Episode 04 "ระวังไม่ตายดี"

1306 คำ
Episode 04 “ตรงนี้มันร้อน จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าพวกผมอยากจะขอเข้าไปคุยในบ้าน?” ผู้ชายอีกคนพูดขึ้นตอบ “แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ก็ขอเชิญคุณขึ้นไปคุยกับเจ้านายของผมบนรถด้วยครับ” “ล…แล้วถ้าฉันไม่สะดวกทั้งสองล่ะคะ? ถ้าฉันไม่สะดวกที่จะขึ้นไปคุยบนรถ แล้วก็ไม่อนุญาตให้พวกคุณเข้าไปในบ้านของฉันด้วย” เราจิกกระโปรงไว้แน่นด้วยความกลัว ท่าทางของพวกเขาไม่ต่างอะไรกับพวกมาเฟียเลยด้วยซ้ำ แถมคนที่ยืนคุยกับเราอยู่ ก็เป็นแค่พวกลูกน้อง ลูกน้องยังน่ากลัวขนาดนี้ แล้วหัวหน้าของพวกเขาจะน่ากลัวขนาดไหนก็ไม่รู้ ในบ้านเราก็มีเด็กอีก เรื่องอะไรจะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าไปในบ้านล่ะ แล้วเราก็จะไม่ยอมขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้าด้วยเช่นกัน “เห็นทีจะไม่ได้นะครับ” ถกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นปืนกระบอกดำที่เหน็บไว้ตรงเอว “คุณต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งครับ จะให้พวกเราเข้าไป หรือจะขึ้นรถไปคุยกับเจ้านายของผม รบกวนคิดให้ดีๆ นะครับ” เห็นไหม! อันตรายขนาดนี้ใครจะให้เข้าบ้านกันเล่า! กรี๊ดดดด! “น…ในบ้านฉันมีเด็ก จะทำอะไรก็กรุณาระวังด้วยนะคะ” ว่าจบ เราก็รีบเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามาในบ้าน วิธีนี้อาจจะดูไม่เวิร์คสักเท่าไหร่ ซึ่งเอาจริงๆ ไม่ว่าจะเลือกให้พวกเขาเข้ามาหรือเราไปกับเขาก็ไม่เวิร์คทั้งคู่ แต่ถ้าไม่เลือกเลยก็ตายห่าด้วยเช่นกัน อย่างน้อยให้พวกเขาเข้ามาในบ้านของเรา ในที่ของเรา เรายังรู้สึกสบายใจกว่าถ้าต้องเข้าไปอยู่ในรถของพวกเขา “โอเคครับ” ว่าจบ เขาก็หันไปเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายของเขา เมื่อประตูรถเปิดออก ก็เผยให้เห็นร่างสูงในชุดสูทสีดำมาดเท่เดินลงมาจากรถ เขาหล่อมาก แต่เขาก็ดูน่ากลัวด้วยเช่นกันค่ะ ไม่หลงคารมคนหล่อหรอก! แค่กับพี่เจฟเราก็เข็ดจนไม่รู้จะเข็ดยังไงแล้ว! ชิ! “คริสเตียน การ์เตอร์ เจนเนอร์ หรือจะเรียกสั้นๆ ว่าคริสก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาพูดแนะนำตัวเองและยื่นมือมาจ่อที่ตรงหน้าของเราเป็นการทักทาย “ฉันน่าจะโตกว่านะ” “ค่ะ ฉัน…ฉันชื่อโตเกียวค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าเกียวก็ได้” ยื่นมือไปตอบรับคำทักทายของเขา “รบกวนช่วยบอกคนของคุณให้ระวังด้วยนะคะ ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันตกใจ” “ได้เสมอ” เขาพยักหน้าให้เราเล็กน้อย และหันไปสั่งลูกน้องของตัวเองต่อ “เก็บอาวุธให้เรียบร้อย ปืน กรีซ พวกแกเข้ามากับฉัน” ลูกน้องของเขาพยักหน้ารับคำสั่ง จากนั้นจึงเดินตามเราเข้ามาในบ้าน “คุณแม่ข๋า คุณลุงพวกนี้เป็นใครเหรอคะ?” มินนี่ที่เห็นว่ามีแขกมาก็รีบพุ่งเข้ามาสวมกอดเราทันที เพราะท่าทีของพวกเขาน่ากลัวมากๆ มินนี่เองก็คงจะสัมผัสถึงความน่ากลัวได้เหมือนกัน “พวกเขาน่ากลัวจังเลยค่ะ” “ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวมินนี่ขึ้นไปรอคุณแม่บนห้องก่อนนะคะ ล็อกกลอนเอาไว้ให้แน่นที่สุดเลยค่ะ และถ้าไม่ใช่คุณแม่ไปเรียก หนูก็ห้ามออกมาเด็กขาด โอเคไหมคะ?” มินนี่พยักหน้าเข้าใจ และรีบวิ่งขึ้นห้องไปทันที “พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไรคะ?” พอมินนี่หนีขึ้นห้องไปได้ เราก็หันไปถามเขาทันที