บทที่ 13/1 เหอจิ้นชิง แม่เสือตระกูลเหอ

3240 คำ
         ฮูหยินหยางเดินนำลูกเลี้ยงมายังห้องโถง ห้องหับที่นี่ดูหรูหรากว้างขวางกว่าบ้านเดิมไม่น้อย หยางจิวเมิ่งให้เสี่ยวไป๋นำของฝากที่ตนตั้งใจแวะซื้อออกมา ทั้งขนม ของเล่นต่างๆ ถูกนำมาจัดวางอย่างเต็มโต๊ะ จนเด็กทั้งสองถึงกับตกตะลึงตาวาวด้วยความยินดี "ว้าว..พี่ใหญ่ของเล่นกับขนมนี่" จิวหูกับจิวชี่ตาวาวเมื่อได้เห็นขนมน่าทานมากมายรวมทั้งของเล่นมีราคาที่พวกเขาไม่เคยได้จับต้องมาก่อน "พี่ซื้อมาให้พวกเจ้าแบ่งกันนะ" หยางจิวเมิ่งรู้ดีว่าน้องๆ คงตื่นตาตื่นใจไม่น้อยด้วยตัวเขาเองและน้องๆ ไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้เพราะฐานะครอบครัวที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก เมื่อวันนี้เขามีเงินมากพอที่จะซื้อหาได้ไม่ลำบากจึงอยากมอบของดีๆ เหล่านี้ให้แก่น้องๆ บ้าง "ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ท่านใจดีจัง" เด็กทั้งสองมองขนมและของเล่นที่ได้รับด้วยความดีใจ ของเล่นเหล่านี้ท่านแม่ไม่เคยยอมซื้อให้พวกเขาเล่นแม้แต่น้อย ทั้งสองคนได้แต่มองตาละห้อยมาตลอด แต่ในวันนี้พี่ใหญ่ของพวกเขากลับซื้อมันมาให้ตั้งหลายอย่าง จึงทำให้เด็กทั้งสองอดที่จะตื่นตาตื่นใจไม่ได้ เพียงได้รับสินบนเป็นขนมและของเล่นที่ถูกใจ จิวหูกับจิวชี่ก็สัญญากับตนเองว่า แต่นี้ไปจะไม่ดื้อกับพี่ใหญ่เช่นเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว  "สิ้นเปลือง ซื้อมาทำไมกัน" ฮูหยินหยางดุเล็กน้อยแม้ว่าจะรู้สึกมีความสุขกับรอยยิ้มกว้างของเด็กทั้งสอง แต่ด้วยเพราะเห็นว่าสิ่งของเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งจำเป็นและดูเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ จึงออกปากบ่นตามประสาด้วยความเคยชิน "ข้าทราบดีขอรับว่ามันฟุ่มเฟือย แต่ว่านานๆ ครั้งคงไม่เป็นไรหรอกนะขอรับท่านแม่ อีกอย่างข้าอยู่ตระกูลเหออย่างสุขสบายก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงน้องๆ ข้าแค่อยากให้พวกเขาได้รับของขวัญชิ้นพิเศษบ้าง" หยางจิวเมิ่งกล่าวด้วยความสัตย์จริง แม้อยู่ตระกูลเหอจะมีหลายคนไม่ชอบเขา แต่ชีวิตโดยรวมก็สุขสบายมีความสุขดีเพราะคุณชายเหอใส่ใจเขาทุกอย่าง หากไม่นับที่ถูกแม่สามีรังแกอยู่บ้าง ร่างบางเพียงอยากให้คนในครอบครัวได้รับสิ่งดีๆ เหล่านั้นเช่นที่ตนได้บ้าง ใช่ว่าเขาได้เป็นสะใภ้ตระกูลใหญ่โตแล้วจะฟุ่มเฟือยถลุงใช้เงินของสามี หยางจิวเมิ่งไม่เคยเรียกร้องขอเงินจากเหอจินเค่อแม้สักเล็กน้อย มีแต่อีกฝ่ายที่เป็นธุระจัดการเรื่องเหล่านี้ให้ด้วยเพราะกลัวว่าจะไม่สมหน้าสมตาที่เขาเป็นถึงฮูหยิน เดิมทีคุณชายเหอจะจ่ายเงินเดือนให้เขาจำนวนมากเรียกได้ว่าเป็นรายได้สิบเท่าจากที่เขาเคยหาได้ด้วยตนเองในสมัยก่อน แต่หยางจิวเมิ่งก็ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากถูกฮูหยินใหญ่และคนอื่นๆ มาตำหนิพูดจาค่อนแคะเขาได้ภายหลัง แต่สุดท้ายเพราะถูกสามีคะยั้นคะยอจึงขอรับเงินจำนวนเท่ากับรายได้ปกติที่เขาเคยหาได้เท่านั้น เหอจิ้นเค่อที่ส่งคนไปดูแลสวนผักให้หลังจากได้รายได้จากตรงนั้นก็จะทบเงินจำนวนเท่ากันให้หยางจิวเมิ่งตามที่ร่างบางต้องการ แม้จะขัดใจเขาในฐานะสามีแต่ก็ไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ เงินจำนวนนี้สำหรับคุณชายเหอนั้นมันเล็กน้อยมาก แต่สำหรับหยางจิวเมิ่งแล้วเงินจำนวนนี้ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่นัก ยิ่งสำหรับเขาในยามนี้ที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเพราะทุกอย่างคนเป็นสามีล้วนจัดหามาให้สิ้น หยางจิวเมิ่งจึงเหลือกินเหลือใช้และมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งอย่างสบาย "เงินที่ใช้ซื้อข้าวของเหล่านี้แม้จะเป็นเงินเดือนที่ท่านพี่ให้ข้าไว้ใช้จ่าย แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินจากการขายผักในสวนของข้า ที่ท่านพี่ส่งคนไปดูแลให้ ท่านแม่ส่วนนี่เป็นเงินส่วนที่ข้าเก็บไว้สำหรับช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านเช่นเดิม" หยางจิวเมิ่งหยิบถุงเงินที่เขาเตรียมไว้ออกมา แม้ว่าจะไม่ได้อยู่อาศัยที่แห่งนี้แล้วเขาก็อยากจะช่วยเท่าที่ทำได้อยู่ดี ด้วยเพราะไม่อยากทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลังให้ทุกคนต้องลำบากกันเองตามลำพัง แม้เงินนี้จะไม่ได้มากมายอะไรเป็นเพียงเงินรายได้เล็กน้อยที่ได้จากสวนผักของเขา แต่ก็มากพอจะช่วยให้ท่านพ่อและแม่เลี้ยงของเขาใช้จ่ายได้คล่องขึ้น เพราะบ้านหลังนี้มีคนมากและยังน้องๆ ที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนอีกสองคน หยางจิวเมิ่งจึงไม่อยากให้ครอบครัวของเขาต้องประหยัดมากมายจนกินอยู่ลำบากเช่นเมื่อก่อน เพราะรู้ดีว่าหากครอบครัวขาดรายได้จากเขาไปอีกทางถึงแม้ว่าจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนของเขาแล้ว แต่เบี้ยหวัดเงินเดือนขุนนางของบิดาผู้เป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ที่เขาเดาว่าคงได้เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยก็คงไม่พอเพียงให้ได้อยู่กันอย่างสุขสบายไร้กังวลเท่าไรนัก "คิดจะอวดรวยหรือไงกันฮูหยินน้อยตระกูลเหอ ข้าไม่บังอาจไปรบกวนท่านหรอกนะ" ฮูหยินหยางไม่ยอมรับเงินถุงนั้นส่วนหนึ่งเพราะศักดิ์ศรีของนางมีมากพอที่จะไม่ขอเงินลูกเลี้ยงกิน เวลานี้หยางจิวเมิ่งไม่ได้อาศัยในชายคานี้แล้วดังนั้นก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายเช่นเมื่อก่อน แม้การเงินของบ้านจะไม่ค่อยดีเช่นเมื่อก่อนเพราะขาดรายได้จากลูกเลี้ยงไป แต่ก็ยังพออยู่ได้ด้วยเงินเดือนขุนนางของนายอำเภอหยางที่ได้รับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย อีกทั้งฮูหยินหยางนอกจากนางเป็นแม่บ้านดูแลทุกอย่างในบ้านแล้ว นางยังเย็บเสื้อผ้าไปฝากบิดาขายที่ร้านผ้าของบิดานางเพิ่มเป็นรายได้เสริม แม้ว่าจะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย แต่ในฐานะนายหญิงของบ้าน นางจึงไม่คิดจะรบกวนใครมาเดือดร้อนเรื่องในบ้านแทนตน โดยเฉพาะหยางจิวเมิ่งที่แม้จะเป็นลูกของสามี แต่ตอนนี้แต่งออกไปแล้วจึงไม่ควรมารับผิดชอบในส่วนนี้  ด้วยจวนที่ใหญ่กว่าเดิมค่าใช้จ่ายต่างๆ ย่อมตามมา ในฐานะที่นางเป็นฮูหยินจึงต้องบริหารจัดการให้ดี  "เปล่านะขอรับท่านแม่ข้าแค่อยากแบ่งเบาภาระท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องทำงานหนักนัก" หยางจิวเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางเกรงๆ ด้วยกลัวจะถูกแม่เลี้ยงเข้าใจผิดในเจตนา เขาเพียงต้องการช่วยเหลือด้วยใจจริงเพราะตนเองนั้นไม่มีภาระใช้จ่ายอะไรเงินส่วนนี้จึงหวังจะนำมาให้ครอบครัวได้ใช้บ้าง แม้ไม่ได้ทำให้ทุกคนสุขสบายแต่ก็ช่วยไม่ให้ต้องทนลำบากเกินไปนัก "ข้าตอนนี้อาศัยในบ้านตระกูลเหออย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้จ่ายอะไร ทุกอย่างท่านพี่จัดหาให้ข้าหมดแล้ว เงินทองเหล่านี้ข้าก็เองไม่ค่อยได้ใช้ จึงเก็บสะสมไว้และตระเตรียมมาให้ท่านเพื่อตอบแทนท่านบ้าง" หยางจิวเมิ่งสีหน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าปั้นปึ่งของแม่เลี้ยง ฮูหยินหยางผู้มีนิสัยปากไม่ตรงกับใจ แม้ในใจนางนั้นความจริงรู้สึกดีใจไม่น้อยที่จิวเมิ่งกตัญญูเช่นนี้ แต่เพราะศักดิ์ศรีทำให้นางแสดงออกอย่างตรงกันข้ามด้วยรู้สึกว่าตนเองช่างดูน่าสงสารเสียเต็มทน จนต้องอาศัยเงินของลูกเลี้ยงที่แต่งออกไปแล้วมาใช้จ่าย "ตอนนั้นข้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ ถึงกับมาตอบแทนข้าอย่างที่ข้าเคยค่อนแคะเจ้าไปหรอกน่า"สุดท้ายเมื่อได้ยินลูกเลี้ยงพูดเช่นนั้นฮูหยินหยางจึงคิดได้ว่าตนอาจพูดจาแรงไป น้ำเสียงและท่าทีแข็งกร้าวของนางจึงอ่อนลงไปหลายส่วน แต่ก็ยังคงยึดมั่นในแนวทางเดิมของตนเองอยู่ดี หยางจิวเมิ่งเห็นเช่นนั้นก็ให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ร่างบางยื่นถุงเงินนั้นให้แม่เลี้ยงอีกครั้งด้วยสายตาเว้าวอน "รับไว้เถอะนะขอรับ น้องๆ กำลังเติบโตต้องกินต้องใช้อีกเยอะ เวลานี้ข้าพอจะช่วยเหลือท่านได้ข้าก็อยากช่วย" หยางจิวเมิ่งจับมือแม่เลี้ยงไว้สองมือแน่นจนแล้วจนรอดนางก็ยังไม่ยอมรับถุงเงินนั้นไป หยางจิวเมิ่งจึงหาทางพูดให้นางยอมใจอ่อนทุกทางที่พอจะทำได้ "ท่านแม่ท่านก็เก็บเงินเหล่านี้ไว้ใช้เผื่อยามจำเป็นเถิด หรือหากท่านอยากได้อะไรจะได้มีเงินเอาไว้ซื้อหาได้ตามที่ต้องการ ถือว่าเป็นความกตัญญูของข้าที่ต้องการตอบแทนท่าน ที่เมตตาเลี้ยงดูลูกนอกไส้ไม่เอาไหนอย่างข้ามาจนโต" เพราะกำลังตั้งครรภ์ร่างบางจึงอารมณ์อ่อนไหวง่าย การถูกปฏิเสธจากแม่เลี้ยงทั้งที่นางเป็นคนเช่นนี้แต่ไหนแต่ไร กลับทำให้เขารู้สึกอ่อนไหวสะเทือนอารมณ์ ทั้งที่เมื่อก่อนถูกต่อว่าแรงกว่านี้ก็ไม่เคยจะรู้สึกอะไรนัก แต่คราวนี้อารมณ์อ่อนไหวไม่คงที่ของตัวเองพาให้กล่าวเหตุผลออกมายาวเหยียด ทั้งยังปิดท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะพยายามกลั้นก้อนสะอื้นในอก จนทำเอาฮูหยินหยางรับมือไม่ถูกว่าจะทำเช่นไรได้ หญิงสูงวัยผู้งามสง่าเสียกิริยาเล็กน้อยที่เห็นเช่นนั้น สุดท้ายนางก็ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยอมรับเงินนั้นไว้แต่โดยดี "ก็ได้ๆ ไม่เห็นต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้าถึงเพียงนี้ ข้ารับไว้ก็พอใช่หรือไม่" คนปากแข็งแม้จะใจอ่อนไปมากแต่ก็ยังคงรักษาหน้าตาตนเอง รับไว้อย่างขืนๆ ไม่เต็มใจนัก ที่จริงนางคิดว่าเมื่อหยางจิวเมิ่งแต่งออกไปก็ถือเหมือนลูกสาวคนหนึ่งที่แต่งไปแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องใดๆ ให้มาดูแลครอบครัวเดิม อย่างไรเสียตอนนี้หยางจิวเมิ่งก็กลายเป็นคนของตระกูลเหอไปแล้ว นางจึงไม่คิดจะเรียกร้องรบกวนให้ลูกเลี้ยงมาช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ในบ้าน ที่ผ่านมาล้วนเพราะปากนางเองที่เหน็บแนมคนด้วยวาจาเชือดเฉือนอย่างไร้เหตุผลไปตามอารมณ์ ในตอนที่ไม่ยังทราบว่าลูกเลี้ยงกำลังตั้งท้อง ฮูหยินหยางไม่คิดว่าจะทำให้หยางจิวเมิ่งเก็บไปคิดมากถึงเพียงนี้ "เอาหล่ะเดี๋ยวพ่อเจ้าคงกลับมาทานกลางวันแล้วข้าต้องไปเตรียมของก่อน เจ้าก็นั่งพักตรงนี้คุยกับน้องๆ แล้วกัน" ฮูหยินหยางเปลี่ยนเรื่องคุย ทำกลบเกลื่อนเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเพราะไม่อยากถูกจับได้ว่าใจอ่อน "ข้าไปช่วย.." เมื่อร่างบางได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นหมายจะไปช่วยด้วยความเคยชิน แต่กลับถูกอีกฝ่ายห้ามปรามในทันที "ไม่ต้อง หายแพ้ท้องแล้วแต่ก็ประมาทไม่ได้ ครรภ์ยังอ่อนอย่าทำอะไรมากนักนั่งเฉยๆ เข้าใจหรือไม่"   "ขอรับขอบคุณขอรับท่านแม่" ร่างบางนิ่งค้างยอมนั่งลงไปตามเดิมพลางขบคิดบางอย่าง หากเขาไม่คิดเข้าข้างตนเองเกินไปนี่แม่เลี้ยงเป็นห่วงเขาใช่หรือไม่นะ . . . นายอำเภอหยางที่กลับมาถึงครู่ใหญ่แอบดูฮูหยินกับลูกชายคุยกัน นับแต่หยางจิวเมิ่งแต่งออกไปท่าทางฮูหยินของเขาต่อลูกคนโตของเขาก็ดูเปลี่ยนไปไม่น้อย จริงๆ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกันของทั้งสองคน นับแต่ลูกชายเขาเริ่มโตขึ้นความสัมพันธ์ของสองคนแม่ลูกก็ค่อยห่างเหินกันไปเรื่อยๆ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้เกลียดชังกันออกหน้า แต่ดูเหมือนฮูหยินของเขาจะไม่ค่อยโปรดปรานลูกติดของเขาเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะจิวเมิ่งที่ยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งคล้ายมารดา นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฮูหยินของเขาคิดมากถึงเรื่องเก่าก่อน ฮูหยินหยางหรือฝูเยว่ฉีแม้จะเป็นคนปากร้าย และเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ แต่นางก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แท้จริงนางเป็นคนดีเพียงแต่แสดงออกไม่เป็น แม้แต่ลูกแท้ๆ ของนางทั้งสองคน ฮูหยินหยางก็เข้มงวดกวดขันไม่น้อย แต่เพราะเจ้าเด็กแสบทั้งสองต่างจากหยางจิวเมิ่งผู้พี่ มีนิสัยซนทโมนไม่คิดอะไรเยอะห่วงแต่เล่นไปวันๆ จึงเป็นเด็กที่ดูดื้อด้านไร้มารยาทเพราะความซุกซนที่ผู้เป็นแม่สอนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง ต่างกับหยางจิวเมิ่งที่ถูกดุเล็กน้อยก็กลัวเสียจนไม่กล้าทำอะไร นายอำเภอหยางแอบลอบมองทั้งสองคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องยอมรับว่าแม้ฮูหยินของเขาจะเข้มงวดกับลูกทุกคนมากโดยเฉพาะกับจิวเมิ่ง แต่ตลอดสิบกว่าปีมานี้นางก็เลี้ยงดูจิวเมิ่งมาเป็นอย่างดีไม่น้อยกว่าลูกชายของตนเอง ถึงแม้จะเข้มงวดไปบ้างและดูโหดไปสักหน่อย แต่จิวเมิ่งก็เติบโตขึ้นมาอยู่ในระเบียบที่นางวางไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งยังเป็นเด็กดีที่ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนเอ็นดู แท้จริงแล้วในใจลึกๆ ฮูหยินของเขาคงจะรู้สึกผูกพันกับลูกคนโตของเขาอยู่ไม่น้อย ยิ่งหลังจากที่นางรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับจิวเมิ่งอย่างละเอียด จนเป็นเหตุให้ลูกชายต้องแต่งงานกับคุณชายเหอ ท่าทีของฮูหยินของเขาต่อจิวเมิ่งนั้นก็อ่อนลงไปมาก ส่วนหนึ่งคงด้วยความรู้สึกเห็นใจและรู้สึกผิดที่นางพลาดไม่ได้ดูแลสนใจหยางจิวเมิ่งมากพอ จนเกิดเรื่องขึ้นนางก็ยังเป็นคนที่รู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย ฮูหยินหยางจึงรู้สึกสะเทือนใจอยู่มากเมื่อคิดถึงจุดนี้ หยางจิวเมิ่งไม่ไว้ใจนาง "อาเมิ่ง" นายอำเภอทักทายลูกชายที่กำลังนั่งเหม่อมองน้องๆ เล่นซนกันอยู่ตรงนั้นกับของเล่นกองโตที่พี่ชายซื้อมาให้ "ท่านพ่อ" "ไม่ต้องลุกนั่งลงดีๆ " "ท่านพ่อกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือขอรับ" "พ่อกลับมาสักพักแล้ว ทันเห็นเจ้าคุยกับท่านแม่ อาเมิ่งอย่าถือสาท่านแม่เลยนะ นางก็เป็นเช่นนี้ แม้จะดูแข็งกระด้างกับเจ้าไปบ้างแต่นางเป็นห่วงเจ้าไม่น้อย" "ขอรับ ข้ารู้เพียงแค่บางครั้งข้าก็อยากให้นางรักข้าเหมือนที่นางแสดงกับน้องๆ บ้าง" "ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก" "ขอรับ" หยางจิวเมิ่งรับคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจเขากลับรู้สึกเศร้านัก ใช่ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก แต่เขาหาใช่ลูกแท้ๆ ของฮูหยินหยาง นางจะไม่รักเขาก็คงไม่แปลก ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำใจไม่ให้คิดมากกับเรื่องเหล่านี้ ระยะนี้บางครั้งบางทีเขาก็รู้สึกอ่อนไหวมากไป บางเรื่องเล็กๆ เช่นเรื่องนี้กลับกระทบจิตใจจนนึกอยากร้องไห้ ทั้งที่เมื่อก่อนโดนหนักกว่านี้ตั้งมากเขากลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย "แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ตระกูลเหอสุขสบายดีหรือไม่ลูก" "ดีขอรับ ท่านพี่ดูแลข้าดีมากท่านพ่อไม่ต้องกังวล" "เช่นนั้นก็ดีแล้ว" "อ้าวท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังจะตั้งโต๊ะ จิวหูจิวชี่เลิกเล่นได้แล้ว" เสี่ยวไป๋กับท่านป้าสามต่างช่วยกันยกสำรับอาหารออกมา พร้อมด้วยคนของตระกูลเหอที่คุณชายเหอส่งมาให้ช่วยทำงานในบ้านนี้อีกสองคน ต่างช่วยกันยกกับข้าวที่ป้าสามทำและยังมีบางส่วนที่จิวเมิ่งซื้อมาจากร้านชื่อดังก่อนจะมาที่นี่ อาหารมากมายทำเอาเด็กสองคนตื่นตาตื่นใจไม่น้อย "ว้าว ท่านแม่วันนี้มีแต่ของน่ากิน" "นั่นสิ นั่นเป็ดย่างนี่" "นั่นหมูแดงของโปรดข้า" "ชอบก็ทานเยอะๆ เป็ดย่างกับหมูแดงอบน้ำผึ้งพี่ซื้อจากร้านดังมาฝากพวกเจ้าโดยเฉพาะ" คนพี่ใช้ตะเกียบคีบของโปรดให้กับน้องๆ อย่างมีความสุข รอยยิ้มของเด็กสองคนนี้ทำให้เขามีความสุขไม่น้อย นับแต่เป็นพี่น้องกันมาช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเวลาที่จิวหูและจิวชี่ทำตัวน่ารักและดูสนิทกับเขาขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก "ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่" น้องรองจิวหูยิ้มกว้างด้วยความดีใจ "ดีจังเลยพี่ใหญ่แต่งงานกับคนรวยแล้วพวกเราได้กินของดีๆ" คำพูดของเด็กอย่างน้องเล็กจิวชี่ที่พูดไปอย่างไม่ตั้งใจ แต่กลับกระทบกระเทือนจิตใจหยางจิวเมิ่งไม่น้อย บุรุษเช่นเขาต้องแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้คนรวย ฟังดูช่างน่าขายหน้านัก "จิวชี่อย่าพูดมากกินเข้าไป" ฮูหยินหยางปรามลูกชาย เพราะรู้ดีว่าจิวเมิ่งคงไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานแต่เพราะความผิดพลาดจึงต้องเป็นเช่นทุกวันนี้ "อย่าถือน้องๆ เลยนะ น้องยังเด็ก" นายอำเภอหยางพยายามปลอบจิวเมิ่งที่เห็นท่าว่าหน้าเสียไปไม่น้อย คงเพราะคำพูดเหล่านั้นกระทบกระเทือนจิตใจเข้า "ไม่หรอกขอรับ ทานข้าวเถอะ" หยางจิวเมิ่งฝืนยิ้มขึ้นเล็กน้อย พยายามไม่คิดมากด้วยเห็นว่าอย่างไรก็เป็นเพียงแค่คำพูดของเด็ก น้องๆ เขาหาได้ตั้งใจ เพียงแต่เพราะตนเองจิตใจไม่มั่นคงจึงทำให้ในใจรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ ร่างบางพยายามจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ให้เครียดจนเกินไป และทานข้าวต่อ "ทานเสียหน่อยนะลูก"คนเป็นพ่อเอาใจลูกชายด้วยการคีบกับข้าวตรงหน้าใส่จานให้ด้วยความใส่ใจ หลังทานอาหารกลางวัน หยางจิวเมิ่งก็นั่งคุยกับบิดาต่อในห้องรับรอง ขณะที่ฮูหยินหยางจัดการเรื่องราวในบ้าน นางเหลือบไปเห็นเสี่ยวไป๋ที่กำลังช่วยจัดเก็บข้าวของในครัวอยู่กับป้าสามก็แอบเรียกบ่าวตัวน้อยออกมา "เสี่ยวไป๋เกิดอะไรขึ้นกับอาเมิ่งที่ตระกูลเหอบ้างเล่ามา" . . . TBC. https://twitter.com/a_buliaoqing #พรวิเศษ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม