ตอนที่ 5: ก็ใช้ได้
หลังจากพิสูจน์กันเรื่องสระผม ไม่สระผม ด้วยการดมหัวกันไปกันมาจนเสร็จ หนุ่มสาวแฟนกำมะลอก็เดินออกจากร้านอาหาร เพื่อไปเดินชอปปิงกันต่อ วันนี้ภัทรตั้งใจว่าจะพาเพื่อนแพรมาซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋า เพราะของที่เธอใช้อยู่อาจจะไม่เหมาะถ้ามาอยู่ในฐานะแฟนของเขา เขาไม่อยากให้แฟนเขาต้องเป็นขี้ปากขาเมาท์
แต่เดี๋ยวนะ เธอเป็นแค่แฟนกำมะลอ ทำไมเขาต้องสนใจด้วย...อ๋อ คงเพราะเพื่อความสมจริง
"สวัสดีค่ะคุณภัทร วันนี้พาแฟนมาด้วยเหรอ" นัตตี้ เจ้าของร้านที่รู้จักชายหนุ่มเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยเห็นชายหนุ่มพาใครมาด้วย ดูจากการจูงมือก็คงไม่ผิดว่าเป็นแฟนสาว ชายหนุ่มยิ้มให้เจ้าของร้าน ก่อนที่จะหันมาทางแฟนสาวกำมะลอ แล้วเอ่ยแนะนำเธอ
"ที่รัก...นี่พี่นัตตี้ครับเจ้าของร้าน พี่นัตตี้ หมอแพรครับแฟนผมเอง" คนฟังถึงกับตาโต...ตอนแรกนึกว่าพาแฟนเด็กที่ไหนมา แต่ไหงเป็นถึงคุณหมอเลย...คุณภัทรนี่ตาถึงใช่ย่อย นอกจากแฟนจะสวยแล้วยังฉลาดอีก...นี่ถ้าแต่งหน้าอีกนิด สวยคมกว่านี้แน่นอน
"คุณหมอเชิญทางนี้ค่ะ วันนี้ร้านเราเพิ่งลงคอลเลกชันใหม่เลยนะคะ"
เพื่อนแพรถึงจะมีอาชีพเป็นหมอ แต่เนื่องจากฐานะที่บ้านไม่ได้ร่ำรวย เสื้อผ้าที่ใส่ส่วนมากก็ไม่ได้แพงมากมายอะไร แต่ดูจากร้านที่เขาพาเธอมาวันนี้ ถือว่าแพงใช่ย่อย เสื้อผ้าอะไรแต่ละชุดเป็นหลักหลายพันจนถึงหลายหมื่น
"ที่รัก...มันแพงไปไหม" แฟนสาวกำมะลอกระซิบกับชายหนุ่มที่กำลังสนใจกับการเลือกชุดให้แฟนสาวลอง อันนี้เขาไม่เรียกกว่าเลือกแล้วมั้ง เพราะท่านชายภัทรชี้เกือบทุกชุดให้เธอลอง
"ผมว่าก็ไม่แพงนะ แบบเขาเก๋ดีใส่ได้ไม่เบื่อ"
"ที่รักคะ...พอแล้ว" หญิงสาวได้แต่ปรามชายหนุ่มว่าให้พอแล้ว แค่ที่เขาเลือกให้ลองนี่ก็เกือบยี่สิบชุดแล้ว เธอคงได้ลองจนห้างปิดแน่
เมื่อชุดถูกลากเข้าไปในห้องลอง หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องลองแล้วถึงกับอึ้ง เพราะมันหรูหราเหมือนห้องแต่งตัวหรูในคอนโดที่ไหนสักแห่ง แต่ที่มันน่าตกใจอีกขั้นคือ คนนั่งดูกับคนลองชุดมีแค่ผ้าม่านกั้นเท่านั้นเอง ความเป็นส่วนตัวที่ส่วนตัวมาก คงเพราะไม่อยากให้ใครคนอื่นเห็นการลองชุด นอกจากคนใกล้ชิดเท่านั้น
"คุณภัทร...คุณไม่ต้องเข้ามาก็ได้ เดี๋ยวฉันลองเอง"
"นี่คุณ ถ้าผมไม่เข้ามาเขาจะเชื่อไหมว่าพาแฟนมา เวลาใครมาลองชุดเขาก็เข้ามาดูแฟนลองทั้งนั้นแหละ" สุดท้ายคุณหมอก็ต้องจำนนด้วยเหตุผล
"เดี๋ยวฉันลองชุดก่อนนะ โอ๊ย...มาดีดหน้าผากฉันทำไมเนี่ย" เธอยกมือขึ้นปิดหน้าผาก
"บอกว่าให้เรียกที่รัก ให้เรียกตัวเองว่าไงจำได้ไหม เดี๋ยวก็หลุดหรอก" เขาเอ็ดเสียงดุ
"ขอโทษ ก็แพรยังไม่ชิน"
"ก็ถึงได้บอกว่าให้พูดให้ชิน ครั้งหน้าถ้ามีพูดผิดอีก ภัทรจะปรับที่รักนะครับ"
คนกลัวเสียเงินหน้าเสียในทันที...อย่าบอกนะว่าเขาจะปรับเงินเธอ
"ปรับ...ยัง...ไง" คนถามที่กล้าๆ กลัวๆ กลัวอย่างเดียว...กลัวเสียเงิน
"พูดผิดหนึ่งที โดนจุ๊บหนึ่งที...พูดผิดสองที โดนจูบ...แบบดูดดื่มด้วยนะ"
"โอ๊ย...ไม่เอาหรอก แบบนี้ฉันก็เสียเปรียบคุณแย่สิ" เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดไป...ฉัน...คุณ...สองทีเลยอะ
"ที่รัก...มาจ่ายค่าปรับเสียดีๆ"
"อื้อ..." คนที่โดนเรียกค่าปรับไม่ทันจะตั้งตัวก็ต้องจ่ายค่าปรับแบบดูดดื่ม ตอนนี้ใจเธอเต้นแรงมาก เรี่ยวแรงก็แทบไม่มี เหมือนเขาจะสูบวิญญาณออกจากร่างของเธอ มือของเธอขยุ้มเสื้อเชิ้ตของเขาแน่น...ไม่ไหวแล้ว
"อะแฮ่ม..." นัตตี้เข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยก็เจอเข้ากับจังหวะรักที่สองหนุ่มสาวกำลังจูบดูดดื่ม เธอต้องกระแอมกระไอ กลัวว่าห้องลองชุดจะเปลี่ยนเป็นห้องลองรักเสียมากกว่า
"อืม..." ชายหนุ่มถอนจูบอย่างเสียดาย อยากให้เธอพูดผิดบ่อยๆ เสียแล้วสิ
"ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะคุณภัทร พอดีนัตตี้จะเข้ามาดูว่าชุดพร้อมไหม คุณหมอแพรใส่พอดีหรือเปล่าน่ะค่ะ" คนที่เข้ามาต้องรีบอธิบาย กลัวว่าลูกค้ารายใหญ่จะขัดใจ
"เดี๋ยวให้คุณหมอแพรลองดูก่อนนะครับ...ที่รักลองสิครับ" คนที่ไม่กล้าพูดผิดเลยเพราะตัวเองเป็นคนกำหนดค่าปรับ กลัวหญิงสาวจะปรับเขาหนักเหมือนกันหลังจากนี้...แฟนกำมะลอของเขายอมใครเสียที่ไหนล่ะ
"ค่ะ" เพื่อนแพรที่ตอนนี้ใจยังสั่นกับจูบเร่าร้อนเมื่อกี้นี้ตอบออกไป นี่เธออยู่กับเขาต้องใจสั่นตลอดเวลาเลยหรือไง
จากนั้นหญิงสาวก็ก้าวเข้าไปลองชุดหลังผ้าม่าน นี่ถ้ามีคนเปิดม่านกับเวทีคงคิดว่ามาลองชุดแต่งงาน