“ถ้าเขาไม่คิดถึงก็อย่าไปคิดถึงเขาสิครับ พรุ่งนี้วันหยุด ผมว่าง เอ่อ...เราไปหาอะไรทำให้มันลืมคนใจร้ายดีไหมครับ”
เชนไม่มั่นใจนักว่าสิ่งใดทำให้เขากล้าเอ่ยเช่นนั้น รู้แต่ว่าเขาไม่อยากเห็นหยดน้ำตาของสาวน้อยตรงหน้า
รัญตาชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับปาก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตอบรับคำชวนโดยง่าย อาจจะเพราะไม่ค่อยมีเพื่อน และเชนก็ยื่นไมตรีจิตเช่นมิตรผู้แสนดีมาให้ มันส่งผ่านดวงตาเล็กเรียวคู่นั้นของเขา แม้ทุกประโยคที่เขาเอ่ยเป็นภาษาไทยจะไม่ชัดเจน แต่ความจริงใจเธอรู้ว่าเขามีให้เต็มร้อย
“พรุ่งนี้ผมไปรับที่บ้านนะ” เขาบอก
“ค่ะ รัญจะรอนะคะ” รัญตายิ้มให้ วงหน้างามยังเจือด้วยความหมองเศร้า หญิงสาวขับรถออกจากบริษัทแต่ยังไม่อยากกลับบ้าน ใบหน้าที่จมอยู่กับความเศร้าหมอง เธอไม่สามารถพามันไปพบพิชฎาได้ เธอขับรถไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีรถยนต์คันงามก็มาจอดอยู่หน้าบ้านจิรายุทธแล้ว
“มาที่นี่ได้ไงเนี่ย” ถามตัวเองเมื่อเห็นเจ้าบ้านผู้ใจดีรีบออกมาต้อนรับตน ท่านติภพกับคุณเดือนเด่นเอ็นดูเธอราวกับลูกแท้ๆ ท่านทั้งสองคงดีใจที่เธอมาที่นี่
“สวัสดีค่ะคุณท่าน” รัญตารีบลงจากรถแล้วยกมือไหว้เจ้าบ้าน
ทั้งสองยิ้มให้กันพลางคิดเหมือนกันว่ารัญตาไปทำอะไรมา ใบหน้าถึงได้ฉายชัดความทุกข์เช่นนี้ แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม แต่มันไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนได้หรอก
“เข้าบ้านก่อนนะจ๊ะหนูรัญ วันนี้มีของโปรดของหนูรัญขึ้นโต๊ะด้วยนะ ทานเสร็จแล้วเราค่อยมาคุยกันดีกว่าเนอะ”
เดือนเด่นชักชวน ใบหน้างามสมวัยมีรอยยิ้มพร่างพรายพลอยทำให้คนที่อารมณ์ไม่ค่อยสดใส มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
หลังอาหารมื้อค่ำ รัญตามานั่งแหมะอยู่ที่กลางห้องรับรองใหญ่ของบ้าน มีเจ้าบ้านทั้งสองคอยคะยั้นคะยอให้รับประทานผลไม้ซึ่งวางอยู่กลางโต๊ะตัวเตี้ย เจ้าบ้านทั้งสองแสดงออกว่าเอ็นดูกันมากเหลือเกิน จนบางครั้งรัญตาเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันมีเหตุผลอื่นหรือไม่
หญิงสาวนั่งอยู่ที่บ้านจิรายุทธจนมืดค่ำ รู้สึกสบายใจขึ้นมามากโขเมื่อได้พูดคุยกับเจ้าบ้านทั้งสอง กระทั่งถึงเวลากลับ ท่านติภพและคุณเดือนเด่นก็ออกมาส่งถึงหน้าบ้าน แถมยังย้ำมั่นเหมาะว่าให้มาอีก รัญตาไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และสัญญากับทั้งสองว่าจะมาอีกในเร็วๆ นี้
เช้าวันใหม่ ณ บ้านเช่าหลังน้อย
