลิ่นของขยะที่ใครๆก็ต่างรังเกียจจะต้องเวรซ้ำกรรมซัดต้องมาพบเจอเรื่องสะเทือนจิตใจเช่นนี้
“ฉันแก้มัดให้นะ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว”
อาซานค่อยๆแก้มัดให้กับเด็กสาว เขาทำอย่างเบามือ และปลอบประโลมไปด้วยเพราะไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เจออะไรมาบ้าง แล้วใครเป็นคนมัดเธอเอาไว้ในนี้
“ลุงใบ้”
ชมจันทร์ไม่ยอมพูดกับใคร ไม่ยอมมองหน้าใคร เหมือนคนไม่มีสติอยู่กับตัว แต่พออาซานแก้มัดเธอเสร็จเธอกลับวิ่งไปยังศพของใบ้
“ลุงขังกระต่ายไว้ทำไม กระต่ายจะอยู่กับใคร”
ร่างเล็กๆของเธอทรุดนั่งลงตรงปลายเท้าของคนเป็นลุง ตะโกนก้องต่อว่าคนตายด้วยน้ำตาที่ไหลริน ด้วยเสียงสะอื้นปิ่มจะขาดใจ
สองมือน้อยๆที่ถูกมัดจนแดงลูบปลายเท้าที่ไม่ได้ถูกไฟไหม้ของคนเป็นลุงนั้นอย่างสุดอาลัย
ไม่มีอีกแล้วลุงใบ้ของเธอ แล้วต่อจากนี้เธอจะอยู่ได้ยังไง ชีวิตเธอไม่มีใครนอกจากลุงใบ้เพียงคนเดียว
"กราบลาลุงเขานะกระต่าย ลุงเขาจะได้หมดห่วง แล้วขึ้นไปเกิดใหม่บนสวรรค์ไปเป็นเทวดาที่คอยมองหนูอยู่บนฟ้า"
เกศรินนั่งลงข้างเด็กสาวชมจันทร์ เธอคอยประคองร่างเล็กที่สั่นเทาจากแรงสะอื้นเอาไว้ตลอดเวลาแม้จะสุดกลั้นน้ำตากับภาพตรงหน้าก็ตาม
“ลุงใบ้ต้องคอยมองกระต่ายทุกวันเลยนะ”
สองมือน้อยๆพนมขึ้น ก้มลงกราบเท้าคนเป็นลุงทั้งน้ำตา สะอื้นไห้สั่งลาทั้งๆที่ไม่เต็มใจ
“เดี๋ยวตำรวจจะมารับศพใบ้ไปที่โรงพยาบาลก่อน ถึงจะพาไปที่วัดได้ ฝากคุณรินดูแลไอ้ตัวเล็กมันก่อนนะครับ”
ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางเว้นเสียแต่หลานสาวของใบ้ยังคงร้องไห้เสียใจใครปลอบก็ไม่ดีขึ้น อาซานเลยจัดการโทรแจ้งความเพื่อจะได้เอาศพของใบ้ไปวัดถึงแม้จะถูกเผาไปเกือบครึ่งแต่เขาก็อยากทำบุญให้กับใบ้เป็นครั้งสุดท้าย และอยากจะให้เด็กสาวตัวน้อยรู้สึกดีขึ้นว่ายังมีเขาที่ทำตัวเหมือนญาติไม่ได้อ้างว้างแม้ไม่มีใบ้แล้ว
“ไปอยู่กับฉันนะกระต่าย ไปเป็นคนงานของไร่ฉายตะวัน”
“คุณรินหมายความว่า”
อาซานแค่ไม่ต้องการให้เด็กสาวนั้นได้เจอกับตำรวจด้วยไม่อยากให้ตำรวจถามถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมานั้นกับเด็กสาวกลัวจะเสียใจมากขึ้นไปอีก เขาจะจัดการทุกอย่างเองในเรื่องของตำรวจ แต่ไม่คิดว่าการแค่จะฝากเด็กสาวไว้กับเกศรินสักชั่วโมงสองชั่วโมงมันจะแปรเปลี่ยนเป็นรับเด็กสาวคนนี้ไปอยู่ด้วย
“ฉันควรมีผู้ช่วยทำงานบ้าน”
“นายต้องไม่พอใจเรื่องนี้แน่ๆ โดนเฉพาะรับไอ้ตัวเล็กเข้าทำงาน”
“ก็ห้ามใครพูดเรื่องนี้ทั้งนั้น เข้าใจตรงกันนะ”
เกศรินจ้องมองใบ้หน้าของอาซาน เธอเอาอำนาจที่มีมากกว่าเขาข่มเขา ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เพราะเธอรู้มาว่าสิงหราชประกาศกร้าวออกมาแล้วว่าไม่ขอเจอหน้าสองลุงหลานนี่อีก แต่มันคงไม่เกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้นหรอกเพราะเธอจะซุกซ่อนเด็กสาวคนนี้เอาไว้เป็นอย่างดี
“ห้องนี้เป็นห้องนอนของกระต่ายนะ แล้วก็นั้นเสื้อผ้าของกระต่าย แล้วนั้นก็ของใช้ส่วนตัว”
หลังจากงานศพของใบ้ที่คนทั้งไร่ฉายตะวันช่วยกันจัดขึ้นจบลง เกศรินก็พาชมจันทร์สาวน้อยที่ทั้งสงสารและแสนจะถูกชะตาเข้าบ้านแบบจริงจัง
เธอดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดี ซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่หลายชุด ซื้อของใช้ส่วนตัวให้ด้วยเพราะของเด็กสาวนั้นไม่มีอะไรเหลือเลยข้าวของถูกไฟไหม้จนหมด
แต่มีเพียงหนึ่งอย่างที่เธอทำให้ดีไม่ได้ก็คือห้องนอนของเด็กสาว เธอให้เด็กสาวนอนได้แค่ห้องเล็กๆที่อยู่ด้านหลังบ้าน ทั้งที่ใจอยากจะให้ขึ้นไปนอนที่ห้องกว้างๆข้างห้องของเธอแต่มันทำไม่ได้ เพราะเรื่องที่เธอพาเด็กสาวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้จะต้องเป็นความลับห้ามไม่ให้เจ้าของบ้านรับรู้เป็นอันขาด
“ขอบใจ”
ชมจันทร์ที่ยังอยู่ในชุดสีดำไว้ทุกข์มองทุกอย่างในห้องนอนที่หรูหราที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้ของเธอเคยมีด้วยความตื่นตาตื่นใจ ข้าวของเสื้อผ้ามากมายใหม่เอี่ยมแบบที่ไม่เคยมีมากก่อน
“ขาดเหลืออะไรก็บอกฉัน ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเธอเป็นคนงานของไร่ฉายตะวันแล้วชีวิตนี้จะไม่ขัดสนอะไรอีกต่อไป”
ยิ้มละมุมให้กับเด็กสาว พร้อมกับมือยกขึ้นไปลูบผมที่พันกันเป็นรังนกของเด็กสาวด้วยความเอ็นดู
“อื้ม”
ชมจันทร์พยักหน้าแรงๆเหมือนตอนที่คุยกับลุง แล้วก็รู้สึกคิดถึงลุงขึ้นมาด้วยจนน้ำตาคลอเบ้า ถ้าลุงอยู่ด้วยคงได้ใช้ชีวิตสุขสบายนี้ไปด้วยกัน
“ไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวจะได้เริ่มทำงานกัน”
เกศรินเห็นน้ำตาที่ยังไม่ได้ไหลของเด็กสาวนั้น ก็รีบชวนเปลี่ยนเรื่อง ชวนหาอะไรทำเพื่อที่เด็กสาวจะได้ไม่ว่างคิดถึงเรื่องเลวร้ายนั้น
และเธอก็จะสอนมารยาทให้กับเด็กสาวด้วย เพราะเธอนั้นอยากให้เด็กสาวโตไปเป็นคนที่น่ารักเพียบพร้อม มีแต่คนรักคนเมตตา
“ทำไมวิ่งลงส้นเท้าเสียงดังมาแบบนั้นล่ะกระต่าย”
เกศรินหันไปดุชมจันทร์ที่ทำกิริยาไม่เรียบร้อยจนเกิดเสียงดังมาตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงในครัวที่เธอนั้นยืนทำขนมอยู่
“กระต่ายขอโทษค่ะ กระต่ายเห็นรถของนายสิงห์มาก็เลยตกใจ”
ชมจันทร์ในวัยสิบเก้าปีกระหืดกระหอบตอบออกไป พร้อมยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษอย่างอ่อนน้อม
“มาไม่บอกล่วงหน้าอีกแล้วนะ”
เกศรินบ่นอุบกับคนที่เป็นเจ้านายของเธอ และเป็นคนที่เธอแอบรักจนยอมทิ้งความเพียบพร้อมทุกอย่างในชีวิตที่เธอมีมาเป็นแค่แม่บ้าน
“กระต่ายไปแอบในห้องก่อนนะคะ”
“อย่าลืมล่ะ ถ้าไม่ใช่ฉันไปเรียกกระต่ายห้ามออกมานะ”
“ค่ะ คุณริน”
ชมจันทร์รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างรู้หน้าที่ด้วยตลอดเวลาที่อยู่บ้านนี้มาสามปีกว่าๆเธอก็ทำแบบนี้ตลอดทุกครั้งที่เจ้าของบ้านมา เพื่อให้ได้อยู่ที่นี่ตลอดไปถึงแม้รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ และเจ้าของบ้านก็เกลียดขี้หน้าเธอเอามากๆด้วย แต่ชีวิตของเธอไม่เหลือใครอีกแล้วต่อให้ต้องทำความผิดอีกมากสักแค่ไหนเธอก็ยอมเพื่อแลกกับการได้มีบ้านอยู่