ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน
หลังจากฉิงหนิงอวี่เจรจาขอซื้อที่ดินจากเจิงเฮ่าโหวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางก็จัดการส่งคนออกไปสำรวจและเขียนจดหมายกลับมารายงานว่าที่ดินอยู่ในสภาพดีหรือมีผู้บุกรุกหรือไม่ รวมทั้งขอนัดเจอกับเจิงเฮ่าโหวเป็นระยะ
“ที่ดินของข้าทุกผืนล้วนได้รับการดูแลอย่างดีแน่นอน” เจิงเฮ่าโหวรู้เรื่องที่ฉิงหนิงอวี่ส่งคนไปตรวจดูที่ดินแล้วพบว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี เจ้าตัวจึงยืดอกกล่าวชมตัวเองเสียยกใหญ่
เนื่องด้วยการเจรจาทางการค้าระหว่างพวกเขาจำต้องปิดเป็นความลับ สตรีชนชั้นสูงที่อยู่แต่ในห้องหับอย่างฉิงหนิงอวี่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ทำการค้าหรือพูดคุยกับบุรุษอื่นโดยพลมการ
ตัวอย่างเช่น...เสือผู้หญิงอย่างเจิงเฮ่าโหว เป็นต้น
ฉิงหนิงอวี่ได้ยินกิตติมศักดิ์ความเจ้าชู้เสเพลของบุรุษผู้นี้มาอย่างหนาหู แต่ไฉนกลับไม่เคยเห็นเขาทำตัวรุ่มร่ามกับตนเลยสักครั้ง
ภัตตาคารที่นัดพบก็เป็นภัตตาคารชั้นหนึ่งหรูหราราคาแพง กำแพงไม่ได้หนา หน้าต่างไม่ได้ปิด แม้จะมิดชิดดูส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้หลบซ่อนจากสายตาผู้คน
ดูแล้วมิใช่เสือผู้หญิง แต่เป็นสุภาพบุรุษเสียมากกว่ากระมัง
“คุณหนูรอง อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทเลยนะ แต่ท่าน...อยากได้ที่ดินตรงนั้นไปทำอะไรกันแน่”
หากตอบตามตรง ฉิงหนิงอวี่คงจะบอก ข้าไม่อยากให้ตระกูลเซี่ยลืมตาอ้าปากได้อย่างไรเล่า! แม้ข้าแต่งเข้าเป็นภรรยาที่ว่านอนสอนง่าย แต่ใช่ว่าตนจะโง่เขลาไม่รู้เรื่องความเป็นไปของกิจการครอบครัวสามี ทุกสิ่งที่จะทำให้ตระกูลเซี่ยกลับมารุ่งโรจน์ ข้าจะแย่งชิงมาให้หมด
“ข้ากำลังหาทางล่มงานแต่ง”
เจิงเฮ่าโหวแทบสำลักน้ำชา “คุณหนูรองล้อข้าเล่นหรือเปล่า สตรีทั่วเมืองหลวงต่างหมายอยากแต่งกับคุณชายเซี่ยกันทั้งนั้นมิใช่หรือ”
“เพราะรูปโฉมของเขาโดดเด่นเกินใครหรือเพราะตระกูลของเขาได้เกี่ยวดองกับฮ่องเต้อย่างงั้นหรือ”
เจิงเฮ่าโหวพยักหน้าอย่างใสซื่อ
“สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ” ฉิงหนิงอวี่เอ่ยเสียงเรียบ สายตาตวัดมองเจิงเฮ่าโหวอย่างน่ากลัว “ท่านโหวเองก็ช่วยรักภรรยาของตนให้เท่าเทียมกันด้วยเล่า คิดจะมีภรรยาหลายคนก็อย่าเอนเอียงให้ความสำคัญฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากกว่า”
เจิงเฮ่าโหวกะพริบตาถี่ เอ่ยอย่างโง่งมว่า “คุณหนูรองคงไม่ได้คิดอยากมีผัวเดียวเมียเดียวกระมัง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับบุรุษที่กระหายอยากในอำนาจ”
การแต่งงานหรือรับสตรีอื่นเป็นอนุ ไม่เพียงเพื่อความสำราญของฝ่ายชายเท่านั้น มันยังรวมไปถึงการเกี่ยวดองกับตระกูลที่มีอำนาจเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับตระกูลของตนด้วย
“ถ้าเช่นนั้น...ข้าก็ขอครองตัวเป็นโสดดีกว่า” ข้ามีที่ดินทำกินแล้ว แม้ถูกไล่ออกจากตระกูลฉิงก็ไม่กลัวอดตาย
เจิงเฮ่าโหวจ้องมองฉิงหนิงอวี่เงียบๆ ก่อนจะผงกศีรษะเข้าใจในความต้องการของนาง
เจิงเฮ่าโหวมีนิสัยเจ้าเล่ห์ชื่นชอบเงินทองลาภยศ ทว่าก็มีคุณธรรมมากพอที่จะไม่นำสิ่งที่พูดคุยกันในวันนี้ไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง เว้นแต่ว่าคนผู้นั้นจะบังเอิญมาได้ยินเอง
หลังจากฉิงหนิงอวี่จากไปแล้ว ประตูห้องที่อยู่ติดกันพลันถูกเลื่อนออก พร้อมชายหนุ่มท่าทางสุขุมก้าวเข้ามานั่งแทนที่ของหญิงสาว
“ท่านได้ยินแล้วใช่หรือไม่ จุดประสงค์หลักของนางคือต้องการหนีไปใช้ชีวิตคนเดียว ไม่อยากแต่งงานมีสามี”
บุรุษชำเลืองมองเจิงเฮ่าโหวแวบหนึ่งก่อนจะยกถ้วยชาที่ฉิงหนิงอวี่ดื่มเหลือไว้ขึ้นมาจิบ
เจิงเฮ่าโหวตาโต อ้าปากจะร้องห้าม แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่บ่งบอกว่าชื่นชอบชาถ้วยนี้หนักหนาแล้ว เขาก็ไม่กล้าเอ่ยคำห้ามใดๆ
“นางไม่อยากแต่งกับเซี่ยเย้าเต๋อ ไม่ได้ความหมายว่าไม่อยากมีสามีเสียหน่อย”
“ความหมายมิเห็นต่างกันตรงไหน ถึงอย่างไรนางก็วางแผนจะไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่ชนบทอยู่แล้ว”
ฉิงหนิงอวี่คงจะรู้ว่าหากนางปฏิเสธไม่ยอมรับการแต่งงาน ตระกูลของนางจะต้องไม่พอใจและขับไล่นางออกจากบ้านอย่างแน่นอน อาจจะใช้ข้ออ้างเรื่องบุญคุณบีบคั้นให้นางยอมแต่งจนได้
การออกไปใช้ชีวิตในโลกที่กว้างใหญ่ สำหรับบุรุษยังยากเย็น แล้วสำหรับสตรีจะไม่ยากกว่าเป็นสองเท่าหรือ ฉิงหนิงอวี่เติบโตขึ้นในฐานะคุณหนูรอง นางจะทนรับความลำบากได้อย่างไร
ทว่าฉิงหนิงอวี่กลับไม่เกรงกลัวในเรื่องนั้น นางทำตรงกันข้าม หาทางหนีทีรอดเอาไว้ให้ตัวเองเสร็จสรรพ
มุมปากบุรุษกระตุก แววตาเป็นประกายสนใจขึ้นมา เหตุใดฉิงหนิงอวี่จะต้องหาทางล่มงานแต่งตัวเองด้วย นางไปรู้เห็นอะไรที่ไม่ดีของตระกูลเซี่ยมาหรืออย่างไร
“ว่าแต่ที่ท่านปลอมตัวเข้าไปสืบเรื่องของตระกูลเซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง” เจิงเฮ่าโหวกล่าวถามพลางยกกาน้ำชาขึ้นรินใส่ถ้วยให้
“พบของน่าสนใจหลายอย่าง แต่ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าตระกูลเซี่ยอยู่เบื้องหลังการตายของเสด็จแม่ข้า”
“แล้วท่านคิดว่าจะปลอมตัวเป็นทาสไปอีกนานแค่ไหน ไหนๆ ก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว ไม่สู้ขอเข้าพบฝ่าบาทและทูลเล่าความจริงจะไม่ง่ายกว่าหรือ”
“อย่าโง่นะ ข้ายังจับตัวการไม่ได้ ไฉนต้องแหวกหญ้าให้งูตื่นอีก”
เจิงเฮ่าโหวลอบมองบุรุษที่ปั้นหน้านิ่งอย่างระวัง จากนั้นตัดสินใจเอ่ย “หมินเสี่ยวเทียน ท่านคงไม่หลงลืมชื่อจริงของตัวเองหรอกกระมัง”
“จะลืมได้อย่างไรเล่า” มือยกถ้วยชาขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วเขวี้ยงไปกระทบผนังห้องจนแตกกระจาย “เพราะชื่อนี้ทำให้ข้าต้องดิ้นรนสู้ชีวิตเพียงลำพัง! กระเสือกกระสนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว”
เพราะชื่อที่ฮ่องเต้พระราชทาน รวมทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้รับ การถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ทั้งหมดคือตัวการที่ทำให้หมินเสี่ยวเทียนต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ต้องสูญเสียมารดา... เป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก