ตอนที่ 1
เคียดแค้นของเขาร้อนราวเพลิงผลาญ หากหัวใจของเธอกลับพันธนาการเขาไว้ด้วยรักลลิล (ลาริมาร์)เธอต้องเดินทางกลับอเมริกาตามคำสั่งของบิดาโดยด่วนหลังเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของเนเธอแลนด์ได้เพียงวันเดียวเพื่อจดทะเบียนสมรสกับพัลเลเดียม ล็อก เพื่อนสนิทของบิดา ผู้ชายซึ่งเธอเรียกเขาว่า คุณอา หากทว่ามันเป็นการแต่งงานที่ปราศจากงานเลี้ยง ไม่มีชุดเจ้าสาวและคำอวยพรจากบาทหลวง มีก็เพียงกระดาษแผ่นเดียวที่เป็นเสมือนโซ่เส้นใหญ่พันธนาการเธอไว้ด้วยเงื่อนไขและข้อบังคับอันเจ็บปวดกับสามีที่แสดงออกตลอดเวลาว่าไม่ได้รัก และพร้อมที่จะขยี้หัวใจของเธอให้แหลกละเอียดได้ทุกเมื่อพัลเลเดียม ล็อกประธาน ล็อก ซายส์ แฟคซิทรอน อินดัสเทรียล ยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรและการผลิตอาหารของอเมริกา นักธุรกิจหนุ่มแถวหน้าวัยสามสิบแปด หล่อเหลากระชากใจ เสน่ห์ร้ายกาจที่สาว ๆ ทั่วทั้งอเมริกาพร้อมใจยอมสยบแทบเท้าทว่ามีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขา เลือก เธอ ลลิล สาววัยสิบแปดที่เขาเคยเรียกติดปากว่าลาริมาร์งดงามและเปล่งประกายราวศิลาแห่งรักหากแต่เขาไม่ปรารถนาถนอมมันไว้ นอกจากทำลายและบดขยี้ให้ย่อยยับ
ลลิล ก้มลงมองมาทร์ทโฟนที่กุมไว้ในมือบอบบางหลายครั้งกับความหวังเล็ก ๆ ว่าจะมีสายเรียกเข้าและหากมีเธอก็จะรีบรับมันอย่างเร็วที่สุด หากทุกอย่างก็ยังเงียบเชียบ ได้ยินเพียงเสียงแอร์คอนดิชั่นครางต่ำ ๆ ภายในรถเรนจ์ โรเวอร์สีดำสนิทซึ่งมีคนขับที่เธอไม่คุ้นหน้าไปรับถึงสนามบินนิวยอร์คเมื่อตอนเช้ามืดหลังเธอต้องรีบเดินทางกลับจากเนเธอแลนด์อย่างเร่งด่วนตามคำสั่งของ อิศรา บิดาของเธอทั้งที่หญิงสาวพึ่งเริ่มไปมหาวิทยาลัยวาเคนิงเงิน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านการเกษตรและวนศาสตร์ชื่อดังอันดับต้นของประเทศได้เพียงวันเดียว และเมื่อกลับไปถึงอพาร์ทเม้นท์กลับได้รับโทรศัพท์และได้ยินเสียงอิศวะที่ยังดังก้องในความคิดบอกว่า
“ลิล...ลูกต้องกลับอเมริกาคืนนี้”
เสียงที่ดังมาตามสายทำให้ลลิลหยุดกึกและเงียบไปชั่วขณะทั้งที่ยังไม่ได้วางหนังสือลงด้วยซ้ำ เธอถามบิดากลับไปว่า
“ทำไมล่ะคะพ่อ หนูพึ่งเข้าคลาสเรียนวันนี้เองนะคะ ที่นี่ยอดเยี่ยมมากเลยล่ะค่ะ เป็นมหาวิทยาลัยด้านการเกษตรในฝันที่หนูตั้งใจมาก ๆ เลยนะคะว่าเรียนจบแล้วจะกลับไปช่วยขยายกิจการของพ่อ”
“ใช่...ลิล มันยอดเยี่ยมมาก แต่หนูต้องกลับอเมริกาคืนนี้ และ...เรื่องเรียนคงต้องพับโครงการไว้ก่อน”
“พ่อกำลังจะบอกหนูหรือคะว่าหนูจะไม่ได้เรียนต่อที่วาเคนิงเงินแล้ว”
“ฟังพ่อนะลิล...หนูเป็นคนเก่ง และนี่อาจเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ค่อยสวยนักถ้าหนูจะต้องหยุดเรียนกลางคัน แต่วันหนึ่งหนูจะได้กลับไปที่นั่น”
“พ่อ...พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมเสียงของพ่อฟังดูเครียดๆ”
“ไม่มีอะไร ทำตามที่พ่อขอร้องเถอะนะ อีกเดี๋ยวจะมีคนไปรับลูกที่อพาร์ทเมนท์ เขาจะรับลูกไปสนามบิน กลับมาถึงแล้วพ่อจะอธิบายให้ลูกฟัง”
แล้วเสียงปลายสายก็ตัดไปอย่างกะทันหันก่อนลลิลจะได้ยินเสียงเคาะประตูและเมื่อเปิดออกไปเธอก็พบว่ามีคนมาตามคำบอกของบิดาจริง ๆ เป็นชายสวมชุดสูทซึ่งเธอไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทีสุภาพ แม้ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นรวดเร็วหากหญิงสาวก็จำต้องทำตามคำขอของบิดาเหมือนตลอดหลายปีผ่านมาที่เธอไม่เคยขัดใจอิศราเลยสักครั้ง นั่นเป็นเพราะเธอมีเขาเพียงคนเดียว แม่ของลลิลเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอจำความไม่ได้
แต่อิศราก็ไม่เคยมีใคร เขาไม่ยอมแต่งงานใหม่และเลี้ยงดูเธอมาทั้งที่ต้องควบคุมกิจการบริษัทส่งออกสินค้าการเกษตรที่เขาเดินทางมาลงทุนในสหรัฐอเมริกาและกลายเป็นบริษัทแถวหน้าที่มีผลประกอบการสูงบริษัทหนึ่งของประเทศ
เธอเป็นเด็กดีของพ่อเสมอ ไม่เคยทำให้เขาต้องเป็นกังวลเพราะลลิลเตือนตัวเองว่าในชีวิตของเธอเหลืออิศราแค่เพียงคนเดียว แต่ในความคิดของหญิงสาวขณะประหวัดถึงบิดานั้นกลับนึกถึงใครอีกคนเมื่อเธอต้องเดินทางกลับมายังอเมริกา ใครคนหนึ่งซึ่งเธอคิดถึงเขาตลอดเวลาก่อนเดินทางไปเรียนต่อเนเธอแลนด์ สักครู่เธอจึงเงยหน้าขึ้นถามคนอยู่หลังพวงมาลัย
“ขอโทษนะคะ...คุณเป็นคนขับรถคนใหม่ของพ่อเหรอคะ?”
“ครับ”
“ตอนนี้พ่ออยู่ที่บ้านหรือเปล่าคะ”
“คุณอิศราอยู่ที่ไมแอมี่ครับ”
“ไมแอมี่...”
ลลิลไม่ทันได้ถามอะไรต่อคนขับก็หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในรั้วบ้านซึ่งลลิลต้องรีบชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างทันที เพราะที่นี่คือบ้านของเธอ คฤหาสน์หลังงามหลังรั้วสีขาวที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีในฤดูร้อน และทันทีที่เรนจ์ โรเวอร์สีดำจอดสนิท คนขับรถก็รีบลงไปเปิดประตูห้องผู้โดยสารด้านหลัง หญิงสาววัยสิบแปดเจ้าของความสวยสะพรั่งรูปร่างบอบบางในชุดกระโปรงลูกไม้เนื้อเบาก้าวลงจากรถและต้องประหลาดใจที่ด้านหน้าคฤหาสน์มีชายแปลกหน้ายืนอยู่สองสามคน ลลิลจำได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนของบิดา เธอหันกลับไปยังคนขับรถที่หิ้วกระเป๋าใบใหญ่ลงมาให้
“เอ้อ...”
“เชิญด้านในครับ เดี๋ยวผมจะเอากระเป๋าไปเก็บให้”
เขารีบยกกระเป๋าไปอีกทางด้วยความเร่งรีบ ลลิลเริ่มนึกหวั่นใจอะไรบางอย่างเมื่อเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นแต่เธอก็ต้องทำเหมือนตัวเองเข้มแข็งด้วยการเดินตรงเข้าไปยังประตูบานใหญ่ที่ชายแปลกหน้าทั้งสองเปิดให้และโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
ทุกอย่างในบ้านยังเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใช่...ก็ในเมื่อเธอพึ่งเดินทางไปเนเธอแลนด์ได้ไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำแต่สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมคือบรรยากาศอึมครึมซึ่งลลิลบอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด หญิงสาวหายใจขัดเล็กน้อยเมื่อก้าวเข้าไปในห้องโถงและพบว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก ใครคนนั้นที่เธอคิดถึงเขาตลอดเวลา บุรุษร่างสูงสง่าเจ้าของใบหน้าคมคร้ามใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลอมเทาเข้ม
“อาพีท”
เธอเรียกเขาเสียงแหบเบาและมันมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอได้พบหน้า
พัลเลเดียม ล็อก
เจ้าของ ล็อก ซายส์ แฟคซิทรอน อินดัสเทรียล ยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรและการผลิตอาหารของอเมริกา นักธุรกิจหนุ่มแถวหน้าวัยสามสิบแปด หล่อเหลากระชากใจ เสน่ห์ร้ายกาจที่สาว ๆ ทั่วทั้งอเมริกาพร้อมใจยอมสยบแทบเท้า นัยน์ตาคู่คมสีเทาหม่นที่จับจ้องรูปวาดบนผนังเลื่อนกลับมายังหญิงสาว ริมฝีปากทรงเสน่ห์เลิกขึ้นเล็กน้อย
“ลาริมาร์...”
นั่นเป็นชื่อที่พัลเลเดียมเรียกลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งมีหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกันจนติดปาก มีบางอย่างวาบไหวในดวงตาประกายน้ำตาลเทาหม่นก่อนที่มันจะหายไปดังเช่นทุกครั้งที่เขาได้พบหญิงสาวแสนสวยในวัยสิบแปด เธองดงามดั่งดอกไม้บานสะพรั่งและเปล่งประกายราวกับ ลาริมาร์ ศิลาแห่งรักจนทำให้เขาชอบเรียกเธอเช่นนั้นเสมอ ความรำลึกบางอย่างแม้ผุดพรายขึ้นในความทรงจำแต่แล้วราวกับมันถูกความรู้สึกอีกด้านในมุมมืดกระชากกลับสู่หุบเหวลึกที่มิอาจหยั่งถึง