EP. 4 ตายคาอก
แล้วนับจากนี้หล่อนจะทำฉันใด จะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางดงผู้ลากมากดีที่สวมใส่หน้ากากเข้าหากันได้อย่างไร หล่อนอึดอัดเหลือเกิน เพียงขวัญสาวเท้ายาวก้าวเข้าไปด้านหลังศาลาตั้งศพ รู้สึกหนักศีรษะและวิงเวียนจนมองเห็นพื้นที่เหยียบย่างโคลงเคลง น้ำตาที่เอ่อล้นขอบตายิ่งทำให้หญิงสาวมองเห็นทางเดินไม่ถนัดนัก
“ว้าย!”
หญิงสาวชนเข้ากับชายรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง หล่อนเซจนเกือบจะล้มลง รู้สึกหน้ามืดจนต้องหลับตาไว้แน่น ชายหนุ่มปราดเข้าประคองร่างบางของหญิงสาวเอาไว้ได้ทัน
“คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
หญิงสาวส่ายหน้ารู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นลม มือข้างหนึ่งจับแขนชายหนุ่มเอาไว้แน่นเพื่อพยุงตนเองไม่ให้ล้มลงไปเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนมั่นใจว่าจะสามารถทรงตัวอยู่ได้จึงปล่อยมือออกจากชายหนุ่มผู้มีน้ำใจ
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
จังหวะนั้นชายรูปร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามา เพียงขวัญรู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่างในตัวเขา หล่อนควรจะก้าวหนีถอยให้ห่างเขาไว้ แต่หล่อนกลับก้าวไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น
“เอ่อ...คุณผู้หญิงท่านนี้จะเป็นลมครับ ผมจึงช่วยประคองเธอเอาไว้ ว่าแต่ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นบ้างหรือยัง หน้าคุณซีดมาก น่าจะไปหาที่นั่งพักสักครู่นะครับ” ชายที่เพียงขวัญเดินชนหันไปตอบคำถามแก่ธรณ์เทพ แล้วจึงหันมาถามไถ่หล่อนด้วยความห่วงใย
“คุณมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะครับ เธอเป็นแม่เลี้ยงของผม เดี๋ยวผมจะดูแลเธอเอง” ธรณ์เทพสาวเท้าเข้ามาใกล้ อาศัยจังหวะที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวโอบเอวบางของแม่เลี้ยงสาวเอาไว้อย่างถือสิทธิ์
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”
เพียงขวัญรู้สึกเหมือนจะเป็นลมมากกว่าเดิม เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวจากมือหนาที่โอบเอวบางของหล่อนอย่างวางอำนาจ หล่อนรีบเบี่ยงตัวออก ทว่าเขากลับกระชับแน่นแล้วฉุดกระชากหญิงสาวเข้าไปในมุมมืด ร่างบางตกใจแทบสิ้นสติ อ้าปากหมายจะร้องเรียกให้คนช่วยทว่าเขากลับยกมือหนาขึ้นปิดปากหล่อนเอาไว้ เจ้าของร่างทะมึนจ้องหญิงสาวราวกับจะแล่เนื้อเถือหนัง
“แหกปากร้องสิ ถ้าอยากให้คนเขานินทาว่าผัวตายยังไม่ทันข้ามคืน เธอก็ให้ท่าลูกเลี้ยงตัวเองเสียแล้ว” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเพียงขวัญหายใจติดขัด หล่อนเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง
“ฉันไม่เคยมีความคิดอย่างนั้นอยู่ในสมอง”
หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง เหตุใด...ทุกคนถึงมองว่าหล่อนร่าน ไม่มียางอาย ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ธเนศวรต้องตาย ทำไม! ทำไมทุกคนถึงพิพากษาหล่อน โดยไม่คิดจะไต่ถามความจริงจากหล่อนแม้แต่คำเดียว
“แน่นอนเธอไม่มีความคิดอยากจับนายหัวจนๆ แต่ถ้าเป็นลูกเจ้าของธนาคารหน้าละอ่อนนั่น เธอคงไม่ขัดข้องสินะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ”
“จุ๊ๆ อย่าปฏิเสธเลย” ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วปิดที่เรียวปากของหญิงสาว ดวงตาเหี้ยมในมุมมืดส่งผลให้เขาดูน่ากลัวราวกับซาตานร้ายที่เพิ่งขึ้นมาจากขุมนรก
“ของมันเห็นๆ กันอยู่ พ่อฉันเพิ่งตายแต่เธอกลับให้ท่าออดอ้อนแสร้งเป็นลมต่อหน้าลูกเจ้าของธนาคาร ตาแหลมเหมือนกันนี่ แต่ก็นั่นล่ะอยู่กับคนแก่ๆ คงจะเบื่อ ถึงได้คิดอยากอ่อยหนุ่มๆ ที่แรงดีถึงใจ”
เผียะ!
เพียงขวัญสะบัดฝ่ามือลงบนแก้มสากเต็มแรง ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำด้วยความกรุ่นโกรธ หายใจแรงจนร่างบางโงนเงน แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินถ้อยคำน่ารังเกียจเหล่านั้น หล่อนพยายามเก็บกดอาการเหล่านั้นแล้วฝืนยืนเชิดหน้าขึ้นสูง ไม่ต้องการให้ใครมาหาว่าหล่อนสำออยหรือให้ท่า
“มือหนัก! เจ็บดีนี่ เธอกล้ามากนะเพียงขวัญ ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันแบบนี้” เขาบีบไหล่ทั้งสองข้างแรงจนปวดแปลบ หญิงสาวนิ่วหน้า กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด
“คุณไม่มีสิทธิ์มาหมิ่นประมาทฉันแบบนี้นะคะคุณธรณ์เทพ คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินว่าฉันเป็นคนแบบไหนตามความคิดของคุณ” หญิงสาวเถียงออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ พยายามสะบัดตัวออกจากการจับกุม ทว่าชายหนุ่มกลับยิ่งบีบแรงแน่นด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
“ทำไมฉันถึงจะไม่มีสิทธิ์ตัดสินฆาตกรที่ฆ่าคุณพ่อ”
คำว่า ‘ฆาตกร’ ทำให้เพียงขวัญเย็บวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มันช่างเป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรงเหลือเกิน นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้มีโอกาสเจอกับลูกเลี้ยง ทว่ามันกลับเป็นครั้งแรกที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย เมื่อเขาตราหน้าว่าหล่อนคือคนที่ทำให้บิดาของเขาเสียชีวิต
“มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ คุณไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาฉันโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้”
“หลักฐานน่ะมีแน่ ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็น เดี๋ยวนี้!”
เสียงเหี้ยมทุ้มต่ำพูดขึ้นด้วยความมั่นใจจนเพียงขวัญขมวดคิ้วมุ่น ทว่าเมื่อหล่อนเห็นดวงตาวิบวับมากเล่ห์ หญิงสาวก็ยกมือขึ้นดันแผงอกหนา แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว มือหนาแข็งแรงรวบมือทั้งสองข้างของหญิงสาวขึ้นเหนือศีรษะ ดันร่างบางแนบติดกับกำแพงเปียกชื้น กักขังหล่อนไว้ด้วยร่างกายแข็งแกร่งแล้วเลื่อนมือหนาไปถลกชุดกระโปรงสีดำขึ้นสูง หัวใจของเพียงขวัญหล่นวูบเมื่อเขากอบกุมสะโพกผายเอาไว้เต็มมือ
“คุณธรณ์เทพปล่อยฉันนะ คุณจะทำอะไร”
“หาหลักฐาน”
เขาไม่พูดเปล่าแต่ปิดเรียวปากหนาลงบนริมฝีปากอิ่มสีกลีบกุหลาบอย่างดุดันรุกเร้า คนไม่ประสากับรสจูบถึงกับหูอื้อ ร่างกายเบาหวิวรู้สึกเหมือนปลายเท้าเหยียบไม่ติดพื้น เมื่อเขาแทรกลิ้นร้อนๆ เข้ามาควานหาความหวาน สติที่มีอยู่น้อยนิดก็เตลิดจนกู่ไม่กลับ ร่างบางสั่นสะท้านเมื่อเขาบดเบียดแผงอกหนาลงบนอกอิ่มนิ่มหยุ่น เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีมือหนาก็ปลดตะขอบราเซียร์ออกแล้วกอบกุมทรวงอกล้นมือเอาไว้