ไม่ทันได้ฟังคำตอบโทรศัพท์ก็ถูกดึงกลับไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ลลิลหันขวับไปมองร่างสูงซึ่งในมือของเขากุมสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นไว้แน่น สัญญาณดูเหมือนถูกตัดขาดไปแล้วแต่หัวใจของหญิงสาวกลับยังห่วงหาอาวรณ์ผู้เป็นบิดา เธอมองอุปกรณ์สื่อสารในมือของพัลเลเดียมดวงตาแดงก่ำ
“คุณอา...”
“ตอนนี้เธอก็คงรู้แล้วสินะลาริมาร์ ว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุผลอะไรที่พ่อของเธอต้องไปอยู่ที่ไมแอมี่”
“คุณพ่อยังไม่ทันตอบเลยว่าลิลจะได้เจอท่านเมื่อไหร่”
“เมื่อฉันพอใจจะให้เธอได้เจอกับเขา เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
“คุณอา!”
ลลิลปรี่เข้าไปดึงแขนเสื้อของพัลเลเดียมขณะเขาหันหลังให้ ชายหนุ่มหมุนตัวกลับและต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่จ้องเขาด้วยประกายตาเจ็บปวด ร่างบอบบางเผลอกุมแขนทั้งสองของเขาไว้แน่นราวกับเธอต้องการยึดเหนี่ยวไม่ให้เขาไปไหน
“ตอนนี้พี่สาวของคุณอาอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอคะ เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
“เธอยังไม่รู้สึกตัว!”
เสียงนั้นกระด้าง ชายหนุ่มขบกรามแน่นและพยายามบังคับแขนทั้งสองข้างให้แนบข้างลำตัวไม่เช่นนั้นเขาอาจพลั้งเผลอกระชากตัวเธอเข้ามาและทำอะไรรุนแรงเกินกว่าที่ตัวเขาสามารถควบคุมได้ แววตาของเขาขุ่นคลั่ก ลลิลได้ยินเสียงเขาขบฟันดังกรอด
“แพตอยู่ในห้องไอซียู พ่อของเธอเล่าให้ฟังหมดแล้วนี่ไม่ใช่หรือว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาทำร้ายพี่สาวของฉัน ทำลายระบบการเงินในล็อค ซาย แฟลคซิทรอน และ...เขาทำลายความเชื่อมั่นของฉันที่มีให้หุ้นส่วนคนสำคัญที่ร่วมงานกันมาหลายปี!”
“ลิลขอโทษ”
“จะมาขอโทษอะไรฉัน!”
“ได้โปรด...”
ลลิลยื้อแขนของเขาไว้และในห้วงนาทีนั้นเมื่อเขาได้เห็นน้ำตาหยดแรกของหญิงสาวกลับทำให้ความรู้สึกในส่วนลึกไหวยวบ หากทว่ามันถูกกดทับด้วยโทสะที่อัดอั้นเกินรับไหว เขาโกรธจนแทบบ้าตั้งแต่ได้รู้ว่าอิสราทำอะไรกับเขาและพี่สาว ทุกความโกรธแค้นประดังอยู่ในหัวใจและเขาคิดว่าต้องการเอาคืนให้สาสม ลลิลหายใจขัดทว่าเธอก็พยายามเข้มแข็งจะพูด
“ได้โปรดเถอะนะคะคุณอา ลิลรู้ว่าถ้าเป็นใครก็ต้องรู้สึกแย่ แต่ลิลแค่อยากขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่พ่อของลิลทำไป”
พัลเลเดียมเลิกมุมปากขึ้นและจับไหล่เล็กทั้งสองไว้แน่น
“คำขอโทษไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก ลาริมาร์...การกระทำต่างหากที่จะเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าคนเรารักษาสัจจะของตัวเองมากแค่ไหน”
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว จริงใช่ไหมคะที่ว่า...ถ้าหากลิลแต่งงานกับคุณอาแล้วคุณพ่อจะไม่เป็นอะไร”
ริมฝีปากหยักหนาที่เลิกขึ้นค่อย ๆ คลายตัวราบเรียบลง ชายหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแสนงามคู่นั้นซึ่งบัดนี้รื้นด้วยหยาดน้ำที่พร้อมจะหยดลงบนแก้มของเธอได้ทุกเมื่อ พลเลเดียมเก็บกดความรู้สึกบางอย่างไว้ในที่ลึกที่สุด
ความรู้สึกที่เขาเคยมีต่อลูกสาวของหุ้นส่วนคนสำคัญและมีความสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน เขาเห็นลลิลตั้งแต่เธอวัยเยาว์กระทั่งเธอเติบโตเป็นสาวและสวยสะพรั่งมากขึ้นในทุกนาทีทั้งตลอดระยะเวลาหลายปีเขาก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับผู้หญิงคนไหนเลยแม้จะมีสาวสวยมากหน้าหลายตาเสนอตัวให้เลือกจนพี่สาวของเขาก็ยังแปลกใจและคิดด้วยซ้ำไปว่าว่าน้องชายตัวเองเป็นประเภทชอบไม่ป่าเดียวกันหรือไม่
พัลเลเดียมไม่เคยเปิดเผยความนัยบางอย่างให้ใครได้รู้ว่าใต้จิตสำนึกของเขามีภาพของเด็กสาวคนหนึ่ง เธองดงามดังดอกไม้บานยามเช้า ใบหน้าหมดจดและท่าทีอ่อนหวานจับจิตนั้นตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาทุกลมหายใจ เขาปรารถนาเก็บผลึกความฝันนั้นไว้หากอิสราไม่ทำลายทุกอย่างย่อยยับจนเหลือเพียงซากปรักในโลกที่บัดนี้แห้งเหือดและร้อนราวเพลิงผลาญ ชายหนุ่มขจัดความรู้สึกที่เริ่มคุกคามเขาอีกครั้ง แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมในฉับพลันก่อนรอยยิ้มหยันจะผุดขึ้นบนมุมปาก
“พ่อของเธอเป็นผู้ชายมักมาก หลอกพี่สาวฉันไม่พอยังใช้แพตเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองได้อย่างไม่รู้จักผิดบาป และฉันถือว่านั่นเป็นการไม่ให้เกียรติครอบครัวของฉันอย่างร้ายแรงเพราะฉันไม่เคยมีพฤติกรรมเลวทรามอย่างพ่อของเธอ ลาริมาร์...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าหากมีคนทำอย่างนั้นกับลูกสาวของเขาบ้าง เขาจะรู้สึกยังไง!”
แววตาสีน้ำตาลอมเทาข้นคลั่ก มันแหลมคมราวปลายมีดทิ่มแทงลงไปถึงใต้บึ้งของลลิล ร่างบางสั่นเล็กน้อยหากชายหนุ่มก็รู้สึกได้จากมือของเขาที่สัมผัสตัวเธอ เขาแค่ยิ้มเยาะ
“ใช่...เราจะแต่งงานกัน แต่จะไม่มีงานแต่งงาน นอกเสียจาก...”
เขาเว้นคำพูดไว้ก่อนกระชากไหล่หญิงสาวให้เดินตามไปและกดบ่าร่างเล็กให้นั่งลงบนเก้าอี้ ลลิลมองตามร่างสูงใหญ่ที่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม ใบหน้าของเขาดุดัน ผิดแผกไปจาก พัลเลเดียม ผู้ชายในความทรงจำที่เธอเคยรู้จักเขามาตลอดระยะเวลาหลายปี เธอเคยเห็นเขาเป็นสุภาพบุรุษผู้หล่อเหลา ใบหน้าคมคายของเขาฝังอยู่ใต้จิตสำนึกของเด็กสาวที่ชอบเรียกเขาว่า คุณอา และสั่นเล็กน้อยทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้า เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองคุ้นเคยกับเขาได้อย่างสนิทใจเพราะมีเส้นกั้นบาง ๆ ที่ไม่อาจทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ว่า เขาอยู่ในฐานะของบุคคลที่เธอเรียกว่า คุณอา ได้จริงๆ สักครู่ร่างสูงสง่าจึงหยิบกระดาษปึกหนึ่งและปากกาส่งให้หญิงสาว
“เซ็นมันเดี๋ยวนี้...โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องอ่านมัน!”
เขาบัญชาเสียงแข็งขณะลลิลหยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมาและยังไม่ทันได้ก้มลงดูด้วยซ้ำ
“สัญญาหรือคะ”
“ทั้งสัญญาและใบทะเบียนสมรส...มันมีแค่ที่เธอเห็นและมีสิทธิ์รับรู้จากฉันเท่านั้นว่าเธอทำอะไรได้บ้าง”
เสียงเขาเบาลงแต่ยังหน่วงมากในความรู้สึกของลลิล ร่างสูงใหญ่นั่งแยกขาห่างกันและโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย มือหนาทั้งสองประสานกันและจ้องหน้าหญิงสาวแน่วนิ่ง เขาทำราวกับว่ากำลังเค้นสอบปากคำจากจำเลยที่ไม่มีทางทำอะไรได้แม้แต่จะตั้งคำถาม ลลิลเม้มปากแน่น แม้แต่หายใจลึกก็ยังขัดอยู่ที่คอหอย ร่างเล็กบอบบางค่อย ๆ โน้มตัวหยิบปากกาบนโต๊ะ
“ลิลจะทำอะไรได้บ้างคะ”
“เป็นเมียฉันตามสิทธิ์ในใบทะเบียนสมรส แค่สิทธิ์ที่จะเป็นเมีย แต่ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของหุ้นส่วนที่พ่อของเธอมีอยู่ในล็อค ซาย แฟลคซิทรอน เธอจะไม่ได้กลับไปเรียนต่อที่เนเธอแลนด์ตราบใดที่แพตยังอยู่ในอาการโคม่าร์และยังไม่ได้ออกจากห้องฉุกเฉินหรือจนกว่าเธอจะหายดี หรือหากว่าแพตเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในช่วงระหว่างนี้ ฉันก็จะไม่รับประกันความปลอดภัยของพ่อเธอ และที่สำคัญ...ฉันมีสิทธิ์ที่จะมีผู้หญิงคนอื่นได้โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์คัดค้านโดยเด็ดขาด!”