CHAPTER 07
ฉันอยากเอาศีรษะทุบเขกเข้ากับผนังห้องน้ำให้มันแหลกรู้แล้วรู้รอดไปเลยเมื่อได้ยินประโยคหลังของพี่ตามที่มาจากคำพูดของเฮียติญาติฝ่ายฉัน
ย้ำว่าฝ่ายฉัน
แต่การกระทำมันไม่ใช่สักนิด
กะเอาแล้วเชียวว่ารอยยิ้มเจ้าเล่ห์พวกนั้นแสดงออกมามันต้องเกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้ฉันเดือดร้อนอีกตามเคยแต่ความโง่งมของตัวเองก็มีมากโขจึงทำให้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของสองคนนั้นที่พอเอามามัดรวมกันทีไรความแพ้ก็เกิดขึ้นจากอีกฝ่าย
ไม่นึกว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน
“เรื่องแบบนี้ไม่ควรบังคับค่ะ” พอนึกได้ฉันจึงพูดขึ้นมา
“งั้นตูนก็ยอมสิ”
บ้าไปแล้ว...
พี่ตามพูดขึ้นมาได้ไงไม่อายปากตัวเองสักนิด เอาอะไรมาวัดว่าเรื่องแบบนี้ฝ่ายฉันต้องยอมเขาตลอดไม่ใช่เรื่องเพราะสิทธิเท่าเทียมกัน
“พึ่งพูดไปหยกๆ ว่าไม่ควรบังคับ รู้มั้ยคะว่าพี่ตามไม่เข้าใจที่ตูนพูด”
งั้นตูนก็ยอมสิ ประโยคคำสั่งแกมบังคับชัดๆ
“โอเคไม่บังคับก็ได้”
ร่างใหญ่ถอนออกจากร่างกายฉันทว่าเพียงเสี้ยววินาทีก็กับขยับเข้ามาแนบชิดอีกครั้งราวกับว่าก่อนหน้าจงใจก่อกวนให้ดีใจเฉยๆ ไม่ว่าฉันจะขยับตัวเคลื่อนย้ายไปทางซ้ายหรือขวาก็ไม่สามารถพ้นร่างใหญ่ของพี่ตามได้
“พี่ตาม!”
“โห... เมียโกรธแล้ว”
“อย่ามายั่วโมโห ตูนไม่ขำแล้วก็ย้ายไอ้ร่างกาย บ้าๆ ของพี่ออกไปด้วย”
คำพูดของฉันเหมือนพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานอกจากพี่ตามไม่ทำตามก็ยังยืนนิ่งเผยแผ่สายตาแวววาวซุกซนแกมเจ้าเล่ห์เข้ามามองจดจ้องร่างกายของฉันไปทั่วราวกับต้องการสำรวจสิ่งผิดปกติที่หาเจอไม่
และแล้วพี่ตามก็ใช้สองขาร่างแทรกเข้าระหว่างขาของฉันทั้งสองข้างเพื่อเป็นหลักประกันว่าไม่คิดหนีจากนั้นก็ผิวปากถอดเสื้อตัวบนโยนออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ผิวขาวเนียนใสขาวเรียบแทบเห็นเส้นเลือดเผยออกมาให้เห็นพร้อมกับรอยสักช่วงหน้าอกเป็นภาษาอังกฤษแปลได้ประมาณไม่เชื่อในพระเจ้า เชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าเพราะตัวเองคือคนกำหนด
“พี่บอกแล้วนะว่าไม่บังคับ”
หูฉันไม่ได้หนวกสักหน่อย
“ถ้าพี่ตามจะอาบน้ำก็เชิญเลย ตูนขอแค่ล้างตัวเอาฟองสบู่ออกอีกนิดก็พอส่วนน้ำในอ่างจะแช่จนเนื้อหนังเปื่อยก็ตามใจ”
“ครับ” คำขานรับทำให้ฉันเบาใจได้แค่ไม่ถึงครึ่งวินาทีจากนั้นก็... “พี่จะให้ตูนแช่ด้วยความเต็มใจเอง ไร้การบังคับแน่นอน”
ตาม ภูมิรพี: TALK
ผมยกยิ้มที่มุมปากทันทีเมื่อสายตาได้เห็นสีหน้าตกใจของแม่เสือเก่งกาจเรื่องการจับผิดเป็นที่สุดเรียกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมไม่มีสิ่งไหนรอดพ้นสายตาของเธอทว่าคราวนี้ทำไมถึงได้มีสีหน้าเหมือนลูกหมาขี้ตกใจไปได้ล่ะ
ไม่เหมือนตูนที่ผมรู้จัก
นึกเอาไว้แล้วเชียว...
คนอย่างตูนถึงจะฉลาดมากแค่ไหนแต่เรื่องแบบนี้ก็พลาดได้ถ้าผมกับไอ้เฮียติได้ร่วมมือกัน พอตูนออกจากบทสนทนามันก็บอกผมว่าเอาอุปกรณ์แต่งรถที่สั่งมาให้แล้วดูท่าทางตูนน่าจะชวนออกไปทานข้าวข้างนอกด้วย
แผนดัดหลังเมียของผมจึงเกิดขึ้น
ในเมื่ออยากไปทานข้าวนอกบ้านกับลูกแต่กับเลือกไม่ชวนผัวที่นั่งหัวโด่พาไปก็ไม่ควรจะได้ออกไปไหนเช่นกัน ทุกอย่างมีทั้งเหตุและผลเหมาะสมกันที่สุดแล้ว
ว่าไหมครับ?
ผมให้ต้องตาไปกับไอ้เฮียติและฝากนอนบ้านแม่เลยตอนเช้ากะจะไปรับ
ผมให้พี่นากลับบ้าน
ซึ่งแน่ล่ะตอนนี้ทั้งบ้านก็มีผมกับตูนเพียงแค่สองคน ซึ่งถ้าเธอจะกรี๊ด ร่ำร้องยังไงก็มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินเสียงนั้น
“อย่าตามบ้าจี้ด้วยคำพูดเฮียติเลย พี่ตามโตแล้วนะคะ”
ใบหน้าสวยหวานของเมียดูมุ่ย ดวงตากลมโตจับจ้องตัวเองแบบขวางๆ ไม่พอใจในการกระทำของผม ท่าทางพวกนี้รวมๆ แล้วดูน่าตีมากกว่าน่าโกรธ
ขอบอกเลยว่าการทำแบบนี้ของเมียมันไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด
“ใช่พี่โตแล้ว มีลูกมีเมียแล้วด้วย”
ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและก็เชื่อว่าประโยคนี้อาจทำให้ตูนหัวร้อนตามมาติดๆ มันเป็นประโยคแก้ของประโยคที่ออกมาจากปากของตูนก่อนหน้า
“โตแต่ตัวแต่สมองเท่ามดสิไม่ว่า”
นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ
“จะพูดอะไรก็คิดดีๆ หน่อยนะ”
ผมปรายสายตาหลุบลงเพื่อเป็นเชิงบอกว่าเธอกำลังเสียเปรียบตัวเองมากเอาการอยู่เพราะผมประชิดตัวตูนอย่างรวดเร็วในขณะเธอกำลังล้างตัวที่เต็มไปด้วยฟองสบู่อีกอย่างฝักบัวนั้นก็มาอยู่ในมือของผมแทนที่ก่อนหน้าอยู่ในมือของตูน มือเล็กจึงว่างงานผลักตรงอกของผมออกแต่ก็นะแรงเล็กแรงน้อยหรือจะสู้คนอย่างผมได้
“งั้นพี่ตามก็ออกไปก่อนสิคะ”
“จะปฏิเสธไม่ทำการบ้านอีกสิ”
มันเรื่องปกติสำหรับผัวเมีย
ใครเขาก็ทำกันแค่ระหว่างผมกับตูนห่างกันมาระยะหนึ่งก็เท่านั้นเองไม่ได้เลิกอีกอย่างผมก็มีสิทธิทุกอย่างในฐานนะสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
“พี่ตามจะสนอะไรกับคำพูดเฮียติคะ ดูก็รู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นคนแบบไหน”
ตูนเฉไฉ
“บอกเอาไว้ก่อนวันนี้... พี่ไม่ใจดีนะ”
มือเล็กที่พยายามดันอกชะงักทันทีหลังจากได้ยินจากนั้นดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็เงยขึ้นมามองผมหลังจากที่ก่อนหน้าสบตาแค่เวลาโกรธหรือโมโห คราวนี้เหมือนมีความหวั่นไหวซุกซ่อนอยู่ลึกๆ ผมเคลื่อนไหวร่างกายโดยการขยับตัวเข้าไปเบียดร่างเล็กของเมียอีกก้าวหนึ่ง
คราวนี้แบบเนื้อแนบเนื้อ...
ใบหน้าสวยของตูนแดงกร่ำเสมือนลูกตำลึงสุกคงพอรู้ว่าเจ้าสองก้อนตรงหน้าอกเบียดกับหน้าอกของผมชนิดที่เรียกได้ว่าแทบกลืนเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกัน การไล่สายตาลงมาบริเวณลำคอขาวๆ จรดกระดูกไหปลาร้าสวยเด่น ผิวขาวใสออกชมพูนิดๆ เต่งตึงพอมีหยดน้ำเพิ่มความแพรวพราวเข้ามาก็ยิ่งน่ามองไปอีกเท่าตัว
โคตรมีเสน่ห์
“พะ พี่ตาม”
น้ำเสียงติดขัดปนกับความแหบฟังแล้วน่ารักดี
“ครับ”
แน่นอนว่าผมตอบขานรับคำเรียกของเมียอย่างหน้าระรื่นชวนตบเป็นนาทีเดียวกันที่มองขึ้นไปสบนัยน์ตาสีน้ำตาลเด่นผลิตแววตาตื่นออกมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ใช่แววตาหวาดกลัวอะไรทำนองนั้นแต่มันเป็นแววตาที่ผมชอบ
ตูนประหม่ามากกับเรื่องแบบนี้ เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่เคยชินสักครั้ง ครั้งไหนๆ ก็จะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ
ตั้งแต่ครั้งแรก... ถึงครั้งนี้
แต่น่าแปลกที่ท่าทางทุกอย่างที่เธอแสดงออกมามันไม่เคยมีคำว่าแสร้งทำหรือว่าตอแหล มันลื่นไหลเป็นธรรมชาติมากไม่อย่างงั้นผมคงไม่ชอบมาก ติดใจมากขนาดนี้ร่ำร้องหามันทุกวันหรอก
เดี๋ยวพอท่าทางพวกนี้จะหายไป
ตูนจะกลายร่างบดขยี้เป็นแม่เสือสาวเอง...
ไม่เชื่อก็ลองดู
“อย่า... อือ”