Episode 08
Talk โตเกียว
ที่เธอเคยบอกฉัน อย่าร้องไห้
อยู่ให้ได้ถ้าเธอไม่อยู่
โปรดรับรู้เธอยังอยู่ในใจ
หลังจากที่มินนี่ไปขึ้นรถไปกับพ่อแท้ๆ ของเขา ตัวเราก็เดินกลับเข้ามาในบ้านและได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้เสียใจ พยายามหาเพลงฟังเพื่อให้ตัวเองไม่เศร้า แต่ชีวิตก็บัดซบดันไปสุ่มเจอเพลงเศร้าซะงั้น ขยี้ลึกลงไปอีกสิคะงานนี้
ที่เธอเคยบอกฉัน อย่าร้องไห้
อยากขอโทษที่ทำไม่ได้
ที่วาดไว้ด้วยกัน
จากนี้ฉันต้องฝันคนเดียว
พอไม่มีมินนี่อยู่ บ้านหลังนี้ก็เงียบเหงาไปเลย จากนี้ไป…ไม่มีอีกแล้วสินะเสียงเรียกของมินนี่ที่ตะโกนเรียกเรา คุณแม่คะ คุณแม่ข๋า นับแต่นี้ไป มันไม่มีอีกแล้ว
และนอกจากเราจะนั่งกอดเข่าร้องไห้ บวกกับฟังเพลงเศร้าวนซ้ำไปซ้ำมาแล้ว เราก็ได้ไปรื้อฟื้นรูปภาพความทรงจำเก่าๆ ของเราและมินนี่ออกมาดู
และยิ่งทำแบบนี้ มันก็ยิ่งโคตรเจ็บ กรีดซ้ำลงไปหนักกว่าเดิม เราบอกตัวเองมาตลอดว่ามินนี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเรา มินนี่เป็นลูกของใครหน้าไหนก็ไม่รู้
แต่ถึงกระนั้นเราก็เป็นคนเลี้ยงเขามา เขาทำให้เรารอดพ้นจากการเป็นซึมเศร้า ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกครั้ง แล้วเขาก็ทำให้โลกของเราสดใสขึ้นมากกว่าเดิม หลังจากที่เราได้สูญเสียลูกแท้ๆ ของตัวเองไป
มันใจหายมากเลยนะคะ เลี้ยงเขามาตั้งหลายปี เมื่อเขาเริ่มพูดได้ ก็จะได้ยินคำว่าคุณแม่คะ คุณแม่ข๋าตลอด เราจะได้ยินคำพูดประโยคนี้ทุกๆ วัน และแทบจะทุกๆ ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แต่มันจบแล้วค่ะ พ่อเขาเอามินนี่ไปแล้ว
นับจากนี้มันไม่มีอีกแล้ว
“ฮึก…” เราเดินออกไปนอกบ้าน และหยิบกระถางดอกกุหลาบขาวขึ้นมากอดไว้แน่นๆ “ผิงผิง ฮือๆ มินนี่ไม่อยู่กับเราแล้วนะลูก อึก! มินนี่เขาไปอยู่กับพ่อแท้ๆ ของเขาแล้ว จากนี้ไปคงมีแต่แม่ที่มารดน้ำดูแลหนูคนเดียว หลังจากนี้ไม่มีมินนี่มารดน้ำด้วยแล้วนะคะ ฮึก! น้องไม่อยู่กับเราแล้วผิงผิง น้องเขาไปกับพ่อของเขาแล้ว ฮือๆ” มันเหมือน…
เหมือนกับว่าลูกเราตายทั้งสองคนเลยล่ะค่ะ
ทั้งผิงผิงแล้วก็มินนี่
คนแรกก็เจ็บที่เราเฝ้าประคบประหงมมาตลอดเก้าเดือน แต่พอคลอดออกมาเขาก็ตายตั้งแต่วันนั้น ไม่มีโอกาสได้อุ้ม ไม่มีโอกาสได้ให้นม
ส่วนคนที่สอง แม้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี รักมากเหมือนลูกในไส้ แต่สุดท้ายก็ถูกพ่อแท้ๆ ของเขาเอาไป
ชีวิตเรานี่…ไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่หนีตามอีพี่เจฟมาเลย!
แม่ง!
แม่งเอ๊ย!
“ฮือ~ ทำไมแม่ต้องเสียลูกไปตลอดเลย อึก! ไม่ว่าจะลูกแท้ๆ ที่อุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน หรือแม้กระทั่งลูกที่เก็บมาเลี้ยง อึก! ทำไมวะ ทำไมโชคชะตาต้องแกล้งกันแบบนี้ด้วย คนอย่างโตเกียวไม่เหมาะที่จะเป็นแม่คนหรือยังไง ฮือๆ”
ไม่ไหว
จะให้เราทนเจ็บปวดแบบนี้ต่อไปเราคงขาดใจตายแน่ๆ
เราต้องทำอะไรสักอย่าง
เรา…
เราต้องไปขอลูกคืน!
แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะได้คืนมันจะเป็นศูนย์ก็ตาม! แต่เราก็จะลองเสี่ยงดูค่ะ เพื่อที่เราจะได้ไม่สูญเสียลูกไปอีก เพื่อที่เราจะได้โลกที่สดใสของเรากลับมาอีกครั้ง…
หลายวันต่อมา
เราค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต จนได้รู้ว่าคุณคริสมีธุรกิจในไทยมากมาย เพราะเขาเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี มีทั้งธุรกิจโรงแรม ภัตตาคารหรูห้าดาว ห้างดัง เรือสำราญ แล้วก็ธุรกิจเกี่ยวกับการบิน แต่พวกนี้ก็คงจะเป็นพวกที่อยู่บนดิน ภายใต้กฎหมาย
ส่วนพวกธุรกิจใต้ดินที่มันผิดกฎหมาย ให้เราเดานะคะ คงไม่พ้นค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด ค้าโคเคน แล้วก็ค้าอาวุธสงครามแน่ๆ นี่น่ะเหรอคะ!? คนแบบนี้น่ะเหรอที่มินนี่จะอยู่ด้วย มินนี่เขาเป็นเด็กผู้หญิงนะ เขาจะรู้สึกยังไงถ้าต้องโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้นน่ะ
ยอมไม่ได้!
เราต้องไฟท์กับเขาและเอาลูกคืนมาให้ได้
ต้องได้!
“ไม่”
เพล๊ง!
แค่คำว่าไม่คำเดียว ก็ทำเอาเราหน้าบูดเตรียมที่จะร้องไห้ออกมาแล้วล่ะค่ะ แค่คำว่าไม่คำเดียวจริงๆ
“เราตกลงกันแล้วนะโตเกียว เธอต้องการอะไรอีก” ถอนหายใจออกมาเบาๆ และยกแขนขึ้นกอดอก “เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร เพราะเธอไม่ใช่แม่แท้ๆ”
“ฉ…ฉันรู้” ก้มหน้ามุ่ย “แต่ฉันรักมินนี่มากจริงๆ นะคะ รักเหมือนลูกในไส้คนนึงเลย ตั้งแต่ที่คุณเอาเขาไปจากฉัน ฉันก็เศร้า หดหู่ ว้าเหว่ ฉันไปต่อไม่ไหวเลย”
“นั่นมันเรื่องของเธอ ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน” ยกขาขึ้นไขว่ห้าง “ฉันจะพูดอีกครั้งและจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ มินนี่คือลูกสาวแท้ๆ ของฉัน ผลดีเอ็นเอก็ออกมาชัดเจนแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเธอจะกราบเท้าอ้อนวอน หรือแก้ผ้าและเอานมมาถูรองเท้าฉัน ฉันก็ไม่แคร์ ฉันไม่มีวันยกลูกให้เธอเด็ดขาด และไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตาม ฉันก็จะไม่ยกให้ด้วย!”
“โอเคๆ ฉันเข้าใจคุณค่ะว่าทำไมคุณถึงตอบแบบนี้” เราถอนหายใจออกมาเบาๆ และหลับตาลงสิบวินาทีเพื่อตั้งสติ เพื่อที่ตัวเราจะได้ไม่ร้องไห้จนทำให้พูดไม่รู้เรื่อง “แต่ฉันอยากให้คุณดูรูปภาพพวกนี้ แล้วก็พินิจพิจารณาในคำขอของฉันอีกครั้ง” เราหยิบรูปภาพพวกนั้นออกจากกระเป๋า และค่อยๆ วางเรียงทีละรูปลงบนโต๊ะตรงหน้าของอีกฝ่าย “รูปภาพทั้งหมดนี้ เป็นภาพที่ฉันถ่ายไว้ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของฉันกับมินนี่ วันแรกที่ฉันเจอเขาในถังขยะ และวันสุดท้ายที่คุณเอาเขาไปจากชีวิตฉัน”
“ฉันไม่ได้เลี้ยงเขาตามมีตามเกิด ฉันเลี้ยงเขาด้วยความรักจริงๆ ฉันคิดไว้เสมอว่าเมื่อลูกคลอด ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน ฉันก็จะทำทุกอย่างเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่พอลูกคลอดออกมา เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ดื่มนมจากอกของฉัน ตอนนั้นโลกทุกอย่างรอบตัวฉันมันหยุดหมุน จนเมื่อได้เจอกับมินนี่ ฉันมีเป้าหมายอีกครั้ง หายจากสภาวะซึมเศร้า กลับมาเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น และทำให้ฉันกลับมามีเป้าหมายในการทำงานอีกครั้ง ตลอดเวลาที่เลี้ยงมินนี่มา ฉันสู้มาตลอด สู้กับทุกความยากลำบาก เพื่อให้มินนี่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”
“น้ำนมที่ฉันมีในตอนนั้น ที่ลูกแท้ๆ ของฉันไม่ได้กินสักหยด ฉันยังเอาให้มินนี่กินได้อย่างไม่รังเกียจอะไรเลย ทั้งๆ ที่ฉันเจอเขาในถังขยะ แถมยังเป็นลูกใครหน้าไหนก็ไม่รู้ ที่ฉันมาวันนี้ฉันไม่ได้มาเรียกร้องค่าเลี้ยงดูที่ผ่านมาเลย ฉันไม่ได้อยากได้เงินของคุณแม้แต่บาทเดียว แต่ที่ฉันมาเพราะฉันอยากได้ลูกคืน ฉันรู้ว่าการทำแบบนี้มันบ้ามากเพราะฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวเขา ฉันไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเขา เหมือนกับที่คุณเป็นพ่อแท้ๆ แต่ฉันเลี้ยงเขามา ฮึก! ฉันรักเขามากจริงๆ ฉันลองแล้ว ฉันพยายามแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้ อึก…ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีเขา ฉัน…ฮึก! ฮือๆ”
ทรุดตัวลงพื้น
“ฉันขอร้องคุณล่ะ ให้ฉันไหว้ฉันก็ยอม คืนมินนี่มาให้ฉันเถอะนะ ฮึก! ฮือๆ”
“เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เขาถอนหายใจอีกครั้ง และเดินเข้ามาประคองตัวเราให้ลุกขึ้น “มินนึ่คือลูกของฉัน ฉันมีสิทธิ์ในตัวเขามากกว่าเธอ ฉันขอโทษที่ไม่สามารถคืนมินนี่ให้แก่เธอได้”
“ฮึก! ฮือๆ” เราก็คิดเอาไว้แล้วล่ะค่ะ ว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะได้คืนมันเป็นศูนย์
“แต่เอาเป็นว่า…ฉันจะให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้านของฉันก็แล้วกัน”
“…” ได้ยินแบบนั้นเราก็ชะงักในทันที “อ…อะไรนะคะ?”
“ฉันจะให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน มาดูแลมินนี่ในฐานะแม่”
“เพราะกับตัวมินนี่เอง ก็ร้องไห้คิดถึงเธอทุกคืนเหมือนกัน…”
“…”
“ถ้าเป็นแบบนี้ เธอจะตกลงไหมล่ะ?”
“ต…ตกลง! ฉันตกลงค่ะ ฮึก!” พุ่งเข้าไปกอดเขา “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ อึก…ขอบคุณมากจริงๆ”
“อ…อืม” กอดตอบและลูบหัวเราเบาๆ