ซึ่งในขณะที่เราหันหลังให้เขาเพื่อไปคุยกับลูก พวกเขาก็พากันเดินสำรวจไปรอบๆ บ้านของเรา แถมยังหยิบรูปมินนี่ตอนเด็กขึ้นมาดูด้วย “นี่! ฉันถาม! พวกคุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไงคะ?” “ฉันมาตามหาเด็กคนนึง ซึ่งเด็กคนนั้น…เขาเป็นลูกของฉัน” คุณคริสพูดขึ้น เขาหยิบรูปมินนี่ที่เราใส่กรอบเล็กๆ ไว้มาดู จากนั้นจึงเดินมานั่งคุยกับเราที่โซฟา “ลูกของฉันถูกผู้หญิงสารเลวคนหนึ่งขโมยไป ยัยนั่นเกลียดฉัน แล้วก็เกลียดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากฉัน ยัยนั่นจึงขโมยลูกไป” “แล้วยังไงต่อ?” เอียงคอมองนิ่งๆ ส่วนเขาก็พูดพร้อมกับจ้องมองรูปภาพในกรอบไปพลางๆ “มันเกี่ยวอะไรกับการที่คุณมาที่นี่? เราไม่เคยเจอกันมาก่อน คุณรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไงกัน!?” “ผู้หญิงคนนั้นขโมยลูกไปจากฉัน ฉันใช้เวลาหลายปีในการตามหาตัวผู้หญิงคนนั้นกับลูก จนในที่สุดฉันก็หาเจอ แต่ผู้หญิงคนนั้นบอกกับฉันว่าเขาทิ้งเด็กไปตั้งนานแล้ว ป่านนี้เด็กคนนั้นก็คงจะตายห่าไปแล้ว พอรู้แบบนั้นฉันโกรธมาก…ก็เลยฆ่ามันทิ้งซะ” “อ…อึก!” สะดุ้ง “แต่ก่อนที่ยัยนั่นจะตาย ยัยนั่นก็ได้สารภาพกับฉันว่ายัยนั่นเอาเด็กไปทิ้งไว้ที่ไหน ซึ่งก็คือที่นี่ ฉันก็เลยมาลองหาดู เผื่อว่าอาจจะมีคนใจบุญเก็บเด็กคนนั้นไปเลี้ยง เด็กคนนั้น…ลูกสาวแท้ๆ ของฉัน!” “แล้วผมก็ได้ไปสืบมาแล้ว ละแวกนี้ไม่มีบ้านไหนเลี้ยงเด็กที่อายุพอๆ กันกับลูกของนายท่านเลยนอกจากบ้านคุณ” ผู้ชายที่ชื่อกรีซพูดขึ้นตอบ “พวกเราจึงตัดสินใจมาที่นี่ เผื่อว่าคุณอาจจะเป็นคนใจบุญคนนั้นที่ช่วยชีวิตคุณหนูไว้ และถ้าหากใช่…พวกเราก็จะขอรับตัวคุณหนูกลับไป” “ไม่ใช่หรอกค่ะ” ส่ายหัวรัวๆ แต่ในใจลึกๆ ก็ประหม่ามากๆ กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อ “เด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่คุณเห็นเขาเป็นลูกสาวของฉัน ฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวน่ะ” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหารูปตัวเองตอนท้องโตๆ “เผื่อพวกคุณไม่เชื่อ นี่คือรูปขณะที่ฉันกำลังตั้งครรภ์” หันหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาได้ดู “ที่นี่ไม่มีหรอกค่ะ คุณไปที่อื่นเถอะ” “แต่ในรูปนี้…” คุณคริสพูดขึ้นและหันกรอบรูปที่เขาถือมาให้เราดู จากนั้นจึงชี้ไปที่จี้ที่มินนี่กำลังสวมอยู่ “จี้รูปหัวใจเส้นนี้ มันเหมือนกับจี้ที่ฉันสั่งทำขึ้นมาให้ลูก และถ้าเพ่งเล็งดีๆ ในจี้นี้ก็สลักข้อความบางอย่างเอาไว้ด้วย แต่ฉันมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่ฉันมั่นใจว่ามันคือจี้ของฉัน” “โทษนะ แล้วคุณไม่คิดบ้างเหรอคะว่าฉันอาจจะสั่งทำจี้ขึ้นมาเหมือนกันกับคุณน่ะ คุณจะเอาตัวเองมาเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างไม่ได้นะคะ” ถ้าเขาเป็นพ่อของมินนี่ที่มาตามหาลูกจริงๆ เราก็ผิดที่เราทำแบบนี้ แต่เรารักและผูกพันกับมินนี่มากๆ พอถึงวันที่ต้องเสียมินนี่ไป เราก็พูดอะไรไม่ออกเลย เรารักมินนี่มาก เราไม่อยากเสียเขาไปค่ะ “แต่เท่าที่ผมสอบถามกับชาวบ้านในละแวกนี้ เขาบอกว่าลูกคุณตายไปตั้งแต่ตอนคลอดแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ผู้ชายอีกคนที่ชื่อปืนพูดแทรกขึ้น “คุณท้องก็จริง แต่ลูกคุณตายไปตั้งนานแล้วนี่นา…พูดความจริงมาเถอะครับ” “โกหกกันแบบนี้ระวังไม่ตายดีนะ” “อ…อึก!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม