@บ้านอารยา
“อายกลับมาแล้วหรือลูก” อัฐพลทักขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวสุดที่รักเดินเข้ามาในบ้าน เขามักนั่งรออารยากลับมาบ้านอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกแบบนี้ทุกวัน แต่วันนี้เขารู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นบุตรสาวเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มไม่หยุด แถมแก้มเธอทั้งสองข้างยังแดงอมชมพู
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ แล้วนี่คุณแม่ไปไหนคะ” อารยากล่าวทักทายพ่อของเธอขึ้น พร้อมเดินเข้าไปสวมกอดท่านด้วยท่าทีขี้อ้อนเหมือนที่เธอชอบทำประจำ ก่อนที่เธอจะมองหาผู้เป็นแม่และเอ่ยถามขึ้นมา
“เห็นแม่เราบอกว่าไปสมาคมเพชรพลอย ก๊วนสมาคมของแม่เขาน่ะลูก” อัฐพลตอบคำถามของอารยาด้วยท่าทีปกติ เพราะภรรยาของเขามักไปออกงานสมาคมแบบนี้เป็นประจำ เขารู้ว่าภรรยาของเขาชอบงานสังคมมาก เขาจึงไม่เคยห้ามปราม อะไรที่ทำให้ลูกและเมียมีความสุขได้อัฐพลพร้อมที่จะทำทุกอย่างโดยไม่คิดลังเล
“แล้วนี่อายกินอะไรมารึยังลูก” อัฐพลถามบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความห่วงใย
“อายไปกินชาบูกับทิพย์และนนท์ที่ห้างมาแล้วค่ะ แล้วคุณพ่อทานอะไรรึยังคะ”
. “พ่อทานเรียบร้อยแล้วลูก แล้วกับชานนท์นี่ยังไงกันแน่ พ่อว่ามันชักยังไงๆ อยู่น้า” อัฐพลตอบกลับบุตรสาวของตน ก่อนจะเอ่ยแซวเธอด้วยความเอ็นดูในตอนท้าย
เขาพอจะดูออกว่าชานนท์คิดอย่างไรกับบุตรสาวของตน และที่สำคัญเขาก็ดูออกว่าอารยาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากชานนท์
แต่ด้วยความที่ทั้งคู่ยังเด็กอยู่ เขาเลยยังไม่อยากโฟกัสเรื่องนี้มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับห้ามปรามอะไร ดีที่ชานนท์เองก็เข้าตามตรอกออกตามประตูทุกอย่าง ไม่เคยพาอารยาไปทำอะไรเสียๆ หายๆ สักครั้ง ทำให้เขารู้สึกวางใจในตัวของชานนท์อยู่ไม่น้อย
“คุณพ่อพูดเรื่องอะไรคะ อายไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” อารยาเอ่ยขึ้น พร้อมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่เธอคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้แก้มของเธอแดงมากแค่ไหน
การกระทำของอารยายิ่งทำให้คนเป็นพ่ออย่างเขาอดแซวเธอไปอีกไม่ได้
“ลูกสาวพ่อกลายเป็นคนปากแข็งไปตั้งแต่เมื่อไรกันนี่”
“คุณพ่อน่ะ” หญิงสาวร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงงอแงเมื่อโดนพ่อตัวเองแซวเธอไม่หยุด ก่อนจะก้มหน้าม้วนอายลงไปซบที่อกของพ่อตัวเอง
“555” อัฐพลหัวเราะออกมาด้วยความอารมณ์ดีกับท่าทางของบุตรสาว เขาใช้มือลูบผมเธอขึ้นลงเบาๆ ด้วยความทะนุถนอม เพราะสำหรับอัฐพลแล้ว อารยาเปรียบดังแก้วตาดวงใจของเขา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเลี้ยงดูเธอมาด้วยตัวเองตั้งแต่แบเบาะ เพราะภรรยาของเขาต้องไปออกงานสังคมบ่อยๆ ดังนั้นหน้าที่เลี้ยงลูกจึงตกเป็นของเขาและพี่เลี้ยงเมื่อเวลาที่เขาต้องไปทำงาน ทำให้อารยาแทบไม่ติดแม่ตัวเองเลย เธอติดพ่อแทน
“อายฟังพ่อนะลูก พ่อไม่รู้หรอกนะว่าพ่อจะอยู่กับอายได้นานแค่ไหน พ่อหวังแค่อยากเห็นลูกสาวของพ่อเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข...” อัฐพลเอ่ยถึงตรงนี้ก็เงียบลงสักพัก ก่อนที่เขาจะเอ่ยบางอย่างออกมา
“พ่อว่าชานนท์เป็นคนดีนะ ถ้าเขาคือคนที่อายคิดว่าอยู่ด้วยแล้วอายมีความสุข อายก็คบไปเถอะลูก พ่อขออย่างเดียวอย่าทิ้งการเรียน เพราะการเรียนมันคือสิ่งเดียวที่จะพาลูกไปสู่อนาคตที่ดีในวันข้างหน้า คนเราไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ตำแหน่งอะไร ล้วนต้องใช้ความรู้ความสามารถทั้งนั้น พ่อจึงไม่อยากให้อายทิ้งการเรียน เข้าใจพ่อนะลูก” อัฐพลสอนบุตรสาวของตนด้วยความอ่อนโยน พร้อมกระชับมือโอบกอดเธอไว้แนบอก
“อายก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งการเรียนค่ะพ่อ เรื่องนี้พ่อสบายใจได้... ส่วนเรื่องนนท์ อายไม่รีบค่ะ อายอยากค่อยๆ ดูกันไปก่อน เพราะตอนนี้อายอยากโฟกัสเรื่องเรียนก่อน อายอยากเรียนให้จบก่อนค่ะ” อารยาตอบกลับพ่อของเธอตามที่เธอตั้งใจไว้โดยไม่ปิดบัง เธอสามารถคุยกับพ่อของเธอได้ทุกเรื่องแบบนี้เสมอ
“แต่อายไม่ชอบเลยที่พ่อชอบพูดเรื่องแบบนั้น ยังไงพ่อก็ต้องอยู่กับอายไปนานๆ อายไม่ยอมให้พ่อเป็นอะไรหรอก” อารยาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงกระเง้ากระงอดพลางสวมกอดคนเป็นพ่อแน่นขึ้น
“พ่ออยู่ค้ำฟ้าไม่ได้หรอกลูก เรื่องนี้มันคือสัจธรรม อายต้องเข้าใจและยอมรับมันให้ได้ เมื่อไม่มีพ่ออายต้องอยู่คนเดียวให้ได้”
“ไม่เอาค่ะ อายไม่อยากคุยกับพ่อเรื่องนี้อีกแล้ว เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่านะคะ” อายรยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงอแง เพราะพอพูดเรื่องแบบนี้ทีไร เธอรู้สึกหดหู่ใจทุกที ยิ่งช่วงหลังๆ เธอรู้สึกว่าพ่อเธอมักพูดเรื่องแบบนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