“เรื่องของคุณหนูรองฉิง ข้าค่อนข้างมั่นใจว่านางมีใจให้เซี่ยเย้าเต๋อ ทว่าบางอย่างทำให้นางกลัวและเลือกปฏิเสธเขา”
จู่ๆ หมินเสี่ยวเทียนกลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอาเสียดื้อๆ ทำเจิงเฮ่าโหวปรับอารมณ์ไม่ถูกไปชั่วขณะ
“แล้วท่านไปรู้...”
“ข้าเห็นนางมีปากเสียงกับเซี่ยเย้าเต๋อ จากนั้นหนีไปยืนทำหน้าเศร้าที่สะพานหินจึงเข้าไปคุยด้วย”
จะเรียกว่าคุยหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะหลังจากคุยไม่กี่ประโยค ฉิงหนิงอวี่ก็ทำท่าตื่นกลัวและวิ่งหนีเขาไปอีกครั้ง
หัวคิ้วเข้มขมวดแน่นอย่างหงุดหงิด หมินเสี่ยวเทียนไม่ชอบเห็นท่าทีตื่นตระหนกของนาง ไม่อยากให้นางวิ่งหนีตนเอง
เจิงเฮ่าโหวลอบมองสหายที่ทำหน้าดุราวพยัคฆ์ก็ได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ไหนใครว่าสตรีจิตใจซับซ้อนยิ่งกว่ามหาสมุทรมิใช่หรือ แล้วพฤติกรรมแปลกประหลาดของหมินเสี่ยวเทียนเรียกว่าอะไรอีกเล่า
ตกอยู่ในห้วงเสน่ห์หางั้นหรือไม่ ชายเย็นชาด้านความรู้สึกเช่นเขากำลังตกหลุมรักเช่นนั้นหรือ
“เอ่อ ข้าเข้าใจว่าตอนนี้ท่านอาจจะกำลังกังวล” เวลาบุรุษมัวเมาในความรัก มักจะคุมสติตัวเองไม่อยู่ เจิงเฮ่าโหวนั่นกลัวเหลือเกินว่าสหายจะพลั้งทำในสิ่งที่ไม่ควร
อาทิ เปิดเผยตัวตนของตัวเอง “ท่านห้ามบอกคุณหนูรองเด็ดขาดว่าตัวตนของท่านเป็นใคร เพราะอย่างไรนางก็ต้องแต่งเข้าสกุลเซี่ย”
หมินเสี่ยวเทียนยกยิ้มเย็นเยือก “แน่นอน”
ข้าไม่บอกนางแน่ เว้นนางจะไม่ต้องแต่งเข้าสกุลเซี่ยแล้ว
“นี่! เจ้าจะพาข้าไปไหน”
หมินเสี่ยวเทียนไม่ได้สนใจเสียงร้องตะโกนโวยวายของหญิงสาวที่ตนลักพามา กระทั่งควบม้าออกมาไกลจนมองเห็นทิวทัศน์รอบด้านเป็นป่าเขาแล้วจึงชะลอความเร็วลง
“หลี่เฉียง! เจ้าคนไร้มารยาท กล้าดีอย่างไร”
“เรียกข้าว่าอะไรนะ”
เสียงทุ้มต่ำทำฉิงหนิงอวี่นิ่งชะงัก นางรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนกับทาสหนุ่มที่ครั้งหนึ่งในอดีตยอมคุกเข่ารับใช้นางแม้แต่น้อย ทั้งใบหน้าและท่วงท่าที่เย็นชานี้... น่ากลัว
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร แต่เจ้าไม่ควรพาตัวข้ามาโดยพลการ”
“ตอนแรกก็ว่าจะพาไปส่งที่จวน แต่เห็นแล้ว...เปลี่ยนใจอยากพามารับลมก่อน”
ฉิงหนิงอวี่นิ่งอึ้ง จ้องบุรุษตาโต
ทาสที่ไหนพูดจาอวดดีเช่นนี้บ้าง!
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินแทนข้า”
“ไม่มีใครตัดสินแทนใครได้อยู่แล้ว” หมินเสี่ยวเทียนก้มมองฉิงหนิงอวี่ที่เอียงคองุนงงในคำพูดที่เขาต้องการจะสื่อ “หากคุณหนูบอกว่าไม่ ใครก็มาบังคับคุณหนูไม่ได้”
คราวนี้ฉิงหนิงอวี่เข้าใจแล้วว่าเขาต้องการจะบอกอะไร
“ลูกสาวไม่เหมือนลูกชาย คำพูดข้าจะไปมีน้ำหนักได้อย่างไร เรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องใหญ่เกินตัวข้า ชีวิตของข้า...มิเคยเป็นของข้าตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”
ฉิงหนิงอวี่กัดริมฝีปากเพื่อปกปิดเสียงสะอื้นไว้ นางรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ ทั้งยังไม่รู้จะระบายให้ใครฟังได้ พอถูกหมินเสี่ยวเทียนพูดจี้จุดขึ้นมา ความเสียใจก็พลันหลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่แล้วขณะที่ฉิงหนิงอวี่ไม่ทันระวังตัวอยู่นั่น ริมฝีปากของใครบางคนกลับพุ่งเข้ามาจูบที่ริมฝีปากปากของนาง
ที่บอกว่าพุ่งคือพุ่งจริงๆ ฉิงหนิงอวี่ตกใจจนแทบจะหงายหลังตกจากหลังม้า โชคดีที่ถูกมือใหญ่กอดรัดเอวไว้ได้ทัน
แต่จะว่าโชคดีก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะตอนนี้บุรุษหน้าตายกำลังจูบนางอยู่!
ฉิงหนิงอวี่ถูกจับท้ายทอยไว้ไม่ให้ถอยหนีรสจูบที่รุนแรง นางพยายามจะดันตัวหมินเสี่ยวเทียนให้ออกไป ทว่าเมื่อมือเล็กทั้งสองสัมผัสถูกอกกำยำนั้นเรี่ยวแรงของนางก็คล้ายจะหายไปเสียดื้อๆ
ฉิงหนิงอวี่กำลังนึกถึงช่วงเวลาในค่ำคืนสุดร้อนแรง
สัมผัสร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งนักรบ นางมิเคยได้ลูบไล้แผงอกกว้างและหน้าท้องกำยำเช่นนี้มาก่อน ร่างกายของหมินเสี่ยวเทียนเต็มไปด้วยไอร้อนที่แทบจะหลอมละลายนางให้รวมไปหนึ่งเดียวกับเขาก็มิปาน
เห็นสตรีกำลังเคลิบเคลิ้มหลงใหล หมินเสี่ยวเทียนก็ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ เขาบดขยี้ริมฝีปากสีกุหลาบรุนแรงขึ้น ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปไล่เลียและพันเกี่ยวกับลิ้นเล็กของอีกฝ่ายอย่างเร้าร้อน
“อือออ” ฉิงหนิงอวี่ส่งเสียงครางในลำคอ
หมินเสี่ยวเทียนยังคงจูบนางไม่หยุด ราวกับเขาชอบที่จะจูบนางเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวโดยรอบ
นุ่มนิ่มและหอมหวาน ทำให้ลืมเลือนช่วงเวลาทุกข์โศกและลุ่มหลงแค่เพียงนาง
“อื้อออ” ฉิงหนิงอวี่ถูกจูบจนมึนงง ร่างกายอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขน จำยอมให้หมินเสี่ยวเทียนกระทำตามใจชอบอยู่นานครู่ใหญ่
“ข้าช่วยให้คุณหนูไม่ต้องแต่งกับเซี่ยเย้าเต๋อได้”
ฉิงหนิงอวี่หายใจหอบ ใบหน้าแดงเรื่อ นัยน์ตาหวานปรือมองอย่างไม่เข้าใจ
“ยอมตกลงเป็นของข้า”
สติฉิงหนิงอวี่กลับมาทันที นางนิ่งอึ้งส่ายหน้ารัวเร็ว “ยะ...อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ นะ”
“ข้าทำตามเงื่อนไขของคุณหนูได้ แต่งภรรยาเพียงคนเดียว ไม่รับอนุ ไม่ยุ่งเกี่ยวหญิงนางโลม สาบานจะเป็นสามีที่รักและซื่อสัตย์กับคุณหนูเพียงผู้เดียว”
สายตาแน่วนิ่งและน้ำเสียงจริงจังราวคำปฏิญาณขอแต่งงานอย่างไรอย่างนั้น ฉิงหนิงอวี่ไม่อาจทนต่อสายตาร้อนแรงได้จึงก้มหน้าลงด้วยความสับสน แต่แล้วกลับถูกช้อนคางเรียวขึ้นแทบจะในทันที
หมินเสี่ยวเทียนจ้องนัยน์ตาสั่นระริก เอ่ยอย่างเว้าวอนว่า “ข้าจะไม่มีวันทำให้ภรรยาของข้าต้องเสียใจที่เลือกข้าเป็นสามี”