พิชฎาลุกมาทำความสะอาดบ้านแต่เช้าตรู่ เธอรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดที่ไม่ถูกแมคโลริคคอยตามรังควาน แต่ก็อดน้อยใจแทนหลานสาวไม่ได้ที่เขาขาดการติดต่อเช่นนี้ เธอคิดว่าแมคโลริคกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เขากำลังหาทางให้เธอบอกความจริงเรื่องท่านติภพกับรัญตา แต่ไม่มีวันเสียหรอก เธอยังทำใจไม่ได้ที่จะถูกเกลียดชังจากคนที่ตนรักมากที่สุด
“รัญ? วันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ ทำไมแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกล่ะ”
พิชฎาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนแบบง่ายๆ เอ่ยทักหลานสาวที่แต่งตัวสวยสมวัย มีกระเป๋าสะพายคล้องหัวไหล่ เธอกำลังจะเอาผ้าไปซักที่หลังบ้าน แน่นอนว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นของรัญตา
“รัญจะไปเที่ยวข้างนอกกับเพื่อนค่ะ วันนี้อาจจะกลับค่ำหน่อยนะคะ น้าฎาไม่ต้องรอทานมื้อค่ำนะ” หลานสาวสั่งความด้วยใบหน้าเนือยๆ แล้วเดินไปที่หน้าประตู หยิบรองเท้าผ้าใบขึ้นมาสวม มันเข้ากันได้ดีกับกางเกงยีนสีซีดและเสื้อยืดเอวลอยปักโลหะรูปดาวห้าแฉกบนหน้าอก
“จ้ะ...เอ่อ พักนี้รัญดูเครียดๆ นะ ทะเลาะกับแฟนหรือเปล่า”
คนถูกถามไม่ตอบแต่น้ำตาคลอเบ้า ตอนนี้หลานสาวของพิชฎากำลังทำใจอย่างหนัก เรื่องแฟนหนุ่มที่ชื่อแมคโลริค
“เอ่อ...รัญ รัญไม่ได้เจออาแมคมาสองอาทิตย์แล้วค่ะ บางทีอาแมคอาจจะมีคนอื่น รัญแค่กำลัง...ทำใจ” ท้ายประโยคหญิงสาวเอ่ยอย่างหนักแน่นก่อนจะก้าวออกจากบ้าน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดรอเธออยู่นานมากแล้ว
พิชฎามองตามร่างหลานสาวอย่างเป็นกังวล หรือว่าแมคโลริคจะมีคนอื่นจริงๆ
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ แมคโลริค”
พิชฎาเฝ้าถามตัวเอง ผิดหวังอย่างประหลาดที่รับรู้ว่าแมคโลริคอาจมีผู้หญิงคนอื่น อาจเป็รเพราะความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่เกิดขึ้นกระมัง มันคงร้อยรัดความรู้สึกเธอเอาไว้กับเขา ความรู้สึกราวกับว่า...หึงหวง
นักเขียนสาวรีบปัดความรู้สึกของตนทิ้ง เธอหอบเอาตะกร้าผ้าไปหลังบ้านเพื่อยัดมันลงเครื่องซักผ้า ก่อนที่สมองจะมัวแต่คิดเรื่องเขาจนไม่เป็นอันทำอย่างอื่น
เชนพารัญตามาเที่ยวที่สวนสนุกแถวปทุมธานี ทั้งสองเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เครื่องเล่นหลายชนิดทำให้คนเล่นหวาดเสียวหัวใจแทบวาย แต่มันก็ทำให้ได้กรี๊ดดังๆ เพื่อปลดปล่อยความหนักอกหนักใจในบางเรื่องให้หมดสิ้นไป
รัญตาเสียงแหบไปเลยเมื่อลงจากรถไฟเหาะตีลังกา ในขณะที่เชนอาการแย่กว่านั้นมากนัก
“อุ๊บ! โอ้กกก...”
ร่างสูงของบุรุษเลือดผสมโก่งคออาเจียนอยู่ริมทางเดิน เขาสนุกมากเมื่ออยู่บนรถไฟเหาะ แต่พอลงมาเท่านั้นแหละ ดูเหมือนว่าความสนุกจะมลายหายไปสิ้น ท้องไส้เขาปั่นป่วนและในที่สุดก็ขย้อนเอากาแฟมื้อเช้าออกมา