การมาเที่ยวกับตรัยให้ความรู้สึกพิเศษอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อก่อนถ้าตรัยมาด้วย พี่ชายของเธอก็จะมาด้วย เธอกับเขาไม่มีเวลาอยู่กันแบบใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน
“พี่ตรัยขา... บ๊ะจ่างน่ากินจังค่ะ แต่ท้องน้องพราวจะแตกแล้ว” น้ำเสียงออดอ้อนนั้นทำให้ตรัยเอ็นดูวาบขึ้นมาในอก คนบอกว่าท้องจะแตกอยากกินอีกเช่นเคย
“อยากกินก็ซื้อสิ เอาไว้ค่อยกินก็ได้ เผื่อหิว” เขาไม่รอฟัง แต่จัดการซื้อของชอบของเธอทันที เรียกว่าอะไรอยากกินซื้อไปเสียทุกอย่าง พราวมุกแกะมะขามหวานเข้าปาก พอเงยหน้ามองคนตัวสูง เขาก็ปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากของเธอไปทัดหู สัมผัสอ่อนโยนของเขาทำให้เธอรู้สึกเคลิ้ม
“เหนื่อยหรือยัง จะไปต่อไหม” เอ่ยถามเหมือนปรึกษา เพราะเดินมาไกลมากแล้ว
“เดินดูอีกนิดก็ได้ค่ะ แล้วพี่ตรัยล่ะคะ เหนื่อยหรือยัง” เธอถามกลับ คิดว่าเขาอยากกลับแล้ว
“ยังครับ ถือว่าออกกำลังกายไปในตัว” ตรัยจับมือเธอเอาไว้มั่น พาไปดูโซนสมุนไพร ก่อนที่ทั้งสองจะไปนั่งพักรับประทานน้ำปั่นเย็นๆ เพื่อเตรียมตัวกลับกันจริงๆ หลังจากซื้อของกันอย่างสนุกสนาน
“ถึงกับทุบขาตัวเองเลยเหรอครับนี่” ตรัยมองมือเล็กๆ ของพราวมุกที่ ทุบแข้งทุบขาตัวเองด้วยความปวดเมื่อยแล้วรู้สึกสงสาร
“เริ่มปวดเมื่อยแล้วค่ะ” เธอไม่เคยเดินไกลๆ แบบนี้นานแล้ว พอเดินเข้าจริงๆ ก็เริ่มปวดเมื่อยเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา
“งั้นพักอีกเดี๋ยวไหมครับ แล้วเราค่อยกลับกัน” เขาเอ่ยถาม เดินมานานๆ ถ้าได้นั่งพักสักครู่คงจะดีขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ พราวเริ่มเหนียวตัวแล้ว กลับบ้านกันดีกว่า จะได้รีบอาบน้ำพักผ่อนค่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงานกันอีก” พราวมุกพูดยิ้มๆ ก่อนจะรีบลุก
“อุ๊ย!” เธอร้องด้วยความเจ็บเพราะสะดุดขาตัวเอง
“เป็นอะไรมากไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ พราวคงรีบลุก เดินเร็วไปหน่อย ก้าวผิดท่าเลยปวดข้อเท้าค่ะ”
“เดินไหวไหมครับนี่” ตรัยเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“สบายมากค่ะ ไปกันเถอะค่ะพี่ตรัย” พราวมุกฝืนยิ้มทั้งที่เจ็บข้อเท้า แต่ ไม่อยากเป็นภาระเขา
“โอ๊ย!” เผลอลงน้ำหนักบนส้นเท้าไปหน่อย จึงร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“ไหนบอกว่าไหวไงครับ เด็กดื้อ...” เขาส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนจะย่อตัวลงด้านหน้าของเธอ
“ทำอะไรคะพี่ตรัย” พราวมุกเอ่ยถาม
“ขี่หลังพี่ไปครับ ถ้าประคองไป ต้องลงน้ำหนักที่ข้อเท้าด้านนั้นอีก พราวอาจจะยิ่งเจ็บและระบม” เขาให้เหตุผลอย่างห่วงใย
“แต่ เอ่อ...” เธอเกรงใจเขา อีกอย่างคนก็เยอะ ขี่หลังไปมันจะดูน่าเกลียด
“ขึ้นมาครับ ข้าวของที่เหลือเดี๋ยวศักดิ์สิทธิ์จะจัดการเอาไปไว้ที่รถเอง” เขาสรุปเสร็จสรรพ
“พี่ตรัยจะหนักแย่นะคะ” เธอยังอิดออด
“ไม่หนักครับ ขึ้นมาเร็วคนดี” เขาสำทับอีกครั้ง ดึงมือเธอไปวางที่บ่ากว้าง พราวมุกยอมขี่หลังเขาในที่สุด ตรัยรวบขาหญิงสาวเอาไว้ทั้งสองข้าง ดึงเธอขึ้นบนหลัง ก่อนจะพาออกเดินไปด้วยฝีเท้ามั่นคง
“ตอนมาพราวเดินมา ตอนกลับให้พี่ตรัยแบกกลับไปเสียได้” เธอวางคางที่บ่ากว้างของเขากระซิบบอกเขาเบาๆ ที่ริมหู ตอนนี้ใครจะพูดอะไรระหว่างทางเดินออกจากงาน เธอก็ไม่สนอีกแล้ว เพราะข้อเท้ามันปวดจนนึกขอบใจที่ตรัยแบกเธอกลับเช่นนี้
“นี่เธอดูโน่นสิ ตอนกลับแบกกลับเลยนะ กลัวแฟนเหนื่อย ผู้ชายอาร้าย... น่ารักแบบนี้ เป็นแฟนฉันละก็ ป่านนี้หงุดหงิดทิ้งฉันเอาไว้แล้ว ถ้าเดินแล้วเมื่อยขาแบบนั้น” สองสาวเจ้าเดิมที่เธอเจอตอนเดินดูงาน วิจารณ์เธอกับตรัยอีกครั้ง คราวนี้พราวมุกอมยิ้ม ตรัยไม่ได้แสดงอาการไม่ชอบให้เธอเห็น
ตรัยอุ้มเธอไปวางที่รถ เขาดูแลเธออย่างดี ข้อเท้าของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก เธอเองก็ไม่อยากไปหาหมอ เขาจึงไม่บังคับอีก ชายหนุ่มดึงเข็มขัดนิรภัย มารัดให้ เธอมองสบตากับเขาในระยะกระชั้นชิด ลมหายใจเป่ารดกันถนัดถนี่ เขาค่อยๆ ก้มมาหา ทำท่าจะแนบริมฝีปากลงมา แต่เธอดันหน้าเขาออกเสียก่อน
“อย่านะคะพี่ตรัย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เธอบอกด้วยอาการขัดเขิน ตรัยถอนใบหน้าหนี เขาเปลี่ยนไปจุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยงของเธอแทน
“พี่ขอโทษครับ” เขาผละไปนั่งตัวตรง ก่อนจะออกรถเบาๆ พราวมุกลอบมองเสี้ยวหน้าของเขาอย่างเผลอไผล ตรัยมีสีหน้าอ่อนโยนเสมอ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาหันมามอง เธอจึงเสไปมองข้างทางแทนด้วยความอาย เมื่อโดนเขาจับได้ว่าเธอแอบมอง
“ปวดข้อเท้ามากไหมครับ” เขาชวนคุย
“ไม่มากค่ะ” พราวมุกตอบกลับเสียงเบา
เธอนึกว่าตรัยจะถามเรื่องที่เธอแอบมองเขาเสียอีก แต่พอเขาถามเรื่อง ข้อเท้า เธอจึงนึกซาบซึ้งใจที่เขาห่วงใยเธอตลอดเวลา จำได้ว่าตอนเด็กๆ เวลา มีใครมารังแก ตรัยจะเป็นคนปกป้องเธอไม่ต่างจากพี่ชายคนเดียว เขาจึงเป็นฮีโร่ในใจเธอ ตอนนั้นที่พายัพมาถามเรื่องที่ตรัยชอบเธอ เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะคิดจริงจังกับเธอหรือไม่
ถึงบ้านแล้วตรัยจัดการให้ศักดิ์สิทธิ์เอาข้าวของไปเก็บ คนสนิทของเขาขับรถอีกคันตามมา อยากเปิดโอกาสให้เจ้านายอยู่กับผู้หญิงที่รักสองต่อสอง เขามานั่งดูข้อเท้าของเธอ ก่อนจะนวดให้เบาๆ ตอนแรกพราวมุกดึงเท้าหนีเพราะเกรงใจเขา แต่เขาดึงกลับไปจนได้ นวดให้ สักพักแล้วรู้สึกดีขึ้น ก่อนที่เขาจะอุ้มเธอขึ้นห้อง
“พี่ตรัยคะ ไม่ต้องอุ้มหรอกค่ะ” เธอบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่มีพี่แจ๋วอยู่ด้วย ใครจะประคองขึ้นห้องล่ะครับ พราวอาบน้ำเสียนะ เดี๋ยวพี่จะพันข้อเท้าให้ เหนียวตัวไม่ใช่เหรอ” เขาสรุปเสร็จสรรพ ไม่ฟังคำ ห้ามปราม
“ค่ะ” เธอจำใจต้องรับคำในที่สุด ตรัยจัดการเสื้อผ้าให้ เธอออกมาจากห้องน้ำเขาก็รอประคองพาเธอไปนั่งที่เตียง แล้วพันข้อเท้าให้อย่างเบามือ
“เดี๋ยวก็หายแล้ว เพี้ยง...” เขาเป่าเบาๆ ลูบไล้ปลอบโยนที่ข้อเท้าเล็กๆ พราวมุกมองด้วยความเผลอไผลในความอ่อนโยนระคนห่วงใยนั้นอย่าง ซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะคะพี่ตรัย” พราวมุกเอ่ยขอบคุณเขาเสียงหวาน
“หิวอีกไหม พี่จะหาอะไรให้รองท้อง” เขายืนขึ้นเต็มความสูง เอ่ยถามอย่างใส่ใจ
“ไม่แล้วค่ะ” เธอไม่อยากรบกวนเขาอีก
“เดี๋ยวพี่มานะครับ จะมานอนเป็นเพื่อน” เขาสรุปความเมื่อคิดว่าเธอคงอยากพักผ่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ พราวเกรงใจ” พราวมุกรีบตอบ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย มันอาจจะไม่เหมาะ
“เลิกพูดว่าเกรงใจสักทีนะครับ พี่เต็มใจ พี่รักพราว อยากดูแลพราว แบบนี้” เขาลูบศีรษะเธอเบาๆ ก่อนจะผละไปที่ประตู พราวมุกยกมือขึ้นกุมอกของตัวเองเอาไว้ นี่ตรัยบอกรักเธอเหรอนี่ เขาบอกรักเธอแบบไหนกันนะ รักแบบน้องสาว แบบคนรัก หรืออะไรกันแน่ แต่ทำไมหัวใจเธอถึงได้เต้นแรงแบบนี้กันล่ะ
พราวมุกไม่รู้ตัวว่านอนรอเขานานแค่ไหน แต่เมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในชุดนอนพร้อมเสื้อคลุม เธอก็เผยอยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะรีบได้สติ เม้มปากเข้าหากันอย่างอายๆ จะแกล้งหลับตาหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ที่บ้านโน้นมีคนนอนเฝ้าแล้ว แต่พราวน่ะสิ นอนคนเดียวพี่เป็นห่วง” ตรัยหมายถึงสาวใช้ที่บ้านของเขาซึ่งอยู่กันมาหลายปี
“พี่ตรัยจะนอนตรงไหนคะ”
“ตรงโน้นไงครับ เหมือนคืนนั้น”
“หมายความว่าคืนนั้นพี่ตรัยนอนที่นี่เหรอคะ”
“ครับ พี่นอนที่โซฟานั่น พี่เป็นห่วงพราวไม่อยากให้นอนคนเดียว”
“แต่โซฟาตัวเล็กกว่าพี่ตรัยอีกนะคะ จะนอนสบายได้ยังไง”
“พี่นอนได้ครับ นอนเถอะคนดี” เขาทิ้งตัวลงนอน ตะแคงหน้ามาทางเธอ พราวมุกหลับตาด้วยความเขินอาย แต่สุดท้ายต้องลืมตาตื่นเพราะฝนตกหนักมาก เธอมองร่างสูงของตรัยที่นอนขดอยู่บนโซฟาแล้วนึกห่วง ร่างบางจึงไปหา ผ้าห่มมาห่มให้ เขาจะได้อุ่นกว่านี้ แม้จะอยากให้เขามานอนด้วยกันบนเตียง แต่ใจเธอไม่กล้าพอ