“งานอะไรเหรอคะ”
“เขามีงานเกษตรแฟร์ครับ ไปกันเถอะ อาจจะเหนื่อยนิดหนึ่ง แต่ก็สนุกนะครับ” น้ำเสียงช่วงปลายของเขาออดอ้อนนิดๆ
“ไปกันค่ะ น่าสนุกดีนะคะ แต่ของกินต้องเยอะแน่ๆ เลย” เรื่องเหนื่อยเธอไม่กลัว ขอให้ได้เดินไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แค่นั้นก็พอแล้ว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ตรัยโยกศีรษะของพราวมุกไปมาอย่างเอ็นดู เขาพอจะเข้าใจว่าเธอกำลังลดน้ำหนัก แต่ไปเดินออกกำลังกายในงาน ย่อมหิวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
“ของกินเยอะ พราวก็ต้องตบะแตกสิคะ กินเยอะน้ำหนักขึ้น ตอนกลางวันพราวขาดสติไปแล้วรอบหนึ่ง” เธอตอบ ก่อนหน้างอนิดๆ
“คิดมากจังครับ เอาแบบนี้ไหม อยากกินอะไรกินเลย เช้าๆ พี่จะชวนไปออกกำลังกายเอง” เขาหาทางออกให้เธอ เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาจะได้ใกล้ชิดเธอทุกโมงยาม
“จริงเหรอคะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีจังเลยค่ะ มีเพื่อนออกกำลังกายทุกวัน พราวจะได้มีกำลังใจกินไงคะ พราวกินอะไรนิดหน่อยน้ำหนักก็พุ่งพรวดแล้วค่ะ อิจฉาคนที่กินอะไรเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนจังเลยค่ะ”
“งั้นไปกันครับ” ตรัยกุมมือพราวมุกเอาไว้ ก่อนจะพาไปที่รถ พราวมุกรู้สึกอบอุ่นเมื่ออุ้งมือใหญ่ของเขากุมมือของเธอเอาไว้แบบนี้
เธอลอบมองมือของเขาเป็นระยะๆ พร้อมๆ กับมองร่างสูงที่เดินนำเธออยู่ด้านหน้า รู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ด้วย และเธอก็เชื่อว่าเขาสามารถปกป้องเธอได้...
งานเกษตรแฟร์มีของกินของใช้และพันธุ์ไม้มากมาย ดูแล้ว เพลินตาเพลินใจ แถมยังมีของแปลกๆ มาจากหลายจังหวัด เรียกได้ว่าเดินกันจนเมื่อยเลยทีเดียว
“ลูกสุนัขน่ารักจังเลยค่ะ” เธอเห็นสุนัขเป็นไม่ได้ รู้สึกอยากเข้าไปอุ้ม ยกขึ้นมากอดและหอมด้วยความมันเขี้ยว
“น่ารักดีครับ ไปทางโน้นกันเถอะ” ตรัยชี้ชวนให้เดินไปเรื่อยๆ พราวมุกมองลูกสุนัขอย่างเสียดาย แต่ก็ยอมเดินตามแรงจูงของคนข้างๆ
เขากุมมือเธอเอาไว้ตลอด เพราะกลัวพลัดหลงกัน คนเยอะแบบนี้ตามหากันยากมาก ต้องประกาศหาตัวกันอย่างเดียว
“กินไอติมไหมครับ” ตรัยเอ่ยถามคนข้างๆ เห็นเธอกำลังมองไอศกรีมกะทิโบราณตาวาวเหมือนเด็กๆ ก็รู้ว่าเธออยากกิน
“กินค่ะ” พราวมุกตอบรับแบบไม่อ้อมค้อมเพราะนานๆ จะได้กินไอศกรีมกะทิสักที ตรัยสั่งไอศกรีมกะทิให้คนข้างๆ ก่อนจะสั่งกำชับให้เธอยืนรอเขาอยู่ตรงนี้
“ยืนอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่มา ห้ามไปไหนเด็ดขาด เดี๋ยวพลัดหลงกัน”
“ค่ะพี่ตรัย” เธอตอบรับอย่างว่านอนสอนง่าย เพราะไม่อยากพลัดหลงกับเขาเช่นกัน
“แฟนของแม่หนูนี่น่ารักจังเลยนะจ๊ะ จับมือไม่ยอมปล่อย แถมยังให้ยืนรอกลัวพลัดหลงกันอีก” ท่าที่ตรัยกุมแก้มของเธอแล้วกำชับบอกให้รอ ทำให้แม่ค้าไอศกรีมกะทิโบราณเอ่ยแซว พราวมุกถึงกับส่ายหน้าไปมาทำท่าจะปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ตรัยแย่งพูดเสียก่อน
“ผมฝากด้วยนะครับป้า เดี๋ยวมาครับ” เขาอยากให้ทุกคนเข้าใจแบบนั้น จึงไม่อยากให้เธอปฏิเสธ เขาอยากให้พราวมุกเป็นคนรักและเป็นแม่ของลูกเขาในอนาคต
“พี่ตรัยจะไปไหนคะ” พราวมุกร้องเรียกเอาไว้ แต่เขาเดินหายไปแล้ว เธอจึงหันไปนั่งสนใจไอศกรีมกะทิแทน เขาคงมีธุระ หรืออยากไปซื้ออะไรที่ หมายตาเอาไว้
“อุ๊ย! พี่ตรัย” เธอหยิบหมวกบนศีรษะที่เขานำมาวางครอบให้ มาถือเอาไว้ มองแล้วอมยิ้มเมื่อเขาช่างเลือกสีที่ถูกใจเธอนัก ตรัยเดินมาเมื่อเธอกินไอศกรีมกะทิหมดถ้วยพอดิบพอดี
“หมวกสานจากซุ้มด้านโน้นครับ พี่เห็นว่ามันสวยดี ก็เลยซื้อมาฝาก เอาไว้กันแดด” เขารับไอศกรีมจากแม่ค้ามาถือเอาไว้ก่อนจะรับประทานไปพร้อมๆ กับเธอ
พราวมุกจึงสั่งอีกถ้วยหนึ่ง นั่งรับประทานไปพร้อมๆ กับเขาอีกรอบ ไอศกรีมของคุณป้าหอมมาก ไม่หวานจนเกินไป แถมกะทิยังสด รสชาติ กลมกล่อม
“อร่อยไหมครับ” เขาเอ่ยถาม
“อร่อยค่ะพี่ตรัย พี่ตรัยคะ ร้านนั้นขายส้มตำไก่ย่าง” เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่ที่เดินมาซื้อไอศกรีมกะทิ ไม่พลาดโอกาสที่จะชี้ชวนให้คนข้างๆ ดู
“ก็เอาสิ” เขาพูดอย่างใจดี รู้ว่าเธออยากรับประทานส้มตำไก่ย่างแน่นอน
“สั่งมาแล้วต้องช่วยกินนะคะ” เธอพูดแล้วน้ำลายสอ หันไปขอความช่วยเหลือจากเขาด้วย พอพูดแบบนี้ก็คิดถึงพี่ชาย เวลาพายัพพาเธอไปเที่ยว เขามักจะช่วยเธอกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
“เอาสิ” ตรัยพยักหน้าให้อย่างตามใจ
เขาเดินตามแรงจูงของเธอไปยังร้านดังกล่าว ก่อนจะสั่งลาบ ส้มตำ น้ำตก และอกไก่ย่าง ตรัยนั่งมองหญิงสาวอย่างมีความสุข เธอเป็นคนกินเก่ง เขาก็ช่วยเธอกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเพราะเวลานี้เขาต้องทำตัวเป็นพี่ชายชั่วคราวของเธอไปพร้อมๆ กัน
หลังจากนั้นทั้งสองจึงเดินย่อยอาหารกันต่อ ไปเจอบรรดาแมลงทอดทั้งหลายขายวางเรียงรายอยู่หลายร้าน คนอยากชิมชี้ชวนคนข้างๆ ตรัยจัดการซื้อแล้วพาเธอเกี่ยวก้อยเดินไปนั่งรับประทานอีกด้านหนึ่ง ระหว่างทางมีเครื่องจักรสาน เสื้อผ้าพื้นเมืองให้เลือกชมมากมาย
“แก้วน้ำสวยจังเลยค่ะ” เธอมองแก้วน้ำอย่างละลานตา ลายสวยแปลกตา อยากซื้อไปเก็บไว้ที่บ้าน
“เอาไหม พี่ซื้อให้” ตรัยเอ่ยถามอย่างเอ็นดู
“เอาค่ะ แต่พราวซื้อเองนะคะ ไม่อยากรบกวนพี่ตรัย อุตส่าห์พามาเที่ยวแล้ว มาออกเงินให้พราวเสียทุกอย่าง เดี๋ยวกระเป๋าแฟบกันพอดี” เธอพูดติดตลก แต่รู้สึกเกรงใจเขาจริงๆ
“ไม่แฟบหรอกครับ ตบดูสิ” เขาจับมือเธอไปตบๆ ตรงกระเป๋า พราวมุกหัวเราะเบาๆ แค่เขาจับมือ เธอก็รู้สึกแปลกจากที่เคยเป็น สุดท้ายเขาก็แย่งจ่ายเงินไปหมด
“เดี๋ยวถ้าพราวชอบอะไรจะแอบซื้อเองเลย ถ้าเอ่ยออกไปพี่ตรัยแย่งซื้อไปเสียหมด” เธอพูดแล้วอมยิ้ม ตรัยไม่ได้พูดอะไร เขาซื้อของที่อยากซื้อให้เธออย่างไม่เกี่ยงงอน
“งั้นพี่ซื้อให้ดีกว่า กระเป๋าสานใบนี้เป็นไง แบบที่พราวชอบ” เขาหยิบขึ้นมาให้เธอดู
พราวมุกค่อนข้างติดดิน เธอไม่ใช่พวกนิยมวัตถุ ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงหรือฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ แต่เธอกลับชอบกระเป๋าแบบแฮนด์เมด เสียมากกว่า ดังนั้นเวลาเขาออกต่างจังหวัดหากเจอกระเป๋าสวยๆ น่ารักมักจะซื้อมาฝากเธอ
“สวยจังเลยค่ะ แต่ซื้อให้พราวอีกแล้วเหรอคะ” เธอหน้างอ ไม่อยากให้เขาซื้ออะไรให้ทุกอย่างแบบนี้
“ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับวันทำงานวันแรก โอเคไหมครับ” เขามีวิธีพูดให้เธอรับกระเป๋าจนได้
“พูดแบบนี้ พราวจะปฏิเสธได้ยังไงกันคะ งั้นขอบคุณมากๆ ค่ะพี่ตรัย”
พราวมุกยกมือไหว้ขอบคุณ ตรัยโยกศีรษะน้องสาวเพื่อนอย่างเอ็นดู ปนรักใคร่
“เดินไปทางโน้นกันดีกว่า” เขาชี้ชวน กุมมือนิ่มเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ระหว่างทางมีของกินติดไม้ติดมือไปตลอดทาง แม่ค้าก็ใจดีทักทาย ยิ้มแย้มกับลูกค้าและผู้คนที่มาเที่ยวงาน พราวมุกหันไปเห็นหอยทอดกลิ่นหอมกรุ่นก็น้ำลายสออีกรอบ เธอลูบท้องตัวเองไปมา อาจเพราะกินแล้วเดินออกกำลังกายจึงไม่หนักท้อง พอได้กลิ่นอาหารก็หิวไปตลอดทาง
“อยากกินเหรอครับ” คนใส่ใจกระซิบถามที่ริมหู
“รู้ด้วยเหรอคะว่าพราวอยากกินหอยทอด” เธอตาโตนึกประหลาดใจที่เขาใส่ใจเธออยู่ตลอดเวลา
“รู้สิครับ ก็พี่มองแค่พราวนี่นา” เขามองหน้าเธอตรงๆ แววตานั้นสื่อความหมายมากมาย
“เอ่อ...” พราวมุกอึกอัก รู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก มองตามร่างสูงที่เดินไปซื้อหอยทอดใส่กล่องมาให้เธอแล้วยิ้มแก้มปริ
“มันร้อนอยู่นะครับ มาครับ พี่เป่าให้” เขายกขึ้นมาเป่าเบาๆ ในขณะที่เธอทำท่าจะกิน พราวมุกมองอุ้งมือใหญ่ของเขาที่กุมมือของเธอเอาไว้แล้วรู้สึกเขิน
“ไม่ร้อนแล้วครับ อ้าปากสิ เดี๋ยวพี่ป้อนให้”