“ครั้งแรกเลยนะคะที่เราได้มาดื่มกันแบบนี้” เสียงหวานสดใสในคราแรกของหมิวหมิวกลับกลายเป็นยานยืดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอตะโกนพูดคุยแข่งกับเสียงเพลง พร้อมกับโยกย้ายร่างกายไปมาตามจังหวะคึกคัก
“แก้มพี่ลลินแดงมากเลยค่ะ” ลลินรีบแตะหน้าตัวเองเมื่อโดนน้อง ๆ ชี้และหัวเราะให้กับเธอ
“พี่ไม่เคยดื่มเลยเมาง่ายน่ะ” ลลินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บอกกับน้อง ๆ ที่กำลังส่ายสะโพกโยกกันไปมาอย่างสนุกสนานและสุดเหวี่ยง
อย่าว่าแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย แม้แต่สถานที่แบบนี้เธอก็ไม่เคยมาเลยสักครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่มาที่แบบนี้
“คนแรกเลยนะคะ ที่คนเมาแล้วจะยอมรับว่าตัวเองเมา...” สายป่านพูดขึ้นด้วยเสียงยานคางเช่นกัน
“…ไม่เหมือน” ก่อนจะหันไปจ้องอีกสองหนุ่มกำลังคล้องคอกอดกันเต้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“อะไร มองมาทางนี้ทำไม” รุกที่เห็นสายตาของสายป่านหันไปมองยังพวกเขา ก็โพล่งอย่างกับจะเอาเรื่องกัน
“ใช่ พวกฉันยังโอเค” สกายก็พูดเสริม
“สภาพ นี่เรียกโอเคแล้วเหรอ แน่ใจนะ” สายป่านยืนเท้าสะเอวชี้หน้าทั้งสองหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
“นั่นสิ ยืนยังไม่ตรงเลย” ตามด้วยประโยคสำทับจากหมิวหมิว
“พวกเราไม่ได้ยืนเฉย ๆ เว้ย พวกเราเต้น” พูดจบทั้งรุกและสกายก็เต้นด้วยท่าทางกวน ๆ ใส่เพื่อนสาวทั้งสองที่กำลังยืนสบประมาทตรงหน้า
ลลินส่ายหน้าพลางหัวเราะน้อยๆ มีบางครั้งที่รู้สึกเอือมระอากับการชอบทะเลาะกันของรุ่นน้องทั้งสี่ แต่เห็นอย่างนี้เมื่อถึงโหมดการทำงานทุกคนก็จริงจังมาก อย่างกับเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้
อึก! มือเรียวยกแก้วขึ้นดื่ม
“อื้อ” ดูเหมือนแก้วนี้มือชงจะเริ่มเมาแล้วจริง ๆ เพราะชงเข้มอย่างกับให้เธอดื่มเหล้าเพียว ๆ เลย
“พี่ลลินโอเคไหมคะ” สายป่านเห็นสีหน้าของลลินไม่ค่อยสู้ดีจึงเอ่ยถาม
“พี่ว่าพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า รู้สึกจะมึน ๆ แล้ว” จากที่แค่เริ่มมึน แต่พอดื่มแก้วเมื่อกี้เข้าไป เธอก็ถึงกับต้องก้มหน้าแทบจะฟุบลงกับโต๊ะ เพราะรู้สึกเหมือนจะล้มพับไปให้ได้ ทั้งแสบคอ แถมร่างกายก็ร้อนวูบวาบอยากอาเจียนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“เดี๋ยวสายป่านไปเป็นเพื่อนค่ะ” รุ่นน้องสาวเอ่ยอาสา
“ไม่เป็นไร พี่ไปเองได้ ลุกไปเดี๋ยวขาดตอนหมดสนุกนะ” แม้จะแทบเอาตัวไม่รอด แต่ก็ห่วงว่ารุ่นน้องจะหมดสนุกเพราะตัวเอง
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” เธอเป็นห่วงอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยากสนุกกับตรงนี้ต่อ
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” หมิวหมิวหันมาโบกมือไล่ลลินตามประสาอย่างคนไม่มีสติ
“ดูแลกันดี ๆ ล่ะ” ลลินเอ่ยบอกทั้งสี่คน ที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงมากกว่าเธอเสียอีก
เมื่อบอกกับน้อง ๆ เสร็จ ขาเรียวในรองเท้าส้นสูงก็พยายามประคองตัวเองเดินออกมาจากโต๊ะเพื่อตามหาห้องน้ำ
“ห้องน้ำอยู่ไหนล่ะเนี่ย” ลลินมึนศีรษะ ตาพร่ามัวแทบจะมองอะไรไม่ชัดเจน เมื่อไม่รู้ว่าควรไปทางไหน เธอจึงเดินย้อนไปตรงทางเข้า เพราะหวังว่าที่นั่นน่าจะมีห้องน้ำบ้างละ
เมื่อเดินมาถึงเสียงดังของเพลงที่กระหึ่มก็ลดลงบ้าง มือเรียวค้ำกำแพงเอาไว้เพื่อหยัดตัวยืนตรง ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงเดินต่อแล้ว
ลลินเมาและมึนหัวมาก อยากจะนอนลงให้รู้แล้วรู้รอด
“สาบานเลยว่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต” หญิงสาวพยายามประคองสติ พร้อมบอกกับตัวเองว่าเธอนั้นเข็ดหลาบแล้วจริง ๆ จะไม่แตะต้องของมึนเมาอีกแล้วในชีวิตนี้
ก่อนจะส่งมือเรียวลูบแขนเรียกสติตัวเพราะเธอรู้สึกร้อนกายทั้งข้างในและข้างนอกเป็นอย่างมาก
และในตอนนั้นเอง...
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามดังมาจากด้านหลัง ทำคนตัวเล็กต้องเอี้ยวตัวหันไปมองยังต้นเสียง
“เอ่อ คือฉัน...” เมื่อหันกลับมามองยังเจ้าของเสียง เดิมทีแทบจะทรงตัวไม่อยู่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ตอนนี้เหมือนโดนเล่นงานคูณสองเพราะคนตรงหน้าซ้ำอีก จนลืมไปเลยว่าตอนนี้มาทำอะไรที่นี่ เพราะมัวแต่จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ไม่ไกลกับใบหน้าเธอเท่าไร
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจลลินเต้นดังระรัวแทบจะทะลุออกจากอก เมื่อสบตากับเขาอยู่เนิ่นนาน
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้งทำให้ลลินได้สติ ใบหน้าสะบัดไปมาเบา ๆ เพื่อไล่อาการเห่อร้อน
“คือฉันอยากจะไปเข้าห้องน้ำ ไม่ทราบว่าคุณพอจะรู้ทางไหมคะ” ตาหวานสบตากับคนตรงหน้าด้วยอาการประหม่า และเริ่มรู้สึกคุ้นหน้าเขาขึ้นมา
“มาครั้งแรกเหรอครับ” เสียงหล่อเอ่ยถามพร้อมเผยรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์ สายตาคมจ้องมองเธอด้ววความสนใจอย่างเปิดเผย
“ใช่ค่ะ” ลลินโดนสะกดด้วยเสน่ห์ร้ายที่ออกมาจากแววตาคู่คม ทำให้เธอไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้
“ถึงว่า ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน” ทุกครั้งที่เขาเอ่ยพูด รอยยิ้มร้ายที่มีเสน่ห์ก็เผยทีละนิดอย่างน่าหลงใหล ทำให้ลลินใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ปกติฉันไม่เที่ยวที่แบบนี้...” เมื่อจบประโยคนี้ของลลิน ทำเอารอยยิ้มตรงหน้าหุบลงเล็กน้อย
ซึ่งการกระทำของเขาทำเอาลลินฉุกคิดว่าเผลอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“...คุณมาบ่อยเหรอคะ” กลับกลายเป็นว่าเธอต้องเป็นคนถามเขาต่อในประโยคถัดมา
ซึ่งนั่นเข้าทางแผนของชายหนุ่มพอดี เพราะเมื่ออีกคนเอ่ยถาม นั่นแปลว่าเริ่มสนใจในตัวเขาบ้างแล้ว
“ผมเป็นเจ้าของที่นี่”