‘เอาจริง หล่อขนาดนี้มีสิบเมียไปแล้วมั้งอีเจน เค้าจะยอมแต่งงานกับแกทำไมวะ’
‘ฉันว่านางต้องมีซัมติงเว้ย ไม่งั้นนางไม่ยอมแต่งหรอก นางอาจจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ’
‘หรือไม่นางก็อาจจะนิสัยไม่น่าคบ’
‘หรือไม่....’
บลาๆ สิบล้านทฤษฎีที่เพื่อนของฉันต่างตั้งข้อสงสัยหลังจากที่ฉันเอารูปนั่นไปโชว์พวกมันว่าฉันกำลังจะเจอผู้ชายที่หล่อแค่ไหน และโชคชะตาของฉันดีเลิศเพียงใด แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่ข้อกังขาเต็มไปหมด ผู้ชายดีๆ หล่อๆ ปกติที่ไหนจะยินยอมกับประเพณีคร่ำครึแบบนี้ นางต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่างแน่ๆ
แต่ก็ไม่แน่ ขนาดผู้หญิงดีๆ อย่างฉันยังยอมลดวาราศอกกับแม่เลยนะ หมอนั่นอาจจะเห็นหน้าฉันแล้วหลงรักตั้งแต่แรกเห็นก็ได้
เหรอวะ... แต่รูปฉันที่แม่ส่งไปให้บ้านนู้นคือรูปบัตรประชาชนที่หน้าตาเสล่อมาก เอาเถอะ ฉันพยายามที่จะไม่คิดอะไรให้มากกว่านี้ ฉันเลยตกลงที่จะเจอกับเขาเป็นครั้งแรกที่ร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อจะลองศึกษาดูใจกัน ถ้ามันไม่เวิร์ค ฉันก็แค่ถอยออกมา
ร้านนี้เป็นร้านที่ฉันเลือกเองกับมือด้วยการสรรหาจากรีวิวที่บอกว่ามันดีที่สุดในยุทธภพ เป็นร้านอาหารที่อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บนตึกระฟ้าแถมยังหมุนได้ร้อยแปดสิบองศาเพื่อให้เราปริ่มเปรมกับการชมวิวสวยๆ ในเวลากลางคืน ที่นี่รอบๆ ประดับด้วยกระจกใสเพื่อให้เห็นวิวทิวทัศน์ เก้าอี้นีออนหลากสีที่ประดับตามจุดๆ ทำให้ที่นี่ดูแพงและโรแมนติกขึ้นมาหลายระดับ บ่งบอกรสนิยมที่ดีของคนเลือก
ฉันอยู่ในชุดเดรสสีขาวเรียบไม่มีลายยาวถึงเข่ากับรองเท้าส้นสูงสีครีมและต่างหูอันเล็กๆ ไม่แต่งเยอะให้ดูเว่อร์เพราะฉันเชื่อในสโลแกน น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้
สวยแบบเบาๆ แม้หน้าจะโบกมาสิบชั้นแต่ก็ต้องทำให้ดูเบาบางเหมือนสวยมาจากกรรมพันธุ์ ผู้ชายชอบ... ฉันรู้ ฉันเป็นกูรู ฉันอ่านมาเยอะ
ฉันยืนหลบอยู่ตรงมุมเสาและมองนาฬิกาข้อมือสีเงินเพื่อรอให้เขาคนนั้นมาก่อน พอเขามาเมื่อไหร่ ฉันค่อยเดินเข้าไป เพราะฉันไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันกระตือรือร้นจะเจอหน้าหล่อๆ นั่น เดี๋ยวเขาจะได้ใจ... ผู้ชายไม่ชอบอะไรง่ายๆ ฉันรู้ ฉันเป็นกูรู ฉันอ่านมาเยอะ
ฉันยืนอยู่พักนึงก่อนที่จะเห็นคนตัวสูงคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นคนเดียวกับในรูปอยู่ในระยะไกล ผิวขาวราวกับติดหลอดไฟนั่นดูเข้ากันกับเสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงินที่เขาสวม เพราะว่าสายตาฉันไม่ได้ดีเด่มากนักแถมสั้นด้วยก็เลยเห็นหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ แต่เห็นคนตัวสูงยืนโอ้เอ้อยู่นิดหน่อยก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่ฉันจองไว้
หน้าผ่าน ส่วนสูงก็ผ่าน บุคลิกก็ดี หลังตรง อกตั้ง แล้วอะไรทำให้เค้ายอมรับเรื่องนี้ได้นะ... หรือจะเป็นที่หน้าฉันจริงๆ
ฉันเผลอยิ้มขึ้นมานิดนึงก่อนจะทิ้งเวลาให้ห่างสักห้านาทีเพื่อไม่ให้ดูประจวบเหมาะจนเกินไปแล้วค่อยๆ เดินไปนั่งตรงหน้าคนตัวสูงอย่างมีจริตตามที่คุณแม่สอนมา
“สวัสดีค่ะ” สองมือพนมระดับหน้าอก ยกมือไหว้แล้วฉีกยิ้มให้เห็นฟันขาวแต่พองาม นั่งเก้าอี้แบบพอดีไม่เต็มก้นเพื่อความสง่า พลางก้มหัวเล็กๆ
สวยมาก นึกว่าประกวดนางงามอยู่ ผู้ชายชอบผู้หญิงเรียบร้อย ฉันรู้ ฉันเป็นกูรู ฉันอ่านมาเยอะ
เพราะครั้งแรกฉันไม่ได้มองหน้าเขาแบบตรงๆ แต่พอฉันเงยหน้าขึ้นมาและสบนัยน์ตาของคนที่นั่งท่าสบายๆ ฝั่งตรงข้าม ฉันก็ชะงักไปเล็กน้อย เริ่มเข้าใจคนที่ซื้อล็อตเตอรี่แล้วอยู่ดีๆ ก็ได้รางวัลที่หนึ่งขึ้นมา
ฉิบหาย ไฟร่านในใจฉันถูกจุดแล้ว
แม่คะ นี่แหละค่ะ คุณค่าที่เจนคู่ควร คุณแม่เลือกถูกแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่โบราณว่าไว้ว่าเดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด นี่สินะผลตอบแทนของความกตัญญูกตเวทีที่ฉันมีให้กับแม่
เขาหน้าเหมือนรูปเป๊ะ นัยน์ตาเรียวรีนั่นจ้องมาที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะกระตุกยิ้ม
“สวัสดีครับ คุณเจน”
เสียงก็หล๊ออออออออ!
ฉันกรี๊ดอยู่ในใจแต่สิ่งที่แสดงออกไปคือการยิ้มน้อยๆ เหมือนผู้ดีเพื่อไม่ให้เขาตื่นตกใจจนเตลิด ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยเสแสร้งเก่ง ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชาย ความสามารถนี้จะใช้การได้ดีกว่าปกติ
“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ค่ะ เจนว่ามันเป็นทางการไปนิดนึง” ฉันว่าพร้อมเสียงอ่อนหวาน แถวบ้านฉันเรียกว่าเสียงสอง เป็นเสียงน่ารักที่ฉันสร้างมาเพื่อใช้กับผู้ชายหล่อเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ เข้าข่าย เด็ก สตรี ชะนีและตุ๊ดจะได้รับการปฏิบัติแบบสองมาตรฐานทั้งหมด
“จุนนี่น่ารักเหมือนในรูปเลยนะคะ” ฉันเอ่ยปากชมให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกดีด้วยท่าทีกุลสตรีที่สุด แต่ไม่โผงผางให้กระต่ายตื่น เขายิ้มรับและตอบสั้นๆ
“ครับ”
แล้วเขาก็เงียบแต่ก็มองหน้าฉันอยู่ เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“ร้านนี้สวยดีนะคะ อาหารก็อร่อย จุนอยากสั่งอะไรก็สั่งก่อนเลยนะ”
“ครับ”
ฉันชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคนตัวสูงตอบเหมือนเดิมและไม่ได้มีการชวนคุยแต่อย่างใด ทำให้บรรยากาศเริ่มจะอึดอัด ฉันเซ็งนิดๆ หน้าก็หล่อดีแต่ไม่มีคารมเอาซะเลย การที่ฉันจะไปคะยั้นคะยอชวนคุยเยอะๆ ก็จะกลายเป็นฉันอยากจะได้เขามากเกินไป ฉันต้องคีพลุคสวยด้วยสิ...
“จุนนี่เป็นคนพูดน้อยแบบนี้เหรอคะ?” ฉันพยายามชวนคุยอีกรอบ
“ใช่ครับ”
“...ค่ะ” ฉันไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากยิ้มแหยๆ ให้ เฮลโหลแม่ แม่ส่งแสตนดี้ผู้ชายมาให้ฉันแต่งงานด้วยรึเปล่าเนี่ย ไม่แน่ใจว่าไม่มีปากตั้งแต่แรก หรือเขารีบจนลืมเอาปากมาจากบ้าน เงียบกว่านี้นี่ฉันคิดว่าเป็นใบ้แล้วนะ
พอทุกอย่างเงียบอีกครั้ง บรรยากาศที่ควรจะโรแมนติกก็อึดอัดขึ้นมาทันที จุนนั่งจ้องเมนูอาหารอยู่พักนึงแล้วเลื่อนสายตามามองฉันเล็กน้อย เขาเหมือนเพิ่งตรัสรู้ว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้
“เจน ลายมือสวยรึเปล่าครับ”
“เอ๊ะ ก็ถ้าเขียนบรรจงหน่อยก็น่าจะอ่านออกนะคะ อันที่จริงเจนเคยได้ที่หนึ่งคัดลายมือด้วยนะ” ฉันหัวเราะนิดหน่อยและพรีเซ้นส์ข้อดีของตัวเอง จุนยิ้มเล็กๆ ไม่รู้ว่ายิ้มออกมาจากใจรึเปล่า ฉันดูไม่ออก
“งั้นก็ดีเลยครับ ผมมีอะไรอยากให้เจนช่วยเขียนให้หน่อย”
“อะไรเหรอคะ?” ฉันเอียงคอ “ไม่ใช่ว่าจะเล่นมุขให้เขียนชื่อลงในใบจดทะเบียนสมรสหรอกใช่มั้ยเนี่ย” ฉันหัวเราะคิกคักก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีที่คนตัวสูงตอบกลับมา
“ไม่ใช่หรอกครับ” เขายิ้มตอบ แต่แหม ถ้าจะหักหาญกันขนาดนี้ ไม่ต้องยิ้มก็ได้จ้า เอามือมาฟาดหน้ากันเลยดีกว่า
คนตัวสูงหันไปหยิบกระเป๋าและหยิบกระดาษออกมา มันดูเป็นเอกสารอะไรบางอย่างที่ดูทางการมากๆ แถมยังเย็บเล่มและพันด้วยสันกาวสีชมพูอย่างดีวางไว้ตรงหน้าฉัน
“ผู้ใหญ่อยากให้เราทั้งคู่ศึกษาดูใจกันน่ะครับ ผมก็เลยทำแบบฟอร์มมาให้คุณเจนกรอก”
“...แบบฟอร์มอะไรคะ?”
“แบบฟอร์มศึกษาดูใจของกันและกันน่ะครับ ผมแยกไว้ห้าบท บทแรกจะเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป บทที่สองเกี่ยวกับความชอบ บทที่สาม หน้าที่การงาน บทที่สี่ เกี่ยวกับทัศนคติ”
“...เอ่อ”
“ส่วนบทสุดท้าย เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย ผมอยากให้คุณเจนช่วยไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลว่าร่างกายแข็งแรงดี ถ้ามีทายาทจะไม่มีปัญหาน่ะครับ”