Episode 01 "คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว"
Episode 01
Talk โตเกียว
สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อโตเกียวนะ ชื่อจริงๆ ชื่อว่าสรรนิสาร์ พัฒนอำไพวงค์ อายุยี่สิบหกปีค่ะ ปัจจุบันเรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรามีสามีชื่อว่าพี่เจฟ พี่เจฟโตกว่าเรานิดหน่อย อายุของเขาในตอนนี้ก็ยี่สิบแปดปีได้ แต่เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสกันหรอกนะคะ
พี่เจฟให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากแต่งงาน อยู่กันไปแบบนี้นี่แหละดีแล้ว เผื่อวันหนึ่งเบื่อกัน อยากจะหย่ากันขึ้นมา บางอย่างในทางกฎหมายมันก็ยุ่งยาก เดี๋ยวก็เปลี่ยนนามสกุลไปมาอยู่นั่น แล้วมันก็เปลืองเงินด้วย
งานแต่งงานในฝันของเราก็เลย…อดไปเลย
คบกันแรกๆ ก็หวานหยดย้อยจนใครๆ ต่างพากันอิจฉา แต่พอนานเข้า ความหวานก็จางหายไป เหลือแต่ความรำคาญ ความเบื่อ ความเหนื่อยหน่ายที่มีให้กัน
ทั้งๆ ที่…เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแท้ๆ
สุดท้ายความรักของเราครั้งนี้ก็จบไม่สวย เราต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง ตามทางของตัวเอง โดยที่ไม่ได้จบกันด้วยดี เพราะเราจับได้ว่าพี่เจฟนอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น
ทั้งๆ ที่เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแท้ๆ นอกจากความหวานจะน้อยลง ไม่เหมือนกับตอนจีบกันแรกๆ แล้ว พี่เจฟก็ยังกรีดใจเราด้วยการนอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น ทั้งๆ ที่เรากำลังท้องลูกของเขาอยู่แท้ๆ
เฮ้อ~
มันก็คงเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตนั่นแหละ มีสุขบ้าง มีเศร้าบ้าง ปะปนกันไป ปัจจุบันนี้เรากับพี่เจฟก็แยกทางกันมาได้สามเดือนกว่าแล้ว พี่เจฟก็อยู่ในที่ของเขา ในสังคมที่เขาต้องการ ส่วนเราก็อยู่ในที่ของเรา
อยู่กับ…เด็กทารกตัวน้อยๆ ที่อีกไม่นานก็จะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว
แค่มีเขาอยู่ด้วยกันกับเรา เราก็ไม่ต้องการใครอีก ต่อให้พี่เจฟผู้ซึ่งเป็นพ่อของเขาจะไม่มาดูดำดูดีลูกของตัวเองเลยก็ตาม
แต่เราก็จะไม่ร้องขออะไรจากเขา เรามั่นใจว่าเราเพียงคนเดียวก็สามารถดูแลลูกให้เติบโตมาเป็นคนดีของสังคมได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากคนแบบเขา
การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมันไม่ได้น่าอายเลย แต่การที่ตั้งใจให้เกิดมาแล้วพอหมดรักกันก็มาโยนความผิดให้คนอื่นว่าทำไมไม่ป้องกัน
นั่นต่างหากล่ะ
ที่น่าอายที่สุด!
“ขยันจังเลยนะ เพลาๆ บ้างนะคุณแม่” ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าเบล เป็นเพื่อนในที่ทำงานของเราเองค่ะ เราทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เงินเดือนอยู่ที่หนึ่งหมื่นห้าพันบาทไปจนถึงสองหมื่นบาทเลยค่ะ
ตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน เงินเดือนสองคนรวมกันมันก็มากพอที่จะเลี้ยงลูก มากพอที่จะไปฝากท้องที่โรงพยาบาลเอกชนแพงๆ แต่พอเราแยกทางกันแถมยังจบกันไม่ค่อยสวย เราก็เลยต้องย้ายมาที่โรงพยาบาลรัฐแทนค่ะ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ!
ตอนนี้เอาโรงพยาบาลรัฐไปก่อน เอาไว้อนาคต หลังจากที่เราคลอดแล้ว ไม่ต้องคอยกังวลว่าถ้าทำแบบนี้จะเสี่ยงแท้งไหม เมื่อถึงตอนนั้นเราจะตั้งใจทำงานเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ หนึ่งเดือนเราต้องหาให้ได้ไม่ต่ำกว่าห้าหมื่น
เราอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ เจอสังคมดีๆ แบบที่เราได้รับในตอนเด็กๆ มันอาจจะเป็นอะไรที่ดูเกินตัว เกินกำลังไปบ้าง แต่เราก็ตั้งใจไว้แล้วจริงๆ เราอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก
ดังนั้นไม่ว่าตัวเราจะลำบากขนาดไหน แต่ลูกของเราต้องสบายค่ะ
จริงๆ บ้านเราก็ค่อนข้างมีฐานะในระดับนึงเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทั้งชีวิตของเราเราไม่เคยลำบาก เรียนโรงเรียนเอกชนมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงจบปริญญาตรี
แต่เพราะเราเลือกที่จะมาอยู่กับพี่เจฟ ซึ่งที่บ้านไม่มีใครชอบพี่เจฟเลย จะเรียกว่าอาการหลงผู้ชายก็ได้ค่ะ เราโง่เองที่ไปหลงรักผู้ชายเลวๆ แบบนั้น
ทุกคนในบ้านไม่ชอบ แต่เราก็ยังดื้อด้านที่จะมาอยู่กับเขา สุดท้ายเราก็ถูกคนที่บ้านตัดหางปล่อยวัด พอหลังจากเลิกกันเราก็เลยกลับบ้านไม่ได้ เลยลำบากอยู่แบบนี้
แฮะๆ
แต่เราจะไม่โทษใครหรอกค่ะ
ทุกอย่าง…มันผิดที่เราเองคนเดียว
เราขอไม่โทษใครทั้งนั้นค่ะ
“ก็แค่เสิร์ฟอาหารกับเช็ดโต๊ะเฉยๆ เอง งานไม่หนักเท่าไหร่ เบลไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เรายิ้มให้พร้อมกับเช็ดโต๊ะไปพลางๆ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงแกก็ท้องอยู่ดี อย่าหักโหมจนเกินไปล่ะ แวะนั่งพักบ้างนะ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจๆ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ นะ” เรายิ้มให้เบลเล็กน้อย และหันกลับมาเช็ดโต๊ะต่อ พอเช็ดโต๊ะนี้เสร็จ เราก็ไปเช็ดตัวอื่นต่อค่ะ
ยังไง…ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเราด้วยนะคะ
ไฟท์ติ้งค่ะ!