และแล้ววันใหม่ก็มาเยือนปัญหาของคนข้ามภพมาเช่นนางร้ายเงินล้านก็บังเกิดอีกครั้งทั้งเรื่องขับถ่าย อาบน้ำทำความสะอาดช่องปาก ไปจนถึงการแต่งกายช่างยุ่งยากลำบากไปหมด แต่ลำบากเพียงใดเธอก็ต้องปรับตัวให้จงได้
“วันนี้ยังใหม่ลำบากมากก็ถือว่าปกติ”
คนที่ชอบท่องบทออกเสียงพึมพำกับตนเองที่หน้าคันฉ่องที่เป็นทองเหลืองไม่กระจ่างแจ่มใสเหมือนกระจกใสในยุคที่ตายจากมา ทำเอาสาวใช้เช่นฟางปี้เหลียนจับกิริยาที่แปลกประหลาดผิดไปจากคุณหนูก่อนถูกทำร้ายไปอย่างสิ้นเชิง หรือว่าการถูกฟาดศีรษะแล้วยังจมน้ำทำให้สมองของคุณหนูห้านั้นผิดเพี้ยนไปแล้วกันแน่?
...ไม่ได้การแล้วเรื่องนี้ต้องถึงหูของนายท่านแน่...
“แล้วมื้อเช้าปกติข้ารับที่เรือนหรือต้องไปที่โถงใหญ่?”
ภาพในหัวของนางคล้ายกับว่าจางเยว่เซียงต้องเร่งตื่นแต่เช้ามืดฟ้ายังไม่สว่างดีก็ต้องไปที่ใดสักแห่งแต่มันค่อนข้างรางเลือนมิอาจทราบได้ว่าเป็นเพราะศีรษะของกายนี้ก่อนถูกฟาดท้ายทอยจนสิ้นใจไม่พอร่างนี้ยังจมน้ำไปราวชั่วสองก้านธูปหมดดอกอีกด้วยจึงมีผลกระทบกับความทรงจำกล่าวจะนึกออกก็ต้องใช้สมาธิอย่างหนักเรียงลำดับต่อภาพในหัวดังคนต่อภาพจิ๊กซอว์ก็ไม่ปานเช่นนี้
ดังนั้นหากนางไม่อยากปวดหัวศีรษะจนหน้ามืดบ่อยๆ ก็คงต้องใช้วิธีสอบถามเอาจากสาวใช้ใกล้ตัวในภพนี้เท่านั้นเคยดูซีรีส์แนวข้ามภพข้ามมิติมาบ้างไม่ว่าจะเป็นจีน ฝั่งหรือของไทยเองเพื่อเก็บเอาไว้เป็นแนวทางการแสดง ทว่าการข้ามภพของเธอกลับแตกต่างไปจากนางเอกเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง เพราะเท่าที่ติดตามนั้น
นางเอกจะมีความสามารถพิเศษไม่สิ่งใด ก็สิ่งหนึ่งและที่ทุกคนต้องมีก็คือความทรงจำของร่างใหม่ผสานรวมกับวิญญาณของนางเอกผู้นั้น หากแต่เธอกลับมีปัญหาด้านความทรงจำพอสมควรเลย เมื่อวานกับเมื่อคืนเธอคิดว่าคงเพราะตนเองยังใหม่กับร่างนี้ หากแต่มาจนถึงวันนี้สภาพการณ์ของเธอกลับไม่ดีขึ้นเลย ยังดีที่ความทรงจำต่อเหตุการณ์ใหญ่ของกายนี้ยังมีอยู่หาไม่เธอคงมีสภาพไม่ต่างจากคนตาบอดเป็นแน่
“ปกติคุณหนูจะตื่นในปลายยามอิ๋นจากนั้นพอต้นยามเหม่า ท่านก็จะไปเรือนของเหล่าฮูหยิน ดูแลปรนนิบัติจนเรียบร้อยจึงไปที่เรือนของคุณหนูสี่ดูแลอำนวยความสะดวกแล้วแต่คุณหนูสี่ต้องการจนถึงต้นยามเฉินคุณหนูก็จะไปรวมกับนายท่านและเสี่ยวฮูหยินกินมื้อเช้าที่เรือนโถงกลางเจ้าค่ะ”
เพราะฟางปี้เหลียนนั้นนับว่าเป็นเด็กสาวเฉลียวฉลาดจึงจับสังเกตผู้เป็นนายสาวได้ว่าอีกฝ่ายดูมึนงงสงสัยอยู่ตลอดเวลาเลยอธิบายรวบรัดให้อีกจางเยว่เซียงได้เข้าใจกระจ่างในครั้งเดียว และมันได้ผลอย่างยิ่งเพราะทันที ที่ฟางปี้เหลียนนั้นบอกถึงกิจวัตรในช่วงเช้าที่เจ้าของกายนี้ทำอยู่เป็นประจำ ภาพที่สะเปะสะปะก็พลันมารวมกันจนเมฆหมอกที่จับหนาแน่นค่อยกระจ่างสว่างแจ่มใส
“แต่วันนี้คุณหนูยังป่วยอยู่เราไปรวมกับทุกคนที่โถงกลางเลยเจ้าค่ะ”
...หึ!...
พอฟังคำของฟางปี้เหลียนภาพในแต่ละวันก็ยิ่งแจ่มชัดความโมโหของจางเยว่เซียงคนใหม่ก็ปะทุเดือด เกลียดเจ้าของกายนี้กลับเรียกใช้ราวนางทาสช่างเป็นพวกเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลแต่ก็ซดน้ำแกงโดยแท้เหล่าฮูหยินจางผู้นั้น ไม่แปลกเลยที่จางเยว่ซินจะเติบโตมาเป็นเด็กสาวร้ายกาจ ใจร้ายใจดำทำร้ายกันได้แม้นแต่น้องสาวฝาแฝดที่มีใบหน้าและรูปเหมือนกันถึงเก้าส่วนได้ลงคอ
“เดี๋ยวปี้เหลียนเปลี่ยนผ้าพันแผลบนศีรษะให้นะเจ้าค่ะคุณหนู”
พอจัดเก็บที่หลับที่นอนเรียบร้อยฟางปี้เหลียนก็ไปค้นเอากล่องใส่เครื่องมือทำแผลกับกล่องยาที่ท่านหมอจัดเอาไว้ให้ตั้งแต่หลายวันก่อน ที่จางเยว่เซียงนั้นถูกงมร่างขึ้นมาจากบึงบัวท้ายจวน จากนั้นนางก็แกะผ้าพันแผลออกหวีผมให้ผู้เป็นนายสาว แล้วจึงใส่ยาที่แผลแตกช่วงท้ายทอยแล้วจึงพันปิดแผลเป็นอันเสร็จสิ้นการเปลี่ยนผ้าพันแผลและใส่ยา
“คุณหนูวันนี้รู้สึกเช่นไรบ้างเจ้าค่ะปวดแผลหรือปวดในศีรษะอยู่กี่มากน้อยบอกแก่ปี้เหลียนได้นะเจ้าค่ะ”
เพราะฟางปี้เหลียนนั้นก็คือหลานสาวของท่านหมอฟางที่เป็นหมอประจำอำเภอและประจำจวนท่านนายอำเภอจาง ความรู้ทางด้านการแพทย์นางเองเลยพอมีวิชาติดกาย แต่พอมองดูความสามารถของเจ้าของร่างนี้นางร้ายเงินล้านก็ถึงกับท้อ
เพราะจางเยว่เซียงช่างเป็นคุณหนูในห้องหอที่แท้จริง นอกจากงานฝีมือการดูแลงานบ้านงานเรือนนางก็ทำเป็นเพียงดูสีหน้าของพี่สาวฝาแฝดกับท่านย่ามหาภัยผู้นั้น
...เจริญดีแท้...
‘หึ!แต่นับจากนั้นข้าจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเจ้าเองจางเยว่เซียง’
ก็นางเป็นผู้ใดเล่า นี่นางร้ายเงินล้านปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่จำความได้ตบมาแม่ถีบคว่ำมาไม่รู้กี่ราย ท่านย่าก็ท่านย่าเถิดแก่แล้วแก่เลยเช่นนั้นทำตนเป็นร่มมะพร้าวมิใช่ร่มโพธิ์ร่มไทรเช่นนี้นางจะกตัญญูไปเพื่อ? ...
“ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านน้า”
พอเดินมาถึงห้องโถงทุกคนก็มาพร้อมกันแล้ว นางจึงย่อกายทำความเคารพเช่นที่ความทรงจำของร่างนี้ จากนั้นก็เดินตรงไปนั่งประจำที่ของตนเอง มองดูกิริยาของท่านย่ามหาภัยแล้วก็รู้สึกไม่ดี เพราะเมื่อวานพอทราบว่านางฟื้นกลับหยิบไม้หน้าสามสำหรับนางหรือสำหรับที่แห่งนี้มันคือไม่โบยเอาไว้ลงโทษลูกหลายภายในจวนซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะมีเอาไว้ตีจางเยว่เซียงเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้ววันนี้ท่าทีหญิงชราสงบเกินไป
จางเยว่เซียงเลยไม่วางใจทะเลมักสงบก่อนคลื่นลูกใหญ่จะถาโถมฉันใด ท่านย่ามหาภัยสงบเสงี่ยมได้เกรงว่าภัยใหญ่หลวงจะมาถึงนางก็อาจเป็นไปได้
‘ท่านย่าที่เคารพรัก หากท่านย่าพบจดหมายฉบับนี้อาซินคงจากไปไกลแล้ว’
...เหอ...นางคาดเดาเอาไว้ผิดไปเสียเมื่อใดกัน หลังจากมื้อเช้าพร้อมหน้าเหล่าฮูหยินจางก็นำจดหมายของจางเยว่ซินมาเปิดอ่านซึ่งใจความก็ไม่มีอันใดมาก นอกจากขายความตลบตะแลงของยายแฝดร้ายผู้นั้น
“กล่าวมาให้ชัดเจนเถิดเจ้าค่ะท่านย่า ว่าท่านต้องการสิ่งใด”
ทุกคนในห้องถึงกับอ้าปากค้างที่จู่ๆ คนนุ่มนิ่มที่สุดในจวนกลับลุกขึ้นมาถามด้วยกิริยามั่นคง อาจจะกล้าแกร่งว่าท่านนายอำเภอจางผู้เป็นบิดา
“เจ้า...เจ้า...”
ท่านย่ามหาภัยของจางเยว่ซินชี้นิ้วสั่นระริกแต่ก็กล่าวออกมาได้เพียง ‘เจ้า...เจ้า...’ แล้วอึกอักราวปลาแก่สำลักน้ำก็มิปาน กายอรชรที่ยังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้รอบศีรษะใบหน้าหรือก็ยังซีดเซียวอยู่ถึงหกส่วนระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“มันกล่าวยากหรือเจ้าค่ะ ที่จะบอกว่า ‘อาซินก่อเรื่องแล้ว เช่นไรอาเซียงช่วยตบแต่งออกไปแทนอาซินได้หรือไม่?’ น่ะเจ้าค่ะ”
คราวนี้นอกจากทุกคนจะอ้าปากจนคาดว่ากรามอาจค้างดวงตายังเบิกโพลงโตเท่าไข่เป็ดกันไปทั่วหน้าแม้นแต่น้องสาวคนเล็กเช่น’ จางเสียนหนี่ว์’ เด็กน้อยวัยสามขวบปีที่เลิกพยายามจะรื้อเสื้อมารดาเพื่อจะดื่มนมก็ไม่เว้น
“ละ...แล้ว หากข้ากล่าวไปเช่นนั้นเจ้าก็จะตกลงใช่หรือไม่?”
เป็นเหล่าฮูหยินจางที่เป็นขิงแก่เร่งรวบรัดเข้าทางตนเองเพราะคิดว่าเช่นไรคนนุ่มนิ่มเช่นจางเยว่เซียงจะชี้ไปซ้ายนางย่อมหันไปทางซ้ายกำหนดเส้นทางชี้ไปด้านขวาหลานคนนี้ก็ไม่เกี่ยงงอนทว่า...
“ไม่เจ้าค่ะ!”
“!!!”
“!!!”
“!!!”
“!!!”
“ท่านย่าต้องเข้าใจนะเจ้าค่ะว่าท่านมีสิทธิ์จะร้องขอ อาเซียงเองก็มีสิทธิ์จะปฏิเสธ สิทธิ์ของพวกเราเท่ากัน ท่านย่าต้องทำใจยอมรับให้ได้”
บรรยากาศภายในห้องโถงกลางบัดนี้หากมีเข็มสักเข็มตกลงพื้นคาดว่าจะได้ยิน เพราะเสียงลมหายใจของทุกคนภายในห้องผู้ใดหายใจผู้ใดลืมหายใจจางเยว่เซียงรับรู้ได้ชัดเจนเลยทีเดียว
...ให้รู้บ้างว่านี่ตัวแม่มาเอง...หึ!...
ถึงนางไม่เก่งเท่าพี่เบลล่าแต่ขอโทษบุพเพสันนิวาสนางดูวนเวียนจนท่องบทของแม่หญิงการะเกดได้แม่นยิ่งกว่าแม่น วันนี้จะยืมองค์แม่หญิงมาลงย่อมมิติดขัดอยู่แล้ว
“เช่นไรหากท่านย่าและท่านพ่อหมดเรื่องจะกล่าวแล้วอาเซียงคล้ายจะปวดศีรษะยิ่งนัก คงต้องขอตัวก่อน ปี้เหลียนมาช่วยประคองข้าสักหน่อยเถิด”
...บทแม่หญิงปานวาดต้องมาแล้วโอกาสนี้...
นางส่งมือให้ฟางปี้เหลียนจากนั้นก็เสแสร้งเดินนุ่มนิ่มราวกับเมื่อครู่ที่เถียงท่านย่ามหาภัยฉอดๆ หายไม่ไม่เคยมีตัวตนอยู่สักน้อย
“เร่งตามหมอใครอยู่แถวนี้เร่งตามท่านหมอฟางโดยเร็ว!!!”
เป็นท่านนายอำเภอจางที่ลุกขึ้นพรวดพราดแล้วร้องเรียกหาคนไปตามท่านหมอประจำตระกูลมาโดยเร็วเพราะคิดไปแล้วว่าศีรษะบุตรสาวถูกฟาดโดยแรงมิคาดจางเยว่เซียงอาจถึงขั้นฟั่นเฟือนไปแล้วก็เป็นไปได้ หาไม่คนที่ไม่เคยมีปากมีเสียงจะลุกขึ้นมาถกเถียงกับสตรีซึ่งมีอำนาจที่สุดในจวนสกุลจางแห่งนี้ไปได้เช่นไร เขาเองเกิดมาจนสี่สิบแปดหนาวยังไม่กล้าโต้เถียงมารดาสักเพียงครึ่งคำพอวันนี้ลูกสาวแสนเรียบร้อยเปลี่ยนไปท่านนายอำเภอจางจึงกลัดกลุ้มแทบเสียสติไปอีกคน!