บทที่4
เป็นเสือต้องออกล่า
กลางดึกของคืนนั้นเมื่อข้าวปั้นหลับไปแล้วธันวาก็ถอดคราบอาจารย์หนุ่มเตรียมกลายเป็นป๋าธันวาเพื่อออกล่าเหยื่อ เขามีที่ประจำนั่นก็คือผับของเพื่อนในกลุ่ม เฟรม เพื่อนรักสิงห์นักล่า ทั้งสองมีความเป็นนักล่าในตัวสูงไม่ว่าสาวๆ คนไหนที่ถูกพวกเขาเข้าหาไม่เคยมีหลุดรอดออกไปสักคน
“กว่าจะมาได้รอลูกหลับหรือไงไอ้ฉิบหาย”
“หึ มึงก็พูดไป”
“ก็กูพูดเรื่องจริงทุกวันนี้มึงไปไหนก็หิ้วเด็กมอปลายไปด้วยจะบอกว่าเลี้ยงต้อยก็ไม่แปลก ฮ่าๆๆ”
“ส้นตีนนี่ไง ช่วงนี้แม่กูไม่อยู่กูเลยต้องดูแลอยู่แต่บ้านก็เครียดเลยพาไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็แค่นั้น”
“เออ กูรู้แล้วว่าแต่นิ่มมึงเก็บไปหรือยังของที่กูให้ไปเด็ดปะ”
“ก็ดีสามชั่วโมงยังไม่แตกมันคือยาอะไรวะ”
“มันเป็นยาชูกำลังแต่ไม่มีฤทธิ์กดประสาทแต่อาจจะมีนิดหน่อย ตลาดมืดกำลังมาอาการมันเป็นยังไงบ้าง”
“สำหรับกู กูเฉยๆ ว่ะแค่รู้สึกมันๆ เสียวๆ แต่ไม่ได้ถึงกับอยากกลับไปเอากับนิ่มต่อ”
“อย่าบอกว่าสวยแต่หลวมนะไอ้สัด ฮ่าๆๆๆๆ”
สองหนุ่มหัวเราะร่าสายตาก็มองดูสาวๆ ด้านล่างเต้นกันสนุกสนาน เสียงโทรศัพท์ของธันวาดังขึ้นหลายต่อหลายครั้งปลายสายก็คือนิ่มสาวสวยที่เขาพึ่งจะพาไปกินที่พัทยามาเมื่อวานนี้ เธอโทรหาเขาทั้งวันตั้งแต่เดินทางกลับแต่ธันวาเขาไม่ได้อยากสานสัมพันธ์ต่อจึงไม่ได้ใส่ใจ หากโทรมากๆ เขาจะบล็อกเธอทุกช่องทางเพื่อตัดปัญหา
คืนนี้เฟรมหิ้วสาวกลับคอนโดไปแล้วส่วนธันวายังนั่งเซ็งอยู่คนเดียว เขาไม่ได้กระสันอยากหาที่ลงแต่เขาแค่เบื่อกับอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต
“มานั่งคนเดียวไม่เหงาเหรอคะ” สาวสวยเดินเข้ามาทักธันวาจึงยกยิ้มกลับไป เขายังไงก็ได้จะไปต่อก็ไม่ติดอะไรเพราะเขาไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน
“ก็เหงา.... แต่ถ้ามีคุณนั่งด้วยคงไม่เหงาเท่าไหร่”
“แล้วคุณอยากให้มะลินั่งตรงไหนคะ ตรงนี้หรือว่าตรงนี้....” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่ตักของชายหนุ่ม เธอจิกเล็บลงเบาๆ จนความเป็นชายแทบตื่นตัว
ทั้งสองไม่ได้จบแค่ตรงนี้เพราะธันวาพาเธอเข้าไปต่อที่โรงแรมจนเวลาล่วงเลยถึงตอนเช้าเขากลับมาบ้านก็ไม่เจอข้าวปั้นนั่งรอเหมือนทุกวัน สายตาสอดส่องเข้าไปในครัวก็ไม่มีแม้แต่เงา
“ป้าจุกครับข้าวปั้นไปไหนแล้ว”
“หนูข้าวปั้นไปเรียนตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ป้าโทรหาคุณธันวาก็ไม่ติด หนูข้าวปั้นเลยนั่งรถเมล์ไปเรียนเอง”
ผมรีบดูเวลาตอนนี้เกือบ9โมงเช้าแล้วไม่แปลกเลยที่เธอจะไปเรียนเอง ผมรีบกลับขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าดูตารางสอนวันนี้โชคดีที่ผมมีสอนตอน11โมงไม่งั้นคงเสียงานเสียการถูกพ่อด่าจนสำนึกอีกแน่ๆ”
มาถึงโรงเรียนผมก็ปลีกตัวไปสอนนักเรียนโดยไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบของใครแต่เหมือนว่าข้าวปั้นมีเรื่องจะคุยกับผม เธอส่งซิกให้ผมเดินไปหาเธอที่โต๊ะข้างห้องสมุด
“สรุปใครเป็นครูกันแน่วะ” ผมเดินไปหาเธอกับเพื่อนแต่เพื่อนของเธอหยิบรองพื้นกับปลาสเตอร์ปิดแผลส่งให้เธอ เธอจึงส่งต่อมาให้ผม
“คืออะไร”
“รอยที่คออาจารย์เห็นชัดมากค่ะ ทำไมก่อนออกจากบ้านไม่ดูให้เรียบร้อยก่อนคะ”
“เชี่ย!” ผมรีบวางหนังสือลงบนโต๊ะเพื่อเปิดกล้องหน้าดู เมื่อเช้าผมรีบไปหน่อยเลยไม่ทันได้เช็กก่อนออกมา รอยแดงเห็นชัดตั้งแต่ร้อยเมตรไม่รู้ว่าคนหรือปลาช็อกเกอร์ดูเก่งฉิบหาย
“เรื่องนี้หนูต้องรายงานคุณป้านะคะ ตอนนี้คุณป้ากำลังโมโหที่อาจารย์ทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล”
“เดี๋ยว! เธอพูดจริงหรือเปล่าข้าวปั้น 0.0!”
“ฮะๆ ๆ หนูล้อเล่นค่ะหนูไม่บอกคุณป้าหรอกค่ะ เอาแบบนี้ไหมถ้าอาจารย์เลี้ยงขนมหนู หนูสัญญาว่าจะไม่บอกคุณป้าค่ะ ^^”
เดี๋ยวนี้มีต่อรองด้วยเหรอ ผมจับหน้าผากเธอเพราะกลัวว่าเธอจะยังมีไข้อยู่แต่ตัวเธอไม่ร้อนแล้วผมจึงหยิบแบงก์500ในกระเป๋าให้เธอไป
“อยากซื้ออะไรก็ซื้อ”
“ขอบคุณค่ะ หุ หุ ค่าขนม50บาท สามคน 150 ที่เหลือเก็บไว้หยอดออมสินฮะๆๆ”
ผมมองเธอด้วยหางตาก่อนจะแยกตัวไปสอนนักเรียนด้านบน กำหนดสอบปิดภาคเรียนคืออาทิตย์หน้าผมแอบเป็นห่วงข้าวปั้น กลัวว่าเธอจะเครียดจนมีผลกับการสอบ แต่พอสังเกตเห็นเธอสนุกสนานกับเพื่อนๆ มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้มผมก็เบาใจที่เหลือคงมีแค่กำลังใจไว้ผมค่อยพาเธอไปทำบุญก็แล้วกัน
วันต่อมา
ผมตื่นแต่เช้าเพื่อลุกมาใส่บาตรกับเธอ วันนี้ข้าวปั้นบอกว่าเธอจะพาเพื่อนๆ มาติวที่บ้านผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร เธออยู่ที่นี่ไม่ต่างจากน้องสาวผมคนนึง อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ
วันนี้ผมมีสอนห้องเธอด้วยผลการเรียนของเธอดีขึ้นมาก เธอมีสมาธิมากขึ้นสภาพจิตใจฟื้นฟูได้เร็ว โชคดีที่เด็กห้องนี้ไม่ค่อยมีพวกทะมึนส่วนใหญ่จะเน้นเรียนวิชาการพึ่งพาอาศัยกัน โรงเรียนของผมไม่น้อยนักที่จะมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทหรือตบตีกัน อาจจะเป็นเพราะกฎของโรงเรียนที่เข้มงวดด้วยทุกคนเลยเกรงกลัว
“มึงวันนี้กูไปบ้านอาจารย์อาจารย์ไม่บ่นใช่ไหม” เฟย์กระซิบถามข้าวปั้น
“ไม่ กูบอกอาจารย์แล้วเขาบอกตามสบาย”
“งั้นก็ดีเลยกูจะเอาหมูกระทะบ้านกูไปด้วย เดี๋ยวอ่านหนังสือเสร็จทำหมูกระทะกินกัน” ต้นหลิวลูกสาวเจ้าของร้านหมูกระทะเจ้าดังที่มีมากกว่า20สาขา
“โอเคเดี๋ยวกูถามอาจารย์ก่อนว่าที่บ้านมีเตาหมูกระทะไหมมึงจะได้ไม่ต้องขนมา”
“เออดี กูเอามอไซด์ไปต้องไปรับอิเฟย์อีก”
“อาจารย์คะที่บ้านอาจารย์มีเตาหมูกระทะหรือเปล่าคะ”
“มี”
“หนูขอยืมหน่อยนะคะ^^”
สามสาวหันไปประชุมกันต่อประชุมที่ว่าน่าจะเน้นไปเรื่องของกินมากกว่า แต่ธันวาไม่ได้ว่าอะไรเขาปล่อยให้เธอได้เต็มที่กับเพื่อนๆ จะได้กลับมาสดใสเหมือนเดิม
-------------------------------------
ใกล้แล้วค่ะ น้องจะรู้จักการแต่งตัวและรู้จักการเข้าสังคมแล้วรอแม่ของพระเอกกลับมาก่อน อิอิ