“ไหวไหมคะ ดื่มน้ำก่อนนะ นี่ค่ะ”
รัญตาส่งขวดน้ำที่เพิ่งวิ่งไปซื้อมาให้ชายหนุ่ม เขารับไปทั้งดื่มทั้งบ้วนปาก เหลืออยู่ค่อนขวดยังเอามาล้างหน้าอีก รัญตาสงสารเพื่อนใหม่จับใจ ใบหน้าเขาซีดมากคงเพราะโก่งคออาเจียนเอาเป็นเอาตาย
“กลับกันดีกว่า รัญว่าคุณไม่ไหวแล้วแน่ๆ”
“ไหวสิครับ ผม...แค่อยากนั่งพักสักหน่อย” ว่าแล้วยืดกายขึ้นเต็มความสูง รัญตาควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าถือตัวเองมาส่งให้ เขารับไว้ด้วยความเกรงใจ แต่ก็ไม่วายทำให้เจ้าของผ้าต้องแก้มแดง ด้วยการจงใจสูดกลิ่นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้าไปเต็มปอด
“หอมดีนะครับ” เขาว่าแล้วค่อยๆ ซับหยดน้ำบนใบหน้า
รัญตาได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย รู้สึกเหมือนว่าปลายจมูกโด่งคมของเชนกำลังกดลงบนพวงแก้มของตนโดยตรง มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ และน่าประหลาดใจนักที่เรื่องไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวง หลุดออกจากสมองเพียงเพราะการกระทำของเขา
“เอ่อ...รัญ...รัญหิวแล้ว เรากลับเถอะนะคะ แวะหาอะไรกินกลางทางแล้วเข้ากรุงเทพฯ เลยดีกว่า” หญิงสาวเอ่ยชวน เหมือนว่าต้องการหาทางออกจากความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้
เชนถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของรัญตา เขารู้ว่าทำผิดที่คิดไม่ซื่อต่อแฟนเจ้านาย แต่จะเป็นไรไปเล่าในเมื่อความจริงทั้งสองไม่มีวันได้สมหวัง แค่ได้มองใบหน้านี้ ได้เห็นแก้มแดงๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเขา เขาก็ดีใจมากแล้ว
“ก็ได้ครับ แต่เกรงว่าคุณรัญต้องเป็นคนขับ เพราะผมคงไม่ไหวจริงๆ”
พูดจบร่างสูงของเชนก็เซน้อยๆ เดือดร้อนให้คนร่างบางต้องรีบเข้ามาประคอง ชายหนุ่มถือวิสาสะโอบแขนรอบเอวบาง กิริยานั้นทำให้พวงแก้มของรัญตายิ่งแดงมากขึ้นไปอีก
“ขอโทษทีครับคุณรัญ ผมเดินเองลำบากจริงๆ”
คนร่างสูงรีบแก้ต่างในการกระทำของตัวเอง ทำเอารัญตาพูดไม่ออก หากตำหนิเขาก็เกรงจะทำร้ายจิตใจ เพราะอย่างไรเสีย เชนก็ออกตัวมาแล้วว่ามิได้ตั้งใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเป็นเพื่อนกันนี่คะ แค่นี้สบายมาก มาค่ะ รัญช่วยประคองไปที่รถนะ”
รัญตายิ้มละไมให้ชายหนุ่ม ทั้งสองประคองกันไปขึ้นรถและออกจากสวนสนุกแห่งนั้นในเวลาบ่ายโมงเศษ รัญตายอมรับว่ารู้สึกดีกับเชน เขาเป็นเหมือนร่างเงาของแมคโลริค ทว่า...เป็นแค่ร่างเงา ยังมิใช่ตัวจริง
เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านของพิชฎา หญิงสาวก็ได้ต้อนรับแขกมิได้รับเชิญ เขาเป็นบุรุษร่างสูง ใบหน้าขาวอย่างคนที่ไม่ค่อยได้ออกแดด สวมเสื้อผ้าที่พิชฎาคุ้นตา ที่สำคัญยังสวมแว่นสายตาที่เป็นดั่งเอกลักษณ์ของเขา
“นั่งก่อนสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนึกว่าลืมกันซะแล้ว”
พิชฎาเปิดฉากการสนทนาอันแสนอึดอัด บ้านเช่าหลังน้อยเหมือนถูกบีบด้วยผู้มาเยือนจนเหลือพื้นที่ให้หายใจเท่ารูเข็ม
“ธารไม่เคยลืมฎาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา”
ผู้มาเยือนสารภาพเสียงอ่อย นั่งลงตรงข้ามกับพิชฎา เขาพิจารณาวงหน้างามอย่างแสนเสียดาย หล่อนสวยขึ้นมาก สวยทั้งๆ ที่ส่วนประกอบอื่นๆ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าใดนัก บางทีหล่อนอาจกำลังมีความรัก ว่ากันว่าความรักจะทำให้ผู้หญิงสวยขึ้น แต่เขาก็ไม่ปรารถนาให้พิชฎามีความรักหรอกนะ และถ้ามันจะมีจริงๆ ความรักที่ว่าของหล่อนก็ต้องมอบให้เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
“อย่าพูดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วสิ มันเจ็บนะ” ว่าเขาแต่สีหน้าไม่ได้มีความเจ็บปวด กลับกันมันมีแต่ความหนักใจและกังวลมากกว่า เธอรู้สึกกลัวอย่างประหลาด กลัวว่าแมคโลริคจะรู้ว่าธารมาที่นี่ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัวเลยสักนิด
“ธารขอโทษ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมฎา”
พิชฎาเลิกคิ้วสูง ธาราคิดจะทำอะไรกันแน่ เขายังต้องการอะไรจากคนที่เขาเคยทิ้งไปอย่างนั้นหรือ
“ถ้าธารโดนฎาทิ้ง ธารยังคิดว่าธารจะยอมให้ฎาเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า กลับไปเถอะธาร เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว อย่ากลับมาให้ฎาต้องกังวลอีกเลย”
“แต่ว่า...”
“ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญก็กลับเถอะ ฎาจะไปส่งที่ประตู” พิชฎาตัดบท ไม่อยากเสวนากับคนที่เคยทำให้ช้ำใจสักนาที ไม่อยากเห็นแม้แต่หน้า ไม่อยากได้ยินชื่อเขาด้วยซ้ำ
“แล้วธารจะมาใหม่” ธารายังไม่ละความพยายาม เขาลุกขึ้นตามหล่อนไป ตอนนี้เขาไม่มีใครแล้ว เขาผิดที่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนอื่นรักเขาได้มากกว่าพิชฎา ไม่มีใครรักเขาได้เท่าหล่อนอีกแล้ว
“แต่ที่นี่ไม่ต้อนรับธาร” พิชฎาบอกหนักแน่น เปิดประตูบ้านให้ทั้งที่เพิ่งเชิญเข้ามา เธอแทบจะผายมือเชื้อเชิญให้เขาก้าวออกไป ใครจะว่าเธอใจดำก็ช่าง
“โธ่...ฎา แต่ธาร...”
“ผู้หญิงบอกไม่ต้อนรับแล้วยังจะหน้าด้านอยู่ต่ออีกเหรอ”
ผู้มาใหม่เอ่ยถามแกมประชด พิชฎาตาเบิกโตเมื่อพบว่าเป็นใครที่เอ่ยประโยคนั้น
“หมายความว่ายังไงไม่ทราบ” ธาราโต้กลับด้วยความไม่พอใจ เขาไม่เคยรู้จักบุรุษมาดโก้คนนี้ แต่ดูเหมือนว่าพิชฎาจะไม่ใช่
“เอ่อ...ฉันว่าอย่ามามีเรื่องที่บ้านฉันจะดีกว่านะ ฉันเชิญคุณทั้งสองคนนั่นแหละ ธาราออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว คุณด้วยแมคโลริค”
พิชฎาเอ่ยอย่างรำคาญ แค่ธาราคนเดียวก็คร้านจะเสวนาด้วย ตอนนี้ยังเพิ่มแมคโลริคมาอีก สนุกตายละวันนี้
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” แมคโลริคแจ้งความประสงค์
“แต่ฉันไม่มี เชิญออกจากบ้านฉันได้แล้ว ทั้งสองคนเลย ฉันรำคาญ!”
เจ้าบ้านประกาศอย่างหัวเสีย เธอรุนหลังธาราให้ออกไปพ้นตัวบ้าน ก่อนจะปิดประตูลงกลอน ไม่ยอมเปิดแม้ว่าบุรุษทั้งสองจะทุบบานประตูปึงปัง
“พิชฎา! กล้าปิดประตูใส่หน้าผมเหรอ เปิดเดี๋ยวนี้นะ!”
แมคโลริคออกคำสั่ง
“ฎา...ธารมีเรื่องจะคุยกับฎาตั้งหลายเรื่อง ช่วยเปิดประตูก่อนเถอะนะ ธารขอร้อง”
อดีตแฟนเก่าเฝ้าวอนขอความเมตตา พิชฎาได้แต่เบะปากใส่น้ำเสียงอันน่าเห็นใจนั้น เธอจะไม่มีวันให้อภัยธาราเด็ดขาด ส่วนบุรุษอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้เธอไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเขา ขอยกธงขาวยอมแพ้สักวันก็แล้วกัน