“จำไว้นะลาริมาร์...ถ้าแพตเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะไม่ให้อภัยพ่อของเธอตลอดชีวิต”
พัลเลเดียมพูดขึ้นขณะเขาชะลอรถใกล้ไฟแดง ลลิลหายใจสะดุดและแทบไม่กล้าหันกลับไปมองแม้เสี้ยวหน้าอันดุดันนั้น
“ลิลอยากไปเยี่ยมคุณแพตค่ะ”
“ไม่จำเป็น!”
เขาตะคอกและเลื่อนมือข้างหนึ่งที่จับพวงมาลัยมาจับแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบแรง ๆ
“ถ้าอยากแสดงความหวังดีก็ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้บกพร่องก็แล้วกัน...หันมามองหน้าฉัน ลาริมาร์!”
เขาสั่งและกระชากร่างบางเข้าหา ลลิลจำต้องหันกลับมาจ้องใบหน้าเครียดขึ้งดั้วยอาการสั่นเทา เธออยู่ใกล้เขามากจนรับรู้ความผ่าวร้อนจากลมหายใจของเขา หญิงสาวยังจดจำกลิ่นหอมลุ่มลึกของบุรุษผู้สง่างาม มันเป็นกลิ่นของอำพันซึ่งเธอจำได้ไม่เคยลืม แต่เขาคงลืมทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอไปหมดแล้ว ร่างเล็กนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงแรงกดจากมือแกร่งบนแขนเรียวงาม
“คุณอาคะ...ลิลเจ็บค่ะ”
“คงน้อยกว่าพี่สาวฉันกระมัง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของเธอจะทำเรื่องเลวระยำได้ถึงขนาดนั้น เขาหลอกแพตยังไม่พอแล้วตั้งใจจะฆ่าเธอให้ตายเพราะความมักมากเรื่องผู้หญิง อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าเธอต้องมีผัวที่ไม่ซื่อสัตย์แบบนั้นบ้างพ่อเธอจะคิดยังไง!”
“คุณอา...ปล่อยเถอะค่ะ ลิลเจ็บจริง ๆ นะคะ”
ลลิลร้องขอเสียงสั่นเครือและดูเหมือนเขาจะยังไม่ยอมปลดปล่อยแขนเรียวในอุ้งมือหนาหนักราวคีมเหล็กหากไม่ได้ยินเสียงแตรที่ดังเตือนจากรถด้านหลังเสียก่อน พัลเลเดียมปล่อยแขนหญิงสาวและขบกรามแน่น นัยน์ตาของเขาแดงก่ำขณะจ้องมองไปเบื้องหน้าและเหยียบคันเร่ง ร่างน้อยเลื่อนมืออีกข้างมาจับต้นแขนที่เจ็บร้าวตั้งแต่หัวไหล่ไปถึงปลายนิ้ว เธอยิ่งหวาดหวั่นเมื่อนึกถึงจุดหมายปลายทางข้างหน้าเพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้อีกหรือไม่ พัลเลเดียมแสดงความกักขฬะและเกลียดชังออกมา ในสายตาของเขาเธอไม่ใช่ลูกสาวของอิศราอีกต่อไปแต่กลับกลายเป็นลูกของศัตรูที่เขาชิงชังและต้องการทำทุกอย่างเพื่อเอาคืน ลลิลนั่งนิ่งเงียบกระทั่งชายหนุ่มพารถเรนจ์โรเวอร์คันหรูแล่นเข้าไปจอดหน้าตึกสูงตระหง่านท่ามกลางตึกระฟ้ามากมายในย่านวอลสตรีท พอเขาลงจากรถก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารับกุญแจที่พัลเลเดียมยื่นให้ เขาเดินกลับมายังด้านที่นั่งข้างคนขับและเปิดประตูรถขณะยื่นหน้าคมเข้มเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งนิ่งเงียบ
“ที่นี่คือตึกล็อค ซายน์... เพนท์เฮาส์ของแพตอยู่ชั้นบนและเธอต้องอยู่ที่นั่น”
เสียงนั้นดุดันไม่พอแต่เขายังแสดงความหยาบร้ายด้วยการดึงมือหญิงสาวให้เธอลงจากรถและเดินตามเข้าไปในตึกสูงหกสิบชั้น ลิฟท์ความเร็วสูงพาชายหนุ่มและหญิงสาวขึ้นไปถึงชั้นที่หกสิบซึ่งเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกลลิลจึงเห็นว่าที่นั่นเป็นชั้นดาดฟ้าเปิดโล่งแต่มีสระว่ายน้ำและเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน พัลเลเดียมปล่อยมือหญิงสาวและก้าวฉับ ๆ ไปหยุดที่ริมสระขณะล้วงมือในกระเป๋ากางเกงทั้งสอง ท่าทีของเขายังสง่างามและลลิลรู้ว่าปกติเขาเป็นคนไม่พูดมาก ร่างสูงใหญ่เหลียวมองไปรอบ ๆ ก่อนหันกลับมายังหญิงสาวที่ยืนมองสถานที่แห่งใหม่ซึ่งจะเป็นที่อยู่ของเธอนับจากนี้ไปอีกนานเท่าใดมิรู้ได้ ขณะนั้นเองเขาก็สืบเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้าร่างเล็กที่ช้อนตามองเขาด้วยแววหวั่นหวาด
“เพนท์เฮ้าส์ของแพตมีสี่ชั้น และนี่คือชั้นบนสุด ห้องนอนของเธออยู่ชั้นล่างถัดจากดาดฟ้านี่”
“ค่ะ”
“ที่นี่มีจูลี่ เป็นแม่บ้านที่คอยดูแลเพียงคนเดียวทั้งสี่ชั้น ถ้าแพตไม่เป็นอะไรไปเสียก่อนก็คงอีกนานกว่าจะได้กลับมาอยู่ที่นี่อีก”
“อาพีทคะ...ลิลอยากไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลค่ะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้นถ้าฉันไม่อนุญาต!”
เขากล่าวดุดันพร้อมทั้งจับไหล่บางและดึงร่างน้อยเข้าหา ลลิลห่อตัวเหมือนลูกนกสั่นเทา เธอทั้งเหน็บหนาวและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน มันเป็นความรู้สึกของสาววัยสิบแปดยามได้อยู่ชิดใกล้ชายในฝันแม้เขาอายุห่างกับเธอนับสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแนบชิดกับตัวเขา อกกว้างนั้นอุ่นนักแม้ว่าพัลเลเดียมจะแสดงออกว่าเกลียดชังเธอมากขนาดไหนแต่ทุกคราที่อยู่ใกล้ก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะทุกครั้ง ชายหนุ่มหยัดยิ้มเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการสั่นของร่างเล็ก เขาก้มหน้าลงไปใกล้ หัวใจของเขาตอนนี้ราวถูกเพลิงร้อนของความพยาบาทผลาญ หากทว่าเสี้ยวหนึ่งของสำนึกคือความรำลึกที่ฝังแน่น มันผุดพรายขึ้นมาจากใต้บึ้งก่อนที่เขาจะกดมันลงไปจนลึกและไม่ปรารถนาหยั่งได้ถึง พัลเลเดียมเตือนตัวเองอีกครั้งว่าอิศราทำอะไรกับพี่สาวของเขาบ้างก่อนเขาปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
“เธอเป็นเมียของฉันแล้วนี่นะ แต่จะบอกให้ว่าฉันไม่ได้อยากแตะต้องตัวเธอนักหรอก หึ! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้เธอเคยเสียตัวให้ผู้ชายคนไหนไปแล้วบ้าง”
“ผู้ชายคนไหน...”
ลลิลทวนคำพูดเสียดแทงนั้นขณะเงยหน้าจ้องเขาด้วยแววตาเจ็บปวด หญิงสาวเม้มปากแน่น
“ทำไมอาพีทคิดแบบนั้นล่ะคะ”
เขายักไหล่และส่งเสียงในลำคอทั้งเลิกคิ้วเหยียดปากอย่างหยามหยัน