และจากเหตุการณ์นั้นเองฉีเล่อจึงไม่อาจรั้งรออีกต่อไป
เวลาเพียงไม่กี่วันงานมงคลสมรสเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเฉินและแคว้นเป่ยฉีจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนกำหนดการจริงอยู่เกือบเดือน
ทุกอย่างเกิดขึ้นดังใจสั่งของฉีเล่อผู้เป็นถึงโอรสคนรองแห่งองค์จักรพรรดิที่มีอำนาจสูงศักดิ์เป็นรองเพียงองค์ฮ่องเต้และองค์รัชทายาท
พิธีมหามงคลสมรสอันยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้นและผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแบบรวดเร็ว
และเพียงไม่นานก็ถึงเวลาแห่งการรอคอย
นั่นก็คือการเข้าหอ...
เฉินลี่หลินในอาภรณ์สีแดงมงคลทั่วทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากำลังนั่งหน้านิ่งในห้องหออันโออ่าแสนวิจิตร นางรอให้พี่สะใภ้นามว่าหลิงเวยและบ่าวรับใช้ออกไปจนหมดเพื่อที่นางจะได้นั่งไตร่ตรองแลประมวลผลแห่งความคิด
นางกำลังคิดชั่งใจในความรวดเร็วเกี่ยวกับบุรุษผู้หนึ่งและงานมงคลสมรสที่เกิดขึ้นกับชีวิตน้อยๆ ของนางอย่างรวบรัดเหลือเกิน
นางยังมิทันได้จัดการองค์ชายสามนั่นเลย นางก็ถูกบุรุษใจร้อนขัดขวางแผนร้ายของนางโดยการใช้สมรสมัดตัวนางเอาไว้มิให้นางได้ไปเล่นซุกซนกับชายใด
องค์ชายฉีเล่อผู้นี้ช่างเป็นบุรุษเลือดร้อนไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของนางเลยสักเสี้ยว ถึงแม้ว่าเขาจะมีท่าทางเย็นชาเรียบเฉยแลดูสุขุมนุ่มลึกเป็นอย่างมาก หากแต่กับนางเขาช่างใจกล้าบ้าบิ่น ทั้งใจร้อนใจเร็ว เขาทำให้นางสนใจในตัวของเขาได้ในเวลาแค่เพียงไม่นาน และเขายังจัดงานมงคลสมรสนี้อย่างยิ่งใหญ่อลังการเพื่อนางในเวลาแค่เพียงไม่นานเช่นกัน
แต่ทว่ามันเร็วไปหรือไม่ ไยนางกำลังเริ่มรู้สึกได้ว่า นางยังไม่ทันได้เตรียมตัว นางยังมิได้เตรียมใจ นางกำลังตี่นเต้น!
ขอดื่มเหล้าย้อมใจหน่อยประไร
เมื่อคิดได้แล้วก็ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อเอากาเหล้าเล็กๆ ที่ซุกซ่อนเอาไว้ออกมาแล้วยกขึ้นดื่มอึกใหญ่ก่อนจะเอื้อมเรียวนิ้วปาดหยดสีใสของน้ำเมาให้ออกจากกลีบปากได้รูปสีสวยไปด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วเกินสตรี
มิรู้ว่าผิดธรรมเนียมประเพณีของที่นี่หรือไม่ แต่นางกำลังตื่นเต้นเหลือจะกล่าว การเข้าหอหมายถึงสิ่งใดไยนางจะไม่รู้ ท่วงท่าแนบชิดสนิทแนบแน่นเยี่ยงไรไยนางจะคิดไม่ออก คนสองคนเรือนร่างเปล่าเปลือยนอนซ้อนทับกัน
บนเตียงนอนนั่น...
หญิงสาวคิดมาถึงตรงนี้จึงปรายสายตาคมเฉี่ยวไปมองยังเตียงนอนสีแดงมงคลอันใหญ่โตเหมาะสำหรับการนอนมากกว่าหนึ่งคนทั้งยังสามารถเล่นท่าผาดโผนวาดวงแขนตีเรียวขาได้หลายท่วงท่า
อา...บนเตียงนอนนั่น
นางต้องอยู่ใต้ร่างของบุรุษ ต้องถูกเขากระทำอะไรต่อมิอะไร ต้องถูกขึ้นคร่อม ต้องถูกจับนั่นจับนี่ ลูบไล้เคล้นคลึง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็พลิกสายตากลับมาแล้วก้มหน้าลงมองช่วงกลางลำตัวที่ส่วนสงวนของตน
อา...ทำใจยังไม่ได้...ไม่ได้จริงๆ
เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ยกกาเหล้าเล็กๆ ในมือขึ้นจรดริมฝีปากแล้วดื่มอึกๆ ติดกันอย่างหนักหน่วง
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้นางทุเลาจากอาการตื่นเต้นเกินมนุษย์
อาซ้อบอกแก่นางว่าอย่างไรบ้างนะ
ครั้งแรกนั้นจะเจ็บอยู่มาก เวลาเดินเหินก็จะลำบากมาก ขาสั่นพั่บๆ เลยก็ว่าได้ใช่หรือไม่ อา...
ขอดื่มเหล้าย้อมใจอีกหน่อยเถิด...
เวลาอันยาวนานเหลือเกินสำหรับฉีเล่อที่ถูกบุคคลทั้งหลายในงานมงคลรั้งตัวเอาไว้คล้ายกลั่นแกล้งกันแต่กลับสั้นหนักหนาสำหรับเฉินลี่หลินที่นั่งรอในห้องหอด้วยใจเต้นระส่ำร่ำๆ จะหลุดออกมานอกอก
เสียงเปิดและปิดประตูห้องหอดังขึ้นแล้ว แต่ทว่าเจ้าสาวของเจ้าบ่าวยังคงนั่งนิ่งๆ เอามือเท้าคางอยู่ที่โต๊ะหน้าเตียงนอน
เจ้าบ่าวในอาภรณ์สีแดงมงคลเดินเข้ามาใกล้เจ้าสาวที่อยู่ในอาภรณ์สีเดียวกันอย่างอารมณ์ดีแต่ทว่าเขารู้สึกผิดสังเกตบางประการ เขาจึงพาเรือนร่างสูงโปร่งงามสง่ามานั่งลงอยู่ข้างๆ เจ้าสาวที่โต๊ะตัวเดียวกันก่อนจะรีบทำตามพิธีการเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวออก
มิใช่ว่าอยากมองหน้านาง แต่กำลังสงสัยว่านางนั่งเอามือเท้าคางแล้วเอนตัวเอียงหน้าเอียงหัวไปมาคืออันใด
"ฉี...เล่อ..."
"..."
เจ้าสาวของเจ้าบ่าวหรี่ตาปรือฉ่ำน้ำแวววาวมองเจ้าบ่าวของตนนิ่งๆ พลางเรียกขานสรรพนามของเขาด้วยเสียงลากยาวชวนขนลุกชูชัน
เห็นได้ชัดว่านางแอบดื่มเหล้า มันใช่หรือไม่!?
ฉีเล่อจ้องมองคนเมาที่ใบหน้าของนางถูกตบแต่งเสียจัดจ้านในแบบที่ไม่เคยเป็น เขาจึงนึกขันขึ้นมา นางจัดได้ว่าเป็นสตรีที่มีใบหน้างดงามสวยเฉียบเป็นอย่างมากหากแต่ไม่นิยมแต่งหน้าแต่งกายให้เปิดเผยขับเน้นความงามสักเท่าไหร่
เมื่อครั้งแรกที่เจอกันเขายังจำได้ดี นางแต่งกายด้วยชุดทหารหญิงสีเข้มออกหม่นติดแผลเป็นเอาไว้บนใบหน้าจนน่าเกลียดกลบความงามจนสิ้น มีเพียงดวงตาโฉบเฉี่ยวคู่นี้ของนางเท่านั้นที่เผยเสน่ห์ออกมา
ชายหนุ่มเอื้อมเรียวนิ้วขึ้นมาแล้วบีบจมูกหญิงสาวตรงหน้าแล้วเอ่ย “สตรีประหลาด”
“...”
เขากล่าวจบคำก็คลี่ยิ้มชอบใจ
เฉินลี่หลินที่แอบดื่มเหล้าย้อมใจไปหลายอึกและเริ่มเสียการควบคุมตัวตนจึงเอ่ย
“ยิ้มพิฆาต...อีกแล้ว” นางยกนิ้วชี้ไปจิ้มที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าแล้วลูบเบาๆ สร้างอารมณ์สั่นสะท้านไม่เบาได้เขาเป็นอย่างมาก
“อย่าไปยิ้มอย่างนี้ให้สตรีนางใดเชียว” หญิงสาวเอ่ยพึมพำเอียงหน้าน้อยๆ บนฝ่ามือที่ยังคงเท้าคางอยู่ สายตาคู่เรียวแต่สวยเฉี่ยวกำลังปรือมองอย่างริบรี่เต็มที
“เจ้าก็อย่าได้มองใครเยี่ยงนี้” ฉีเล่อเอ่ยบ้าง หากนางใช้สายตาสวยเฉียบนั่นมองบุรุษสิบคน บุรุษทั้งสิบคนต้องหลงกลนางเป็นแน่
หญิงสาวหลุดหัวเราะคิก “ห้ามได้หรือ ในเมื่อคนมันงาม”
ชายหนุ่มหลุดหัวเราะบ้าง “เชื่อข้าเถอะ ว่าเจ้ามิได้งามที่สุด”
“หืม...” เฉินลี่หลินได้ยินพลันเลิกคิ้วขึ้นก่อนขมวดเป็นปม“ท่านก็มิได้งามที่สุดเหมือนกัน”
ฉีเล่อหุบยิ้มก่อนแค่นเสียงฮึอยู่ในลำคอ
เฉินลี่หลินเลิกคิ้วยียวนกลอกตาไปมาเหมือนเคย
ทั้งสองจึงนั่งมองตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร...