15 ถงหลานเฟยระวังคำพูดหน่อย / 3

1244 คำ
เช้าของวันรุ่งขึ้นถงหลานเฟยนอนซมอยู่บนเตียงนอน โดยมีชุนเหยียนที่นั่งเฝ้าดูแลอยู่ข้างเตียงมิห่าง ทีแรกทั้งสองจะต้องไปช่วยเจินลี่หลัวจัดเตรียมชาสำหรับนำไปชงให้กับแขกที่จะมาร่วมงานเถลิงราชย์ของฮ่องเต้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นแคว้นพันธมิตร และเจ้าหัวเมืองต่างๆ ที่เป็นเมืองขึ้นของแคว้น “ชุนเหยียน ท่านไปช่วยงานท่านพี่ลี่หลัวเถิด งานนี้สำคัญมากมิใช่หรือ” คนแกล้งป่วยเริ่มออกอุบาย วันนี้นางมีนัดไปกู้เงินกับหยางซ่งไห่ พอมีเรื่องที่ต้องช่วยงานของจวนเขามา ยิ่งถือเป็นโอกาสดี ที่จะหลอกให้ชุนเหยียนไปช่วยงานเจินลี่หลัว แล้วตัวเองก็จะหนีออกจากจวนไปได้สะดวกขึ้น “คุณหนูของชุนเหยียนยังนอนซมอยู่เช่นนี้ จะให้ชุนเหยียนทิ้งไปไหนได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ” แต่แผนการที่คิดไว้ดูจะไม่ง่ายนัก เมื่อถงหลานเฟยลืมคำนวณความรักและห่วงใยของชุนเหยียนที่มีต่อเจ้านาย ทำให้เลือกที่จะแกล้งป่วย และนั่นก็กลายเป็นว่าชุนเหยียนไปยอมเดินตามแผนของตน “ชุนเหยียนหากท่านไม่ไปอีกคน ท่านพี่ลี่หลัวจะมองข้าไม่ดีเอาได้นะ ตัวข้านั้นป่วยไปไม่ได้แต่ก็ยังมีท่านที่พอจะไปช่วยหยิบจับอะไรได้บ้าง อย่างน้อยการที่ข้าส่งท่านไปเป็นตัวแทน มันก็ช่วยแสดงน้ำใจให้กับคนตระกูลเจินได้บ้างนะ” คนเจ้าเล่ห์พยายามโน้มน้าว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าชุนเหยียนจะคล้อยตามคำพูดของผู้เป็นนาย “แล้วคุณหนู...” “ข้าโตแล้วนะชุนเหยียน ท่านเตรียมยากับผ้าชุบน้ำไว้ให้ข้าเถิด ข้าพักผ่อนเสียหน่อยก็น่าจะดีขึ้นแล้ว” หญิงชราคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าผู้เป็นนายจะพูดอย่างนั้นแต่ความเป็นห่วงที่อยู่ในใจก็มิคลายลงได้เลย ส่วนหนึ่งก็เพราะว่านางเลี้ยงและดูแลถงหลานเฟยมาตั้งแต่เกิด เด็กน้อยผู้นี้ช่างบอบบาง และอ่อนโยนมาก แต่งานของจวนที่รับมอบหมายจากวังหลวงก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน และที่ถงหลานเฟยกล่าวก็ไม่ผิดเสียด้วย หากไม่ส่งตัวแทนไปเสียหน่อยก็คงจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก แม่เฒ่าชุนเหยียนจึงได้ยอมตัดใจไปช่วยงานของจวน แต่ก่อนไปก็เตรียมข้าว เตรียมยา และของจำเป็นไว้ให้คุณหนูของตนก่อน “ชุนเหยียนจะรีบไปรีบมานะเจ้าคะ หากอาการไม่ดีขึ้น คุณหนูเดินออกไปหาบ่าวที่ทำความสะอาด อยู่ตรงลานหน้าจวนให้ไปตามชุนเหยียนนะเจ้าคะ” ก่อนจะออกไปแม่เฒ่าชุนเหยียนก็ไม่ลืมที่จะสั่งคุณหนูของนางด้วยความห่วงใย คนบนเตียงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เมื่อร่างผอมบางของชุนเหยียนเดินหายออกไปจากเรือนแล้ว คนแกล้งป่วยรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วแอบมองดูว่าชุนเหยียนเดินไปไกลแล้วหรือยัง เมื่อเห็นว่าชุนเหยียนออกไปไกลแล้ว ถงหลานเฟยจึงได้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยเลือกชุดที่ไม่ดูโดดเด่นมากนัก และหาผ้าไปคลุมผิดส่วนศีรษะเผื่อช่วยพรางให้คนมองออกยากขึ้นว่าเป็นตน เมื่อพรางตัวจนพอใจแล้วก็รีบหลบหนีออกจากจวนไปอย่างระวังตัว เมื่อมาถึงที่หน้าร้านปล่อยเงินกู้ พนักงานต้อนรับก็เข้ามาดูแลและพาขึ้นไปพบเถ้าแก่ตามที่หยางซ่งไห่สั่งเอาไว้ “วันนี้ท่านดูต่างไปจากเมื่อวานมาก คนของข้าจำท่านแทบไม่ได้” หยางซ่งไห่เอ่ยทัก เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าดูแต่งตัวเรียบง่ายเสียจนเหมือนเป็นสาวชาวบ้านคนหนึ่ง อีกทั้งยังคลุมผ้าปิดบังพรางตัวจนมองดูลำบากว่าเป็นนาง “พอดีว่าเมื่อวาน มีคนเห็นข้ามาที่นี่ วันนี้ก็เลยต้องพรางตัวเสียหน่อย” คนฟังมุ่นคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกลัวคนเห็น ในเมื่อการกู้เงินไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร แต่ก็มิได้ไถ่ถาม เพื่อนคิดว่านางคงมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ “นี่เป็นสัญญา ท่านอ่านหนังสือออกหรือไม่ หากไม่ข้าจะอ่านให้ท่านฟังก่อน” เขาวางแผ่นกระดาษหน้าตาเหมือนกระดาษสมัยโบราณที่จินซินเคยเรียนในชั้นเรียนประวัติศาสตร์ เธอไม่คิดว่าจะได้มาเห็นของจริง แต่สภาพของมันไม่ได้เก่าอย่างที่เคยเห็น แต่ก็มีความต่างกับกระดาษในยุคปัจจุบันอยู่มาก “ข้าอ่านได้” หญิงสาวว่าพลางหยิบกระดาษสัญญาขึ้นมาอ่าน แต่เหมือนจะไม่ง่ายยากที่คิดในคราวแรก เพราะอักษรที่เขียนบนกระดาษนั้นเป็นอักษรโบราณ โชคดีที่เคยผ่านตามาบ้างสมัยเรียน แต่เรื่องหนึ่งที่นางมั่นใจแน่ๆ คือเจ้าของร่างอาจจะไม่ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านมาก่อน เพราะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวอักษรพวกนี้เลย ถงหลานเฟยคลำอ่านสัญญาอยู่นาน เมื่อเห็นว่าเป็นตามที่ได้ตกลงกันไว้จึงได้หยิบเอาหยก ซึ่งแกะสลักเป็นตราประทับชื่อของตนที่หยิบมาจากในหีบสมบัติส่วนตัว ปั๊มไปที่หมึกบนโต๊ะแล้วประทับลงนามในสัญญา “เรียบร้อย แต่ว่า...ข้ามีอีกเรื่องอยากจะรบกวนท่านได้หรือไม่” หยางซ่งไห่หยิบเอากระดาษสัญญาขึ้นมาดู พลางพยักหน้ารับคำขอของสตรีตรงหน้า “ข้าอยากได้อาคารในตลาดสักหลักที่ราคาไม่สูงมาก ท่านพอจะหาให้ได้หรือไม่” หยางซ่งไห่ประทับชื่อของตนลงในสัญญาก่อนจะหันไปมองคนพูด “ท่านให้แม่ทัพเจินช่วยไม่ดีกว่าหรือ อำนาจของเขามากกว่าข้า หากอยากจะหาอาคารที่ได้ราคาต่ำๆ คนแผ่นดินนี้ล้วนเกรงต่ออำนาจของเขากันทั้งนั้น” “ข้าไม่อยากให้เขารู้เรื่องนี้ และก็ขอท่านอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ทั้งเรื่องที่ข้ามากู้เงิน และเรื่องที่กำลังจะทำธุรกิจ” หยางซ่งไห่รับรู้ทันทีว่าปัญหาเกิดขึ้นเสียแล้ว การที่เขาแอบทำสัญญาเงินกู้กับสตรีผู้เป็นคู่หมั้นพระราชทานของแม่ทัพหลวง มันเหมือนเป็นการหักหน้าของอีกฝ่าย “จะดีหรือ ท่านเป็นถึงคู่หมั้นของแม่ทัพหลวง หากแม่ทัพเจินตามมารู้เรื่องทีหลัง ข้าจะแย่เอานะ” “ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง ขอท่านช่วยหาอาคารให้ข้าสักหลัง ไม่ต้องขนาดใหญ่มาก แต่อยากให้มีห้องพักด้วย ข้าอยากจะย้ายออกจากจวนของแม่ทัพเจิน” ยิ่งฟังหยางซ่งไห่ก็ยิ่งรู้สึกร้อนไปทั้งตัว แต่เพราะสัญญาก็เซ็นไปเสียแล้ว เงินกู้ก็จำนวนมาก ดอกยิ่งมาก แถมยังมีสินทรัพย์ค้ำประกันมูลค่างาม ความโลภจึงช่วยกลบฝังความกลัวไปเสียจนหมดสิ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม