14 ถงหลานเฟยระวังคำพูดหน่อย / 2

1382 คำ
หลังจากพูดคุยกับหนิงเซียงอยู่สักพัก เจินฮุ่ยหมิงก็ได้กลับมาตั้งใจอ่านตำราอีกครั้ง เพราะหนิงเซียงขอตัวไปดูผ้าที่เพิ่งซื้อมาเมื่อเช้า เรื่องที่หนิงเซียงบอกว่าเจอถงหลานเฟยแถวสำนักเงินกู้ รบกวนสมาธิของเขาพอควร แม้จะยังไม่รู้ว่างได้ไปที่นั่นจริงหรือไม่ แต่ในใจก็พยายามทบทวนว่าที่ผ่านมา ตนเองนั้นดูแลนางขาดตกบกพร่องไปตรงไหนหรือเปล่า และหากว่าสุดท้ายแล้วนางไปที่นั่นเพื่อกู้เงิน คงต้องเปิดอกคุยกันให้รู้เรื่อง ว่าเดือดร้อนอะไรถึงต้องทำอย่างนั้น “ท่านแม่ทัพ...” “โม่ตี้...เชิญนั่งเถิด” นายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องหนังสืออย่างคุ้นเคย หลังจากที่หนิงเซียงเดินออกไปแล้วนั้น บ่าวในบ้านได้เข้ามารายงานเรื่องนี้กับเจินฮุ่ยหมิงแล้ว ว่าโม่ตี้แจ้งว่าจะเข้ามาหา และเขาก็ได้สั่งเอาไว้ว่าหากโม่ตี้มาถึงแล้วให้พาเขามาที่ห้องหนังสือได้เลย “ไม่มีใครที่นี่หรอกข้าอยู่คนเดียว” เมื่อเห็นท่าทีมองซ้ายมองขวาของบุรุษผู้มาเยือนแม่ทัพเจินจึงได้บอกกับเขาเช่นนั้นเพราะรู้ว่า โม่ตี้ผู้นี้มีเรื่องสำคัญมารายงาน “ตามที่ท่านได้สั่งการให้ข้าไปสืบเรื่องการตกบ่อน้ำของคุณหนูถง ข้าพอจะได้เบาะแสจากบ่าวในจวนที่ไปตักน้ำในวันนั้นมาบ้าง” หลังจากกลับจากชายแดน วันที่ไปหาถงหลานเฟยแล้วนางบอกเรื่องนี้กับเขา เจินฮุ่ยหมิงก็มิได้นิ่งนอนใจ เขาสั่งการให้ทหารคนสนิทที่มีความสามารถในการสืบ ให้ไปตามหาเบาะแสการตกน้ำของถงหลานเฟย ว่าตรงตามที่นางกล่าวอ้างหรือไม่ ว่ามีคนเห็นหนิงเซียงแถวนั้น เพราะวันเดินทางหนิงเซียงหายตัวไประยะหนึ่งจริงๆ พอกลับเข้าขบวนมาก็รบเร้าแต่จะให้ออกเดินทาง ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไร เพราะยังไม่รู้เรื่องที่คู่หมั้นตกบ่อ แต่หลังเคลื่อนขบวนออกจากกำแพงเมืองไปได้เพียงไม่นาน ม้าเร็วก็ตามไปแจ้งข่าวว่ามีคนเห็นถงหลานเฟยจมหายลงไปในบ่อน้ำ เขายอมรับว่าการตัดสินใจเดินทางต่อไม่วนกลับมาดูถงหลานเฟยในวันนั้น ยังคงตามกวนใจให้เขารู้สึกผิดจนถึงวันนี้ ยิ่งรู้มาว่าหนิงเซียงอาจจะเป็นคนลงมือกระทำเรื่องนี้ ก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ดูแลถงหลานเฟยได้ไม่ดีพอ “มีบ่าวสองคนเห็นแม่นางหนิงเซียงอยู่แถวนั้นจริง แต่ไม่ได้เห็นว่าเป็นคนผลักคุณหนูถงลงบ่อไปหรือไม่” เจินฮุ่ยหมิงถอนหายใจระบายความหนักใจ เขาก็อยากจะจัดการอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับถงหลานเฟย แต่เพราะไม่มีหลักฐานหรือพยานที่แน่ชัด แม้ว่าใจตอนนี้จะเอนเอียงเชื่อแล้วว่าหนิงเซียงทำจริงๆ ก็ตาม “นอกจากบ่าวสองคนนั้น ไม่มีใครอีกแล้วหรือ” “ข้าหามาได้เท่านี้จริงๆ แต่การที่นางเห็นคุณหนูถงตกน้ำ แล้วไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ข้าว่ามันก็...” “ข้าอยากได้หลักฐานหรือพยานที่เชื่อถือได้ มิใช่การสันนิษฐาน” ไม่ทันที่นายทหารโม่ตี้จะได้พูดจนจบ เจินฮุ่ยหมิงก็แทรกขึ้นเสียก่อน คนพูดจึงต้องชะงักไป เพราะทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าเจินฮุ่ยหมิงหลงสตรีผู้นี้แค่ไหน ทั้งที่รูปก็ไม่งาม กิริยามารยาทก็แย่ หลายคนต่างก็ตั้งคำถามว่าเป็นเพราะมนต์ดำจากชายแดนที่เลื่องชื่อหรือไม่ หรือเป็นเพราะบุญคุณที่นางเคยช่วยเอาไว้ เมื่อตอนที่ถูกข้าศึกลอบทำร้ายตอนลาดตระเวน เจินฮุ่ยหมิงในตอนนั้นเจ็บปานจะตาย แต่เพราะได้หนิงเซียงช่วยเหลือดูแล และรักษาบาดแผลให้จนหาย เจินฮุ่ยหมิงจึงได้รับผิดชอบด้วยการรับนางมาดูเพื่อเป็นการตอบแทน ซึ่งในตอนนั้นยังไม่ได้มีการหมั้นกับถงหลานเฟย ความรักของทั้งคู่ก็ดูแปลกตาผู้พบเห็นเสมอมา หนุ่มแม่ทัพอนาคตไกล กับสาวชาวบ้านผู้ไร้ยศศักดิ์ใดๆ ทั้งคู่ไม่ได้พลอดรักกันดังเช่นหนุ่มสาวคู่อื่น แต่มักจะพากันไปขี่ม้า ล่าสัตว์ แข่งกันยิงธนู เหมือนสหายกันเสียมากกว่า แต่เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหนิงเซียงเข้ามาในชีวิตของเจินฮุ่ยหมิงในฐานะผู้หญิงของเขา จึงรับรู้โดยทั่วกันว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นอย่างไร หลังพูดคุยกับโม่ตี้จนรู้เรื่องแล้ว เจินฮุ่ยหมิงตัดสินใจไปหาถงหลานเฟยที่เรือนของนาง เมื่อมาถึงก็พบว่ากำลังนั่งวาดภาพอยู่กับชุนเหยียน “ท่านแม่ทัพ...” หญิงชราเมื่อเงยหน้าเห็นผู้มาเยือนก็เอ่ยขึ้น ส่วนถงหลานเฟยที่กำลังสนุกอยู่ กับการวาดรูปก็พลันชะงักไปด้วย “ข้ามีเรื่องจะมาคุยกับคุณหนูของเจ้า” เพียงเขาพูดเท่านั้นชุนเหยียนก็รับรู้ว่าตนควรจะออกไปจากตรงนี้ “มีคนเห็นเจ้าแถวหน้าสำนักเงินกู้ เมื่อช่วงเช้าที่หายตัวไป เจ้าไปทำอะไรที่นั่นหรือ?” เมื่อชุนเหยียนออกไปแล้ว เจินฮุ่ยหมิงก็เข้าประเด็นทันที อย่างไม่อ้อมค้อม คนถูกถามพยายามไม่แสดงท่าทางตื่นตกใจ และพยายามคิดหาคำแก้ตัวที่ดีที่สุดเท่าที่จะเอาไปตอบเขาได้ในตอนนี้ “มีคนบอก...คนบอกที่ว่านี้ใช่หนิงเซียงหรือไม่?” แทนที่จะได้คำตอบ แต่ถงหลานเฟยกลับย้อนมาเป็นคำถามเสียอย่างนั้น และแน่นอนว่ามันทำให้คนถามพาลหงุดหงิดไปด้วย “ไม่จำเป็นว่าใครบอก ข้าเพียงต้องการรู้ว่าเจ้าไปทำอะไรที่นั่น” “นางไม่ได้บอกท่านหรือ ไหนๆ ก็รู้ขนาดนั้นแล้วทำไมไม่สืบหาเสียให้หมดว่าข้าไปทำอะไร” “เสี่ยวถง!!!” เมื่ออีกฝ่ายพยายามเฉไฉไม่ให้คำตอบ คนที่ไม่สบายใจเรื่องนี้อยู่แล้วจึงได้เสียงดังขึ้น เขาเพียงอยากรู้ว่าถงหลานเฟยไปที่นั่นเพราะเดือดร้อนเรื่องเงินหรือเปล่า หากใช่จะได้เพิ่มเงินเดือนให้ แต่นางกลับเอาแต่ตอบวกวนกวนประสาทเขาอยู่ไม่เลิก “ข้าแค่หลงไปแถวนั้น ท่านก็รู้ว่าข้าจำอะไรไม่ได้ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าที่นั่นเป็นสำนักเงินกู้” แม่ทัพเจินถอนหายใจ เขาได้แต่หวังว่านางจะไม่โกหก เพราะไม่อยากจะคาดคั้นถามอะไรอีก “ถ้าเช่นนั้นก็ค่อยยังชั่ว หากเจ้าเดือดร้อนเรื่องเงิน ก็ให้ชุนเหยียนบอกกับข้า หรือท่านพี่ลี่หลัวก็ได้ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคู่หมั้นของข้า” “ข้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินหรอก แต่เรื่องที่ข้าเดือดร้อน ดูเหมือนว่าท่านก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้” เจินฮุ่ยหมิงเข้าใจทันทีว่าสตรีตรงหน้ากำลังหมายถึงเรื่องหนิงเซียง เขาไม่ได้พูดอะไรตอบ เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับถงหลานเฟย “อีกเรื่อง...ข้าจะหาคนมาช่วยดูแลเจ้า ชุนเหยียนคนเดียวเห็นทีว่าจะไม่พอ” เขาหันกลับมาพูดก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป เจ้าของเรือนลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ไม่ถูกเจินฮุ่ยหมิงจับได้ แต่ก็รู้ตัวแล้วว่าต้องระวังตัวมากกว่านี้ ยิ่งครั้งหน้ายังต้องกลับไปที่นั่นอีก ไม่อย่างนั้นอาจจะมีคนพบเห็นอีกได้ ถึงจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไรในความคิดนาง แต่ก็ยังไม่อยากให้มีคนรู้ ทั้งเรื่องแอบไปกู้เงิน และเรื่องที่จะทำธุรกิจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม