สิทธิของเชลยสาวที่ต้องตอบโต้

1200 คำ
ตอนที่ 7 เมื่อชายหนุ่มพาฝีเท้าเดินผ่านมาทางกระท่อม แสงสว่างยามสายสาดทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างชัด เช่นเดียวกับสีเงินของขอบฟ้าที่สดใสต้อนรับอรุณ ทิวมะพร้าวทีเป็นทิวทางยาวนั้นโบกสะบัดพลิ้ว ชายหนุ่มเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี พร้อมผิวปาก ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตาหมากรุกสีแดงเลือดหมูกับเทา ส่วนกางเกงเป็นยีนซีดตัวเก่า แต่ก็ทำให้บุคลิกของรัมธ์ดูเด่น เขาทักทายคนงานในฟาร์มเหมือนปกติประจำ เดินผ่านที่พักของคนงาน เขาในฐานะเจ้าของธุรกิจ มักจะเดินตรวจตราสำรวจรอบๆพื้นที่เสียก่อน กลัวความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น พวกขโมยหรือ มีข้าวของสิ่งแปลกปลอมที่แอบซุกหรือผ่านเข้ามาในอาณาจักรของเขา รัมธ์จึงค่อนข้างเป็นคนที่ระมัดระวังตัวโดยตลอด แล้วเขามาหยุดอยู่ที่กระท่อมสุดท้ายตรงนี้ เคาะประตู เพราะยังไม่มีร่องรอยว่า เด็กแพนสาวใช้ที่เขามาดูแลเชลยสาวอย่างหล่อนจะตื่นขึ้นมาดูแลเรื่องข้าวปลา “แพน ตื่นได้แล้ว เป็นอะไร นอนขี้เซาอย่างนี้ ลุกขึ้น แกเข้าไปดูเชลยของฉันแล้วหรือยัง” เด็กแพนงัวเงียลุกตื่นจากที่นอนเอ่ยตอบขณะที่ผมยุ่งกระเซิงหน้าตาดูไม่เรียบร้อยจน รัมธ์ส่ายหน้า “ตื่นแล้วจ้ะ นายหัว” “ลุกขึ้น แกรีบไปตื่นหุงข้าวได้แล้ว.. ฉันสั่งให้แกมีหน้าที่ทำกับข้าวให้เชลยของฉัน” “จ้ะ นายหัว” จากนั้นรัมธ์เลิกสนใจพอๆกับเขาส่ายหน้าที่เด็กสาวเหมือนขี้เกียจ เขาไม่ได้สั่งแบบสั่งขี้มูก ให้หล่อนดูแลความเป็นอยู่ของเชลยสาว เขาไม่ต้องการให้หล่อนเป็นอะไรไปในเวลานี้ ดังนั้นจึงเดินดุ่มไปที่กระท่อมไม่ไผ่อีกสองสามเรือนถัดไป ส่วนแพนรีบกระวีกระวาดลงจากเรียนล้างหน้าล้างตาเพื่อไม่ให้นายหัวกริ้ว เพราะฟังน้ำเสียงที่เอ็ดแล้วก็รู้ถึงความไม่พอใจ และอาจจะถูกลงโทษตามมา เขามีกุญแจสำรองส่วนตัวอยู่แล้วไขเข้าไปร่างที่นอนขดอยู่ชิดฝาผนังสะดุ้งลนลานด้วยความกลัวเมื่อผงกศีรษะมองดู ชายหนุ่มยืนสะแยะยิ้มอยู่กลางห้อง “ว่าไง เชลยคนสวย นอนขี้เซาเหมือนกันนี่ มันกี่โมงกี่ยามแล้ว แหกขี้ตาตื่นบ้างเถอะคุณ สงสัยอยู่กรุงเทพ คงเคยชินกับการนอนตื่นสาย ก็อย่างนี้ละนา ลูกสาวรัฐมนตรี พ่อรวยแม่รวยมีอิทธิพล” เขาเหมือนหมิ่นเยาะใส่หล่อน พาลิณีรู้ตัวแล้ว หญิงสาวกระถดกายขยับออกห่าง หล่อนดูเรียบร้อยเพราะอยู่ในเสื้อและกางเกงเป็นชุดที่เด็กสาวแพนนำมาให้ จึงไม่ได้ดูน่าเกลียดเท่าใดนัก แต่เสียอย่างเดียว หนาวเหน็บนักอากาศเมื่อคืนนี้ พาลิณีเบือนหน้าไปทางอื่น เกลียดคำที่เขาใช้กับหล่อน เชลย เหมือนหล่อนตกเป็นทาสเขา “ฮื่อ เมินเฉยบิดเบือนหรือไง” เขาทำเสียงเยาะในลำคอพร้อมกายขยับก้าวมาหาแทบประชิดตัว ประสาคนปากไวมือไวตามด้วย แต่ก็ชะงักตรงที่กำลังจะเอื้อมมือหนาแตะที่แขนของหญิงสาว “หยุดนะ อย่ามาแตะต้องฉัน” “เริ่มจะมีปากพูดแล้วหรือไง”เสียงหมิ่นดังขึ้น ทันทีที่มีปฏิกิริยาตอบหล่อน “นึกว่าจะนั่งคุยกับคนใบ้เสียแล้ว” “มีธุระอะไรจะคุยกับฉัน” พาลิณีเอ่ยเสียงห้วนเย็นชาและกระด้าง ขาดความหวานอย่างมาก ทั้งๆที่หญิงสาวเป็นคนสวยคมและใบหน้าออกหวาน “ฮึ ต้องมีธุระด้วยหรือยังไงถึงจะพูดได้ ปากจัดนี่ อยู่กับครอบครัวเธออาจจะพูดคำนี้ใส่ทุกคนได้.. แต่อาณาจักรของนายรัมธ์ อย่ามาทำอวดดี ฉันไม่ใช่พระเอกในละครนะจะบอกให้” เขาเน้นเสียงเข้มบอกหล่อนในตอนท้าย พาลิณียิ่งหายใจติดขัด ทั้งกระอักกระอ่วนใจ หล่อนหาวิธีการป้องกัน แค่ไม่ให้เขาเข้ามาอยู่ใกล้หล่อนอย่างเวลานี้ เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ยิ่งเห็นท่าทีคุกคามของเขาชัดเจน พอๆกับปากจัด เถื่อน ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ พาลิณีก็อยากจะเบือนหน้าหนี อยากจะปิดหูปิดตา ปิดการรับรู้ทั้งหมดด้วย “ฉะนั้นอย่ามาทำเป็นอวดดี สั่งฉันอีก” “ ฮึ ถ้าแน่จริงก็ปล่อยฉันสิ” “ปล่อยให้โง่หรือไง” เขาเอ่ยเสียงตะเบ็งเข้มลั่นดัง คำพูดที่ทำให้พาลิณีไม่รู้สึกอย่างใด นอกจากเจ็บปวดแบบเดิม รัมธ์ยืนนิ่งพิจารณาสาวสวยที่ตกเป็นเชลยสาวของเขาอีกครั้ง สีหน้าที่อดทน เจือซีดแกมหมองที่ใบหน้าเรียวรูปไข่ แลดูซูบมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบสภาพที่ลำบากแร้นแค้นถึงขนาดไม่มีจะกินอย่างนี้ เพราะหล่อน เคยอยู่ แต่ ใน คฤหาสน์ใหญ่โต มีคนใช้ตามดูแลตลอด อีกทั้งมารดาก็ไม่เคยปล่อยให้ต้องลำบาก ท่านมีแต่ประคบประหงมเอาอกเอาใจ นี่ชีวิตของหล่อนกลายเป็นนรกไปแล้วหรือนี่ ไม่อยากจะสบตากับเขา ผู้ชายคนนี้ทำความเลวร้ายให้กับชีวิตของหล่อนเป็นอย่างมาก พาลิณีสัญญากับตัวเองว่า หล่อนจะเอาคืนเขาเป็นร้อยเท่าเลย ที่พูดนี่ ทั้งๆที่ไมรู้ว่า หล่อนจะหลุดไปจากที่นี่ได้อย่างไร แต่คนเราต้องมีความหวัง และปลายทางให้กับตัวเอง จะให้หล่อนมานั่งจมปลักโดยไม่คิดทำอะไรหรือยังไง คนโง่เท่านั้นล่ะที่คิดแบบนี้ โดยเฉพาะพาลิณีเมื่อบีบคั้นหล่อนให้จนตรอกอย่างนี้ หล่อนก็สู้เหมือนกัน และหล่อนก็สู้ไปตามสัญชาตญาณที่อยากจะเอาตัวรอด และอยากจะชนะ “มองทำไมอีก เกะกะ ขวางหูขวางตาเหลือเกิน” พาลิณีทำปากเบ้บิดเบี้ยวด้วยความไม่ชอบใจที่เขามายืนจ้องหน้าของหล่อน “คุณจะรีบไปทำอะไร ก็รีบไปสิ ไม่ต้องมายืนจ้องหน้าอยู่แบบนี้” เมื่อรำคาญมากเข้า พาลิณีก็เสียงเข้มตึงทันที จนลืมไปว่าเขาเป็นใคร และยิ่งใหญ่มากแค่ไหน “แน่ะ ฉันเคยสั่งเธอไว้แล้วไม่ใช่หรือว่า เธอไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน” เสียงดุตวัดดวงตากลับมาทันควันเหมือนกัน แต่ก็เต็มไปด้วยประตายตาที่ยั่วและล้อเลียน ยิ่งเพิ่มให้หน้าตาของพาลิณีบึ้งตึงบูดหนักกว่าเดิม ทำให้เบือนหน้าไปทางด้านอื่น “ฉันไม่อยากจะเจอหน้าคุณ” “อ้าว พูดแบบนี้ ก็ สวยนะสิ แล้ว ใคร ล่ะ ที่ อยากจะเจอหน้าเธอ มาก ขนาดนั้น ”รัมธ์เหยียดเยาะที่มุมปาก แล้วเขาแสยะยิ้ม “เธอคงไม่หิวข้าว” ถามแปลก ท้องร้องจ๊อกขนาดนี้จะไม่หิวได้อย่างไร มันปั่นป่วนไปหมด พาลิณีรับรู้แต่หล่อนก็อดทน ในสิ่งที่เขากำลังปรามาสหล่อน ถ้าหากเขาพูดจากับหล่อนอย่างนี้ หล่อนก็จะไม่แตะต้องข้าวของของเขา แม้แต่สักชิ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม