"อาเค่อ"
"ขอรับท่านย่า"
"เจ้าควรจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเมิ่งเอ๋อร์ได้แล้วนะลูก"
หญิงชรากระซิบบอกหลานชายขณะที่ชายหนุ่มประคองนางมาส่งเพื่อขึ้นรถม้าไปทำบุญที่วัด ฮูหยินเฒ่ากล่าวเช่นนี้ด้วยเพราะนางคอยสอบถามความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองคนทั้งจากหยางจิวเมิ่งเองและจากหลานชายเสมอ ซึ่งหญิงชราได้รู้จากหลานชายคนซื่อของนางที่บอกนางจนหมดเปลือกว่า ตั้งแต่แต่งงานกันมาหลานชายนั้นแยกมานอนที่ตั่งข้างเตียงเพื่อไม่ให้ภรรยาอึดอัด เพราะก่อนหน้านี้หยางจิวเมิ่งแพ้ท้องหนักและเหม็นตัวเขามาก
เมื่อท่านย่าได้ฟังเช่นนั้นมีหรือจะยอม หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆนอกจากหลานชายนางต้องทนลำบากนอนไม่สบายตัวแล้วชาตินี้ก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้หยางจิวเมิ่งเสียทีเป็นแน่ ด้วยรู้ดีว่าหลานชายตนพอใจในตัวของหยางจิวเมิ่งผู้เป็นหลานสะใภ้มากแค่ไหนแต่หลานชายของนางก็ซื่อบื้ออืดอาดเสียจนไม่ทันใจคนแก่ หากปล่อยให้เหอจิ้นเค่อเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง กว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะคืบหน้านางคงต้องรอเกิดมาติดตามผลงานชาติหน้าเสียกระมัง
หญิงชรามองหลานชายอย่างเวทนานัก เหอจิ้นเค่อเก่งกาจรอบด้านแต่เรื่องรักนั้นกลับไม่ประสีประสาไม่รู้จักเข้าหาและออดอ้อนทำคะแนน นางสอนให้ดีกับจิวเมิ่งหลานชายก็ทำดีด้วยอย่างเดียวพอใจเขาแต่ก็ไม่กล้าจะรุกคืบ รักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัดมานานเป็นเดือนๆตามเมียบอกอย่างซื่อสัตย์ เช่นนี้แล้วนางจะมีสิทธิ์ได้เหลนคนต่อไปได้อย่างไรกัน หากมัวรอให้สองคนนี้สานสัมพันธ์กันเองท่านย่าเช่นนางคงต้องรอหยางจิวเมิ่งตั้งท้องหลานคนที่สองให้ได้เชยชมอีกหลายปีหรืออาจไม่มีอีกเลยก็เป็นได้
ท่านย่าจึงต้องคอยสอนให้หลานชายรู้จักที่จะรุกคืบเสียบาง มิใช่เพียงมองอย่างพึงใจเหมือนชมปลาสวยงามมีค่าว่ายวนอยู่ในบ่อเช่นนี้
"แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับเมิ่งเอ๋อร์ก็ดีขึ้นมากแล้วนี่ขอรับท่านย่า"
"ดีอย่างไร ไหนเจ้าบอกย่าสิ"
"เมิ่งเอ๋อร์ไม่เกลียดข้าเช่นเมื่อก่อน เขาให้ข้าเข้าใกล้ได้มากกว่าแต่ก่อน เราคุยกันบ่อยขึ้น ข้าบอกเขาทุกเรื่องไม่ว่าข้าจะไปที่ไหนขอรับท่านย่า"
"เฮ้อ..อาเค่อเอ้ย แค่นี้ยังไม่พอหรอกลูก เช่นนั้นย่าถามเจ้า เจ้าได้นอนข้างน้องหรือยัง"
"เอ่อ...ยังขอรับ" ใบหน้าเรียบนิ่งหลบสายตาผู้เป็นย่าเล็กน้อย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าใบหูของชายหนุ่มมันกำลังขึ้นสีเพราะความรู้สึกเขินของเจ้าตัวภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้น
"นั่นปะไรเห็นหรือไม่" ท่านย่าจิปากอย่างขัดใจกับคำตอบที่ได้รับเมื่อครู่ แม้จะคาดไว้แล้วแต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย
"อย่างไรหรือขอรับ"
"อาเค่อเอ๋ยอาเค่อ เจ้านี่จริงๆ เชียว ต้องให้ย่าสอนทุกเรื่องหรืออย่างไรกันลูก หาทางเข้าใกล้ให้มากกว่าเดิมได้แล้ว ตอนนี้เมิ่งเอ๋อร์ไม่เหม็นเจ้าแล้วจะรออะไรเล่าลูก ขอเมิ่งเอ๋อร์เคียงหมอนนอนข้างกันเสียที แยกกันนอนเช่นนี้เมื่อไหร่จะก้าวหน้า ย่ารับรองว่าหากน้องตกลงเมื่อไหร่ หลังจากนี้พวกเจ้าจะได้พัฒนาความสัมพันธ์กันแน่นอน" หญิงชรากระซิบบอกด้วยความขัดใจในคราวแรกก่อนจะเกิดรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ หลังจากว่าแผนการให้หลานชายฟังหวังช่วยกระชับความสัมพันธ์ของหลานชายและหลานสะใภ้
"เมิ่งเอ๋อร์เขาจะยอมให้ข้านอนข้างๆ ได้งั้นหรือขอรับ" ชายหนุ่มถามคิ้วแทบชนกันด้วยความสงสัย
"เจ้าเซ่อนี่ ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร ใช้หน้าตาหล่อเหลาของเจ้าให้เป็นประโยชน์สิ ออดอ้อนน้องเข้าเผื่อน้องจะใจอ่อน" ท่านย่ายกมือขึ้นลูบใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาของหลานชายก่อนจะตบแปะๆ ไม่แรงนักด้วยรอยยิ้ม หลานชายนางหล่อเหลาและแสนดีออกปานนี้ เมิ่งเอ๋อร์เป็นคนจิตใจดีและขี้สงสารต้องยอมใจอ่อนเป็นแน่
"ขอบคุณขอรับท่านย่าที่แนะนำ" เหอจิ้นเค่อค้อมศีรษะอย่างนับถือ ด้วยรู้สึกว่าวิธีของท่านย่านี้ช่างแยบคายนัก หญิงชราก้มลงกระซิบบอกบางเรื่องที่สำคัญลงข้างหูหลานชายก่อนผละออกไป เหอจิ้นเค่อฟังก็อมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะส่งท่านย่าขึ้นรถม้า
"เดินทางปลอดภัยนะขอรับท่านย่า ท่านป้าชุยดูแลท่านย่าแทนข้าด้วยนะขอรับ"
"เจ้าค่ะคุณชายไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ"
"ไม่ต้องห่วงย่าหรอกย่าดูแลตัวเองได้ อย่าลืมทำตามที่ย่าบอก" หญิงชราป้องปากกระซิบบอกบางอย่างแก่หลานชายซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะขยิบตาขวาให้หนึ่งทีด้วยรอยยิ้มแล้วก้าวขึ้นรถม้าไป
เหอจิ้นเค่อนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าตอนที่เขาไปส่งท่านย่า และดูเหมือนว่าวิธีของท่านย่าจะได้ผล เวลานี้เมิ่งเอ๋อร์ของเขายอมอนุญาตให้เขานอนบนเตียงเดียวกันแล้ว เพียงได้นอนเคียงข้างกันแค่นี้คิดแล้วหัวใจของเหอจิ้นเค่อก็เต้นไม่เป็นส่ำ ชายหนุ่มรู้สึกประหม่าไปหมดเสียจนมือไม้ชุ่มเหงื่อ
แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเป็นฝ่ายปลุกปล้ำรังแกจนหยางจิวเมิ่งตั้งท้องขึ้นมา แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นมันเกิดขึ้นเพราะความขาดสติเขาจึงได้กระทำเรื่องนั้นลงไปอย่างไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่คราวนี้ที่สติอยู่ครบคนอ่อนประสบการณ์เช่นเขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงแค่ได้นอนข้างกันแต่ก็เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นไม่น้อย ด้วยเพราะกำลังดีใจที่มีโอกาสได้นอนข้างภรรยาเสียที หลังจากแต่งงานกันมานานเป็นเดือน
'รุกคืบ รุกคืบ ท่องไว้เหอจิ้นเค่อเจ้าต้องทำได้ท่านย่าสอนมาแล้ว' ชายหนุ่มครุ่นคิดคนเดียวในใจพลางแอบชำเลืองมองคนข้างกายที่นอนไม่หลับเช่นกัน หยางจิวเมิ่งรู้สึกใจเต้นแรงเสียจนเหนื่อยไปหมด ทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ที่จู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายขอนอนด้วย เขาจะไปทำเช่นไรได้ในเมื่อห้องนอนนี้เป็นของคุณชายเหอ ส่วนเตียงนี้ก็เป็นของคุณชายเหอเช่นกัน หากปฏิเสธก็ดูจะแล้งน้ำใจเกินไป คุณชายเหอต้องอดทนนอนบนตั่งไม้นั้นมาเป็นเดือนเพราะเขาแพ้ท้องโดยที่เจ้าตัวไม่เคยบ่นสักครั้ง หยางจิวเมิ่งจึงใจร้ายไม่ลงที่อีกฝ่ายขอเช่นนี้ คงเป็นเพราะพรุ่งนี้จะเดินทางคุณชายเหอคงอยากจะนอนพักผ่อนให้เต็มที่กระมัง ร่างบางกำลังคิดหาเหตุผลจากเรื่องนี้ทั้งที่ตนเองก็ยังคงตื่นเต้นไม่น้อย
'อย่าตื่นเต้น จิวเมิ่งทำใจดีๆ ไว้สิ ต่างเป็นบุรุษด้วยกันทั้งคู่นอนข้างกันจะเป็นไรไป ฮือ..แต่ทำไมใจข้าเต้นแรงอย่างนี้เล่า'
หยางจิวเมิ่งคิดไปแอบเหลือบสายตามองคนข้างกาย มือไม้เขาเวลานี้อยู่ไม่สุขเสียแล้วเพราะมันกำลังกำขยี้ผ้าห่มบนกายตนเองจนยับย่นไปหมดด้วยความตื่นเต้น
สุดท้ายคุณชายเหอกลับทำสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง หยางจิวเมิ่งสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมดวงตากลมโตนั้นเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจเมื่อรู้สึกว่าร่างหนาเบียดกายเข้ามาแนบชิด จากนั้นเหอจิ้นเค่อก็พลิกตัวเข้ามาหาเขา นอนตะแคงมองเขาในระยะที่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนกำลังรินรดต้นคอของเขาได้อย่างชัดเจน ไรขนอ่อนแถวต้นคอของเขาเวลานี้มันกำลังพากันลุกซู่ขึ้นมาเกรียวอย่างบอกไม่ถูก มือหนาของคนข้างกายเอื้อมมาฉวยเอามือบางของเขาที่มันกำลังเย็นเยียบไปครอบครอง ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดลงสู่มือน้อยที่เย็นเยียบนั้นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ หยางจิวเมิ่งกำลังรู้สึกว่าใบหน้าเขามันกำลังร้อนวูบวาบไปหมดเสียจนไม่รู้จะทำเช่นไรดี
เหอจิ้นเค่อไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนานก็กล่าวต่อหมายรุกคืบให้ได้ตามเป้าหมายที่ท่านย่าสอนสั่งมาเป็นอย่างดี
"แต่ว่าพรุ่งนี้พี่ต้องไปไกลเจ้ากับลูกตั้งหลายวัน คงคิดถึงเจ้าสองคนแม่ลูกแย่ คืนนี้ขอนอนกอดพวกเจ้าได้หรือไม่" เหอจิ้นเค่อกล่าวออกมาหน้าตายยกมือบางที่กอบกุมไว้ขึ้นไปจุมพิตหมายจะมอบไออุ่นให้มือที่เย็นเยียบนั้น ทำเอาใบหน้าหวานแดงซ่านมากขึ้นไปเสียยิ่งกว่าเดิม หยางจิวเมิ่งแทบหยุดหายใจยามเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนนั้นจรดลงบนผิวเนื้อ
"..." ริมฝีปากคู่สวยขบเม้มเข้าหากันด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ก้อนเนื้อในอกเขามันกำลังเต้นตุ๊บตั๊บโครมครามเสียจนในอกสั่นไหว ร่างบางทำได้แต่นอนนิ่งจนไม่กล้าขยับ เวลานี้มีเพียงแค่ดวงตากลมโตที่กะพริบปริบๆ เสตาหลบคนข้างๆ ด้วยความเขินอาย
"หากเจ้าไม่ปฏิเสธพี่จะถือว่าเจ้าตกลง" น้ำเสียงนุ่มนวลที่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้างกล่าวจบก็ดึงเอาร่างบางข้างๆ เข้ามากอดแนบอก ทำเอาหยางจิวเมิ่งแทบจมหายไปในแผ่นอกกว้างนั้น ด้วยความแนบชิดทำให้ทั้งสองสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจของกันและกันได้อย่างชัดเจน จังหวะหัวใจของคนทั้งคู่ต่างระรัวดังขึ้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ใกล้ชิดกัน เสียงหัวใจของทั้งสองที่เต้นประสานกันอย่างรุนแรงอยู่ครู่ใหญ่ของคนทั้งคู่ ค่อยๆ หลอมรวมกันจนกลายเป็นจังหวะเดียว ก่อนที่มันจะแผ่วความรุนแรงลงจนเป็นปกติในอ้อมกอดอบอุ่นนั้น ร่างบางทำได้เพียงซุกหน้าลงบนอกแกร่งของอีกฝ่ายอย่างไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคนหน้าหนาตรงหน้าแม้แต่น้อย
หยางจิวเมิ่งทำได้แค่เพียงคิดหาเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายเหอกัน เหตุใดวันนี้จึงมาจู่โจมเขาหนักเช่นนี้ เพียงแต่คิดหาเหตุผลได้ไม่เท่าไหร่หัวใจที่เต้นโครมครามรุนแรงมาครู่ใหญ่ก็ทำให้ร่างบางเหนื่อยอ่อนจนผล็อยหลับลงไปอย่างรวดเร็ว ผิดกับคนเจ้าเล่ห์ที่กำลังยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจในผลงานของตน
'ขอบพระคุณขอรับท่านย่า' เหอจิ้นเค่อนึกขอบคุณคำแนะนำเด็ดของท่านย่าในใจ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นร้อนจุมพิตลงบนหน้าผากมน ร่างหนาพิศมองใบหน้าขาวลออนวลเนียนตรงหน้าอย่างหลงใหล ราตรีงดงามกลางวสันตฤดูในคืนนี้แม้ท้องฟ้าจะงดงามดวงดาวพราวฟ้าเพียงไหน ก็ไม่อาจงดงามเทียมเท่าดวงหน้าของคนในอ้อมกอดเหอจิ้นเค่อได้ ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างมีความสุขกอดร่างบางไว้อย่างแนบแน่นเช่นนั้นจนหลับไป
เขาสามารถทำตามที่ท่านย่าสอนสั่งจนได้สำเร็จสมดังหวังแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับจิวเมิ่งในคืนนี้คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วจนเขาเองก็ยังคิดไม่ถึง หากท่านย่ากลับมาเหอจิ้นเค่อคงต้องคุกเข่าคำนับสักร้อยครั้งให้สมกับคำแนะนำอันแสนมีค่านี้ :)
.
.
.
พอเข้ายามอิ๋น[1]ร่างหนาที่หลับสบายมาทั้งคืนก็ตื่นขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะเดินทาง แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมากลับพบร่างบางโถมกายเข้ากอดเขาที่นอนหงายอยู่เกือบทั้งตัวหยางจิวเมิ่งนอนก่ายบนตัวเขาซุกหน้าลงบนอกแกร่งอย่างไม่มีวี่แววจะตื่น ร่างบางกำลังนอนหลับสบายเหมือนเด็กเล็กๆ ก็ไม่ปาน แก้มกลมของใบหน้าหวานยู่กับอกเขาเสียจนเป็นก้อน ริมฝีปากสีอ่อนเผยอเล็กน้อยไปตามแก้มที่ถูกดัน
แขนเรียวกอดก่ายเขาเอาไว้แน่นไม่ปล่อยด้วยท่าทางที่กำลังนอนหลับสบายของอีกคน ทำเอาเหอจิ้นเค่อรู้สึกเกรงใจเสียจนไม่กล้าขยับ ด้วยกลัวจะรบกวนคนตัวเล็กที่กำลังนอนหลับสบายเวลานี้ ชายหนุ่มใช้ลำแขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กอย่างถนอม แล้วจึงค่อยๆ ประคองลงนอนบนเตียงดีๆ ในจังหวะที่เขาค่อยๆ พลิกตัว ร่างบางยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้สึกตัวตื่นแม้แต่น้อย คุณชายเหอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขด้วยความเอ็นดูเมื่อได้เห็นคนตรงหน้า
เขาไม่เคยรู้ได้เลยว่ายามที่ได้อยู่กับร่างบางตรงหน้านี้วันๆ หนึ่งตนเองนั้นต้องยิ้มไปวันละกี่ครั้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้จะหารอยยิ้มแต่ละครั้งจากคนเช่นเขานั้นหาได้ยากเต็มทน ยิ่งช่วงก่อนหน้าที่จะได้พบกันครั้งแรกตอนที่เขาเสียเจียวหวงไป เหอจิ้นเค่อก็ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความทุกข์แรมเดือน หยางจิวเมิ่งเป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกคล้ายมีบางอย่างดึงดูดเขาให้อยากชิดใกล้ อยากดูแลและปกป้องคนตัวเล็กตรงหน้านี้ไปตลอดชีวิต
แม้เขาจะยังไม่กล้าพูดว่ารักได้อย่างเต็มปากเพราะเราต่างยังไม่รู้จักกันมากพอ แต่คนคนนี้ในใจเขานั้นพิเศษเสียจนตนเองก็ยังคาดคิดไม่ถึงเลยจริงๆ นับวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันความรู้สึกดีในใจเขาก็ยิ่งเพิ่มพูน ด้วยความน่ารักและแสนดีของร่างบางที่เขาสังเกตเห็นมาตลอดนี้ ดุจเซียนน้อยรูปงามผู้ใจดี หยางจิวเมิ่งกำลังทำให้เขาหลงรักมากขึ้นทุกวัน เวลานี้เขารู้เพียงแต่ว่าไม่อยากออกห่างจากคนผู้นี้แม้สักก้าว
อยากพบอยากเจอห่วงหาอาทรทุกเวลาแม้ยามทำงานก็อดคิดถึงไม่ได้ ทุกวันต้องเร่งจัดการธุระในมือให้เสร็จทันเวลาเพื่อจะได้กลับบ้านมาพบเจอคนตัวเล็ก เหอจิ้นเค่อเคยคิดหลายครั้งว่าเพราะเหตุใดเขาจึงเป็นเช่นนี้ได้ ทั้งที่เขาและหยางจิวเมิ่งเคยมีสัมพันธ์ด้วยกันเพียงแค่คืนเดียว แต่มันก็ไร้ซึ่งคำตอบ บางครั้งความรู้สึกมันก็หาเหตุผลมารองรับได้ยาก อาจเป็นเช่นที่ท่านย่ากล่าวว่า เรื่องของหัวใจใช้ความคิดมาวิเคราะห์ไม่ได้
ร่างหนาก้มหน้าลงมาขโมยหอมแก้มคนหลับเสียฟอดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมตัวออกเดินทาง
หยางจิวเมิ่งตื่นขึ้นมาในตอนที่เหอจิ้นเค่อกำลังจะออกจากห้องพอดี ร่างบางคิดจะไปส่งจึงตื่นแต่เช้าเช่นกันแต่ก็เกือบจะไม่ทันร่างหนาที่กำลังจะก้าวเดินจากห้อง
"ท่านพี่จะออกเดินทางแล้วหรือขอรับ"
"ตื่นแล้วหรือ พี่เสียงดังทำให้เจ้าตื่นหรือเปล่า"
"เปล่าขอรับ ข้าตื่นเพราะอยากไปส่งท่านพี่"
ร่างหนาได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหัวใจพองโตอย่างประหลาด ก่อนจะก้าวถอยกลับมาหาคนที่นั่งงัวเงียอยู่บนเตียง
"ไม่ต้องหรอก เจ้านอนต่อเถิดยังไม่สว่างดีเลย เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้วส่งแค่ตรงนี้เถิดหนา"
"ขอรับ เช่นนั้นเดินทางดีๆ นะขอรับ"
"อืม" ร่างหนาพยักหน้าก่อนก้มลงมาจุมพิตลงบนกลุ่มผมอ่อนนุ่มของคนตรงหน้าเพื่อบอกลาและเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คนที่ง่วงนอนเมื่อครู่ตาสว่างขึ้นมาด้วยใบหน้าร้อนฉ่า อย่างคาดไม่ถึงว่าจะถูกขโมยจูบแต่เช้าเช่นนี้ หยางจิวเมิ่งทิ้งตัวลงนอนเบิกตาโพลงอยู่นานพลิกตัวไปมาไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ
"แง...ทำอะไรของท่านกันเนี่ย ข้าเขินจะตายแล้วนะ" ร่างบางกลิ้งไปมาบนเตียงอยู่หลายตลบด้วยความเขินอายจนอรุณฉาย
แม้หยางจิวเมิ่งจะทำใจเอาไว้แล้วว่าตนแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเขา สุดท้ายแล้วคงไม่พ้นเรื่องเช่นนี้เข้าสักวัน แต่พอถูกจู่โจมถี่ๆ ติดกันเช่นนี้เข้า ก็ให้รู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย
"ฮูหยินน้อยขอรับตื่นแล้วหรือขอรับ" เสียงเสี่ยวไป๋ดังขึ้นดับความคิดฟุ้งซ่านของร่างบางที่ลุกมาแต่งตัวแล้วเวลานี้ แต่ก็ยังคงคิดเรื่อยเปื่อยไปไม่หยุดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและเมื่อเช้า
"อืม..ตื่นแล้ว" หยางจิวเมิ่งตอบอย่างดูไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่นัก ขณะที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้าคันฉ่อง
"มาขอรับข้าน้อยช่วยท่านเกล้าผมเอง" เสี่ยวไป๋หยิบหวีขึ้นมาช่วยจัดการหวีและรวบผมให้อย่างเบามือด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เด็กน้อยสังเกตเห็นหน้าตาของผู้เป็นนายดูเหมือนจะมีสิ่งผิดปกติจึงเอ่ยทักด้วยท่าทีเป็นห่วง
"เอ๋..ฮูหยินเช้านี้ทำไมท่านหน้าแดงจังเลยขอรับ"
"เปล่าซะหน่อย ไม่เห็นแดงเลย" ร่างบางรีบยกมือขึ้นกุมแก้มสองข้างของตนเองเอาไว้ แต่เสี่ยวไป๋ก็ยังเอื้อมมือไปรั้งออกชี้ให้ผู้เป็นนายดูเงาสะท้อนของตนเองบนคันฉ่องอยู่ดี
"นี่ไงขอรับฮูหยินแก้มท่านแดงออกอย่างนี้ ไม่สบายหรือเปล่าขอรับบ่าวไปตามท่านหมอมาดูท่านหน่อยดีหรือไม่"
"เอ่อ ม..ไม่เป็นไร เสี่ยวไป๋รีบเกล้าผมเถิดเดี๋ยวไปทานข้าวเช้าสายท่านแม่จะตำหนิเอา" ร่างบางละล่ำละลักตอบไม่เต็มเสียงนักก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้ดีว่าตนเองกำลังหน้าแดงเพราะคิดถึงเหอจิ้นเค่ออยู่
"ขอรับ" เสี่ยวไป๋ได้แต่รับคำอย่างงงๆ ก่อนจะจัดการเกล้าผมให้จนเสร็จ สองนายบ่าวจึงพากันออกมาจากห้องเสี่ยวไป๋คอยประคองระวังฮูหยินน้อยของเขาตลอดเหมือนเคยทั้งๆ ที่หยางจิวเมิ่งบอกแล้วว่าไม่เป็นไร อาการแพ้ท้องของเขาดีขึ้นมามากแล้ว แต่เด็กน้อยก็ยังไม่เคยวางใจและระมัดระวังอย่างดีเสมอเช่นเคยอยู่ดี ด้วยเพราะเคร่งครัดในคำสั่งของผู้เป็นนายเช่นเหอจิ้นเค่อที่กำชับนักหนา
.
.
.
เพราะวันนี้ไม่มีใครอยู่หยางจิวเมิ่งที่รู้สึกเบื่อๆ จึงกลับไปบ้านของตนเองในช่วงกลางวัน เพื่อไปเยี่ยมน้องชายและแม่เลี้ยงที่บ้าน ด้วยเพราะไม่ได้กลับไปบ้านตนเองมานาน นับตั้งแต่แต่งงานออกมาเขาก็ไม่เคยได้กลับไปบ้านสักคราตามธรรมเนียมด้วยเพราะอาการแพ้ท้องอย่างหนักของตนจึงทำให้ไม่สะดวกนัก นายอำเภอหยางผู้เป็นบิดาจึงบอกให้ละเว้นธรรมเนียมเยี่ยมบ้านที่เจ้าสาวทุกคนต้องกลับไปบ้านหลังจากแต่งงานไป
เพียงแต่ระยะนี้อาการของเขาดีขึ้นมากหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จและไปดูแลสวนผักตามที่แม่สามีสั่งไว้เรียบร้อย หยางจิวเมิ่งจึงกลับไปที่บ้านของตนเอง ดีว่าเมื่อคืนนี้เขาขออนุญาตคุณชายใหญ่เอาไว้แล้ว หาไม่คนที่เฝ้าประตูคงไม่ยอมให้เขาได้ออกไปไหนเป็นแน่ และแน่นอนว่าเสี่ยวไป๋ต้องติดสอยห้อยตามหยางจิวเมิ่งไปด้วยพร้อมรถม้าตระกูลเหอที่คุณชายใหญ่สั่งไว้ว่าให้พาฮูหยินน้อยไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ
ร่างบางกลับมาบ้านพร้อมกับแวะซื้อของอร่อยมาฝากน้องๆ และบิดามารดาหลายอย่าง ทั้งขนมและของอร่อยต่างๆ มากมายที่เขานำมาฝากทุกคนในตระกูลหยาง หยางจิวเมิ่งใช้เงินที่คุณชายใหญ่ทิ้งไว้ให้สำหรับใช้ส่วนตัว เจียดออกมาซื้อของกินของเล่นไปฝากน้องชายทั้งสองพอสมควร เมื่อรถม้ามาจอดที่หน้าตระกูลหยางก็ทำให้ร่างบางแปลกใจไม่น้อย บ้านตระกูลหยางย้ายมาอยู่ใกล้บ้านตระกูลเหอมากขึ้นด้วยบิดาเขาได้รับตำแหน่งนายอำเภอจึงมีบ้านประจำตำแหน่งที่อยู่กลางเมืองไม่ต้องอยู่ชานเมืองในบ้านเล็กๆ เช่นเมื่อก่อน ได้ข่าวว่าบ้านเก่าของพวกเขาบิดานั้นได้ปล่อยให้คนเช่าอาศัยอยู่เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวอีกทาง
หยางจิวเมิ่งมองดูจวนตระกูลหยางด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม จวนที่ใหญ่โตกว่าบ้านเดิมจากน้ำพักน้ำแรงความสามารถของท่านพ่อที่เขาไม่ทันได้มีโอกาสมาร่วมอยู่อาศัย แต่ก็เอาเถิดหากทุกคนมีชีวิตที่ดีกว่าแต่ก่อนไม่ว่าอะไรเขาล้วนยินดีด้วยทั้งสิ้น หยางจิวเมิ่งก้าวเท้าเข้าสู่ตระกูลหยางได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนวิ่งตรงเข้ามาหา พร้อมแม่เลี้ยงที่เดินตามออกมาเพราะมีคนเข้าไปรายงานฮูหยินนายอำเภอให้ทราบว่าบุตรชายกลับมาเยี่ยมถึงเรือน
"พี่ใหญ่ /พี่ใหญ่ ท่ากลับมาแล้ว" เด็กสองคนโผเข้ากอดหยางจิวเมิ่งแน่นด้วยความคิดถึง หลังจากต้องพลัดพรากกันไปหลายวันคนที่เคยเห็นหน้าค่าตากันตลอดก็รู้สึกใจเสียไปไม่น้อย หยางจิวเมิ่งเห็นน้องๆ เป็นเด็กดีขึ้นวิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความคิดถึงก็ทำให้รู้สึกดีใจเสียจนน้ำตาเอ่อ
"นี่พวกเจ้าทำตัวดีๆ หน่อย กระโจนใส่พี่ใหญ่ของพวกเจ้าเช่นนั้นได้อย่างไรกัน หากล้มไปจะทำอย่างไร" ฮูหยินหยางเดินตามเจ้าเด็กน้อยสองคนเข้ามาออกปากดุ ด้วยกลัวว่าเด็กสองคนจะรุนแรงเกินไปจนกระทบกับครรภ์ของลูกเลี้ยงนางได้ แม้นางจะไม่ชอบหยางจิวเมิ่งแต่ก็ไม่ได้อยากทำร้ายทำลายถึงเพียงนั้น
"คารวะท่านแม่"
"คารวะฮูหยินหยาง"
"ตามสบายเถอะ แล้วคุณชายเหอไม่ได้มากับเจ้าด้วยหรือ" สตรีผู้ทรงอำนาจในบ้านกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความยินดียินร้ายใดๆ
"ท่านพี่เขาไปต่างเมืองขอรับ ข้าอยู่บ้านว่างๆ ก็เลยมาเยี่ยมพวกท่านคนเดียว"
"ว่างที่ไหนกันฮูหยินน้อยท่านเพิ่งถูกใช้เยี่ยงทาสมาชัดๆ"
"เสี่ยวไป๋ ไปเล่นกับน้องข้าก่อนเถิดไป"
"ขอรับๆ"
"เดี๋ยวๆ เกิดอะไรขึ้นเสี่ยวไป๋เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ"
"ไม่มีอะไรขอรับท่านแม่"
"..."
"ตามใจไม่เล่าก็ไม่เล่าโง่นักก็ให้ถูกแม่ผัวโขกสับให้ตาย" ฮูหยินหยางประชดประชันก่อนพากันเดินเข้าไปในบ้าน หยางจิวเมิ่งมองตามแม่เลี้ยงอย่างไม่ถือสาด้วยรู้ว่านางปากร้ายไปอย่างนั้นเช่นเคย
.
.
.
TBC.
#พรวิเศษ
เชิงอรรถ
^ ยามอิ๋น (*:yín) คือ 03.00 - 04.59 น.