เพียงแค่พระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศรอบข้างก็มืดสนิทไม่ต่างกับหมู่บ้านที่จากมา เสียงจิ้งรีดเรไรชวนกันร้องระงมไปทั่วบริเวณ สลับกับเสียงซู่ซ่าและเสียงตะหลิวกระทบกับกระทะที่ดังออกมาจากในครัวเป็นระยะ กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยไปทั่วชวนให้น้ำลายสอ หนูนาที่นั่งทำงานอยู่ที่บริเวณชานบ้านจำต้องทิ้งงานแล้วเดินทำจมูกฟุดฟิดเข้าไปในครัว
“ทำอะไรอะนายศาลาวัด”
“สปาเก็ตตี้ขี้เมา คุณรู้จักไหม” ศิลาตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง ใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่ถึงวันเขาก็ชินเสียแล้วที่บ้านพักแสนเงียบเหงาจะมีใครบางคนเดินเข้าเดินออกได้ตามใจชอบแบบนี้
“รู้จัก เคยเห็นรูปแต่ไม่เคยลองกิน” หนูนาชะโงกหน้ามองสิ่งที่อยู่ในกระทะ หน้าตาเหมือนในหนังสือที่เคยเห็นไม่มีผิด “ทำไมนายทำอาหารฝรั่งเป็น”
“ที่จริงแล้วมันทำง่ายมากนะ”
“เหอะ จะเยาะเย้ยที่ฉันทำของง่าย ๆ ที่นายว่าไม่เป็นใช่ไหม”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คนเราไม่จำเป็นต้องทำเป็นทุกอย่างก็ได้ ทุกคนล้วนมีเรื่องถนัดที่แตกต่างกัน”
ศิลาพูดพลางคีบเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มใส่จานทั้งสองใบ หนูนาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตากวางจ้องมองอาหารที่ไม่เคยลิ้มรสด้วยความสนใจ กลิ่นหอม ๆ และหน้าตาน่ากินปลุกน้ำย่อยในกระเพาะให้เริ่มทำงาน
“พูดเหมือนคนแก่เลย” หนูนาบ่นอุบกับตัวเอง วิธีการพูดของศิลาเหมือนคนแก่ไม่มีผิด ดูเข้าใจโลกคล้ายคนที่ปลงกับชีวิตแล้ว
“คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันแค่สงสัยว่านายสั่งไส้กรอกมาเท่าไหร่กันแน่” เธอเฉไฉไปอีกเรื่อง “เมื่อบ่ายก็ข้าวผัดไส้กรอก ตอนนี้ก็สปาเก็ตตี้ขี้เมาไส้กรอก อย่าบอกนะว่าพรุ่งนี้ก็ไส้กรอกอีก”
“ก็คุณบอกว่าอยากกินไส้กรอก”
“ฉันเนี่ยนะ? ฉันไปพูดตอนไหน” หนูนาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วถามเสียงสูง เธอเนี่ยนะที่พูดว่าอยากกินไส้กรอก ไม่เห็นจะจำได้เลยว่าพูดออกไปตอนไหน
“เมื่อคืน คุณบอกว่าอยากกินไส้กรอกใหญ่ ๆ” ศิลายกไส้กรอกขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่แม่บ้านจะหาได้ให้ภรรยาดู “นี่ใหญ่ที่สุดแล้ว”
“งั้นหรือ...” หนูนาพยักหน้ารับเพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ ไป เมื่อคืนเธออาจจะละเมอพูดแล้วจำไม่ได้ก็ได้ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดีว่าทำไมถึงได้อยากกินไส้กรอก แถมต้องใหญ่ ๆ ด้วย
ไส้กรอกมันมีอะไรดีกันนะ
“คุณหิวแล้วใช่ไหม”
ศิลาถามเรียบ ๆ แต่หญิงสาวรีบส่ายหน้าหวือ
“เปล่านี่ ไม่ได้หิวเล๊ย” ถ้าให้ยอมรับออกไปตรง ๆ ว่าได้กลิ่นหอม ๆ แล้วรู้สึกหิวคงเสียหน้าน่าดู แค่เมื่อบ่ายที่ฟาดข้าวผัดจนเกลี้ยงจานไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียวก็น่าอายพอแล้ว
ใครจะไปคิดว่าตำรวจยศสูงจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ แน่ล่ะว่าสู้แม่ใบบัวไม่ได้ แต่ก็นับว่าอร่อยกว่าฝีมือพ่อหรือพี่ช้างเป็นไหน ๆ
เรื่องนี้หนูนาจะไม่พูดออกไปเด็ดขาด เพราะถ้าพี่ช้างรู้ว่าเธอชอบฝีมือสารวัตรมากกว่าคงน้อยใจใหญ่โต
“ไม่หิวแล้วเข้ามาในนี้ทำไม”
“ก็แค่ได้ยินเสียงดังกุกกักเลยเดินเข้ามาดู เดี๋ยวจะไปแล้ว ไม่ต้องไล่หรอก”
“ผมไม่ได้ไล่”
“ก็นาย...”
โครก!
เสียงท้องที่ร้องขึ้นผิดเวล่ำเวลาทำให้คนที่เพิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่หิวหน้าม้าน หนูนาเม้มปากแน่น ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย ท้องร้องดังไปสามบ้านแปดบ้านแบบนี้นายศาลาวัดต้องหัวเราะเยาะเธอแน่ ๆ
“คุณไปนั่งรอก่อน เสร็จแล้วผมจะยกออกไป” ศิลาไม่ได้หัวเราะเยาะอย่างที่หนูนากังวล เขาแค่เอ่ยออกมาเรียบ ๆ แล้วกลับไปวุ่นกับการตักสปาเก็ตตี้ใส่จานต่อ ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงท้องร้องที่ดังจนบ้านสะเทือนนั่น
ศิลาเข้าใจ หนูนาคงอับอายน่าดู เพิ่งปฏิเสธว่าไม่หิวได้ไม่ทันขาดคำเลยด้วยซ้ำ
พอเห็นว่าอีกคนกำลังเผลอหนูนาก็รีบเก็บเศษหน้าที่แตกละเอียดแล้ววิ่งออกจากครัวทันที ศิลาเงยหน้าขึ้นทันได้เห็นแผ่นหลังไว ๆ ที่หายไปอย่างรวดเร็ว เขาส่ายหน้าเบา ๆ หนูนายังเด็กจึงชอบเอาชนะ รวมถึงไม่ชอบถ้าตัวเองจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถ้าเป็นภาษาฝรั่งเรียกว่าอีโก้สูง แค่หิวยังไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ เพราะกลัวเสียหน้า ทำเป็นเดินเข้ามาถามนู่นถามนี่แต่ดวงตาเอาแต่จับจ้องที่ของกินตลอดเวลา
หนูนายังเด็กมากจริง ๆ
“ลองชิมดูว่าถูกปากคุณหรือเปล่า”
ศิลาวางจานสปาเก็ตตี้ลงตรงหน้าภรรยา หนูนาทำเป็นมองผ่าน ๆ แล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ
“วางไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันก็กินเองแหละ”
“ตามใจครับ” สารวัตรทิ้งตัวลงนั่งตรงข้าม เขาเริ่มม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
หนูนาเหลือบมองตำรวจหนุ่มจัดการกับอาหารจนตาแทบเหล่ และท้ายที่สุดความหิวก็เอาชนะได้ทุกอย่าง มือน้อยจับส้อมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เมื่อไม่เห็นว่าสารวัตรมองมาจึงม้วนเส้นเข้าปากบ้าง
อร่อย!
เป็นอาหารฝรั่งที่เข้มข้นถูกปากคนไทย รสชาติเผ็ดร้อนรสจัดถึงเครื่อง เส้นเหนียวนุ่มไม่เละเปื่อย ไส้กรอกก็เข้ากับเส้นได้ดี
หนูนาไม่รู้ตัวเลยว่ากินมื้อนั้นด้วยใบหน้าที่มีความสุขแค่ไหน ส่วนคนทำได้แต่ลอบยิ้ม จะมีอะไรสุขใจไปกว่าการที่คนกินพึงพอใจกับอาหารที่ตั้งใจทำ
ศิลาชอบทำอาหารพอๆ กับการเป็นตำรวจ เขาเคยคิดว่าถ้าไม่ได้เป็นตำรวจจริง ๆ เป็นเชฟทำอาหารก็ไม่เลว แต่พอสอบติดเรื่องนี้ก็ถูกปัดตกไป ได้แต่ทำอาหารกินเองในบางครั้งที่ว่างจากงานหลัก และไม่บ่อยเท่าไหร่ที่ได้แสดงฝีมือให้คนอื่นเห็น
เขาภูมิใจที่มีคนชื่นชอบในรสมือ ถึงหนูนาจะไม่ได้พูดออกมา แต่การกระทำมันบอกได้ทุกอย่าง
จะว่าไป พรุ่งนี้เขาทำอะไรให้ภรรยากินดีนะ...
.
.
แผนการณ์จับศาลาวัดกินล่มแล้วล่มอีก
หนูนาตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดใจ เมื่อคืนวางแผนไว้เสียดิบดีว่าจะอาบน้ำก่อน ศาลาวัดจะได้ไม่ชิงหลับไปก่อนเหมือนคืนเข้าหอ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ กลับเป็นเธอเองที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้ว
ส่วนศาลาวัดคงตื่นไปนานแล้ว เพราะที่นอนข้าง ๆ เย็นจัด ไร้ไออุ่นจากร่างกายมนุษย์ตัวโต
ร่างเล็กก้าวลงจากเตียงนอน บิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้านแล้วเดินออกไปด้านนอก ดวงตากวางกวาดมองหาสารวัตรหนุ่ม แต่สิ่งที่พบกลับมีแค่ฝาชีสีสดใสที่ครอบบางอย่างไว้บนโต๊ะกินข้าว
“ไปทำงานแล้วหรือ”
หนูนาเดินเข้าไปเปิดฝาชี ในนั้นมีข้าวต้มกระดูกหมูเกือบเต็มหม้อขนาดกลาง เครื่องเคียงมากมายถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม ข้างกันนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กวางเอาไว้
‘ผมมีงานด่วนก็เลยออกไปไม่ได้บอก แต่ผมทำข้าวต้มเอาไว้ให้แล้ว คุณแค่อุ่นมันสักหน่อยก่อนกิน จะได้อร่อย
ศิลา’
“ไหนบอกว่ามีงานด่วน” หนูนาเบะปาก เหลือบตามองข้าวต้มทรงเครื่องสุดอลังการที่คนมีงานด่วนเตรียมไว้ให้ “เอาเถอะ จะกินให้ก็แล้วกัน เห็นแก่ที่ตั้งใจทำทั้ง ๆ ที่มีงานด่วนหรอกนะ”
เธอพูดราวกับสารวัตรหนุ่มอยู่ตรงหน้า ทำท่าทางเหมือนการกินข้าวต้มคือสิ่งที่ฝืนใจที่สุดในชีวิต
“ทำอร่อยทุกอย่างเลยหรือไง” เสียงบ่นงุ้งงิ้งดังออกมาจากแก้มที่พองขยาย ชิมแค่คำเดียว ยังไม่ทันได้เอาไปอุ่นด้วยซ้ำยังอร่อยขนาดนี้ “จะกินให้หมดก็แล้วกัน เสียดายของ”
ไม่ได้กินเพราะติดใจฝีมือเลยสักนิดเดียว
.
.
“แต่งงานเป็นอย่างไรบ้างสารวัตร ผมขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงานเพราะติดธุระที่กรุงเทพฯ” ปฐพี ผู้กำกับการประจำสถานีเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกน้องเดินเข้ามา
ศิลาลาไปแต่งงานสองวัน แต่มันดันตรงกับวันที่ปฐพีเดินทางไปกรุงเทพฯ พอดี เขาจึงไม่ได้ไปร่วมงานของลูกน้องที่จู่ ๆ ก็สละโสดกะทันหัน เล่นเอาสาว ๆ ในอำเภอน้ำตาตกเป็นแถว ๆ เพราะสารวัตรรูปหล่อแต่งงานสายฟ้าแล่บไม่ทันได้เตรียมใจ
“ไม่เป็นไรครับ ส่วนชีวิตแต่งงานก็ปกติดี ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”
“พูดแบบนี้กำลังโกรธผมหรือเปล่าที่เรียกตัวกะทันหัน ไม่ใช่ว่าตอนที่ดาบคมไปตามคุณกำลังนอนกอดภรรยาอยู่หรอกหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ต้องขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องงานสำคัญกว่า” ศิลาเลี่ยงที่จะพูดเรื่องภายในครอบครัวให้คนนอกฟัง แม้คน ๆ นั้นจะเป็นนายก็ตาม
“ไว้ผมจะให้คุณหยุดยาวตอบแทน เมื่อไหร่ที่อยากลางานไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับภรรยาก็รีบบอกผมได้เลย”
“ขอบคุณครับ”
“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องคดีกันดีกว่า” ผู้กำกับวัยกลางคนเริ่มต้นคุยงานอย่างจริงจัง “ที่ผมเรียกคุณมาก็เพราะคดีที่มีชายติดยาเสียชีวิตเมื่อวันก่อน ผมคิดว่ามันมีหลักฐานเชื่อมโยงกับดคีที่หญิงโสเภณีติดยาตายก่อนหน้า”
“อย่างไรครับ”
"สาเหตุการตายของทั้งคู่คือใช้ยาเกินขนาด คุณไม่ได้กลิ่นแปลก ๆ หรือ”
ศิลาเงียบไป เขาไม่คิดว่าผู้กำกับจะสงสัยในจุดเดียวกันกับเขา สองคดีนี้ดูผ่าน ๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย ชายไร้บ้านและโสเภณีที่ไม่รู้จักกัน ใช้ยาเกินขนาดแล้วหัวใจวายตาย เหมือนเป็นการตายที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่ถ้าหากมองดี ๆ แล้วมันจะเห็นอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยซ่อนอยู่
ทั้งคู่ใช้ยาเสพติดเกินขนาดจนตายเหมือนกัน เวลาตายห่างกันเพียงแค่สองอาทิตย์
วิธีการเสพยาคือการฉีดเข้าเส้น
“ผมกำลังสงสัยว่ามันคือคดีฆาตกรรม”
“แต่ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน”
“ใช่ และผมต้องการหลักฐาน”
สารวัตรหนุ่มพยักหน้ารับทันที หน้าที่ของสารวัตรสืบสวนแบบเขาคือการหาหลักฐานเพื่อไขคดีที่เป็นปริศนา และสองคดีที่ดูมีเงื่อนงำก็เป็นหน้าที่ที่เขาต้องไขให้มันกระจ่างโดยเร็ว หากเป็นแค่การใช้ยาเกินขนาดจริง ๆ มันอาจจะจบลงอย่างง่ายดาย แต่ถ้าเป็นคดีฆาตกรรมศิลาค่อนข้างกังวล
เพราะหากเป็นการฆาตกรรมจริง ๆ เขาไม่เห็นมูลเหตุหรือแรงจูงใจอะไรเลย ผู้ตายทั้งสองคดีไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าคนทำคือคนเดียวกันก็แปลได้ว่าฆาตกรไม่เลือกว่าเหยื่อเป็นใคร
ซึ่งมันน่ากลัว ทุกคนในอำเภอนี้ล้วนตกอยู่ในอันตราย
“ที่สำคัญ ผมต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับ ”
“ได้ครับผู้กำกับ ผมจะรีบหาหลักฐานและตัวคนทำให้ได้เร็วที่สุด ถ้าหากมันคือคดีฆาตกรรมอย่างที่คิดจริง ๆ ชาวบ้านจะเป็นอันตราย”
“ฝากด้วยนะ ผมเชื่อว่าคุณทำได้”
ปฐพีมั่นใจเหลือเกินว่าถ้าคดีนี้อยู่ในมือสารวัตรศิลา ปริศนาทุกอย่างจะถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ฝีมือการสืบสวนของศิลาเป็นที่กล่าวขานมานานในหมู่ตำรวจด้วยกัน ในตอนแรกที่รู้ว่าสารวัตรคนเก่งจะย้ายมาที่นี่เขาแทบไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ
นายตำรวจฝีมือดีที่กำลังรุ่งเรืองในเมืองหลวง น้อยคนนักจะยินยอมพร้อมใจมาประจำการในที่ห่างไกลแบบนี้
“ผมจะพยายามครับ”
หลังจากพูดคุยเรื่องคดีเกือบสองชั่วโมงศิลาก็แยกตัวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดาบคมเมื่อเห็นนายดูอิดโรยก็รีบเดินเข้ามาถามไถ่
“สารวัตร ไหวหรือไม่ครับ”
“พอไหว”
“ผมขอโทษที่ไปปลุก...”
“ไม่เป็นไรดาบคม ถ้าเป็นเรื่องงานไม่ต้องเกรงใจ ไปตามผมได้ทุกเมื่อ”
“ครับ อ้อ ผมอุ่นข้าวต้มไว้ให้ในห้องนะครับ ขอโทษที่ถือวิสาสะ แต่ผมกลัวว่าถ้าปล่อยให้เย็นจะเสียรสชาติเอาได้ ภรรยาสารวัตรอุตส่าห์ทำให้ทั้งที”
“เดี๋ยวนะดาบคม” ศิลาเลิกคิ้วสูง “ข้าวต้มหรือ?”
“ครับ ข้าวต้มที่สารวัตรถือมาด้วยเมื่อเช้า กลิ่นหอมทีเดียว รสชาติคงอร่อยน่าดู” นายดาบนึกถึงกลิ่นหอมยั่วน้ำลายแล้วรู้สึกอิจฉาเจ้านายในใจ “ไม่ใช่ทุกคนจะมีภรรยาที่มีเสน่ห์ปลายจวักแบบนี้ สารวัตรโชคดีมากนะครับ”
“คือ...”
“แบบนี้สารวัตรคงหลงภรรยาน่าดู โบราณว่าเสน่ห์ปลายจวักมัดใจผัวได้ดีกว่าทุกอย่าง ผมเองก็หลงเมียเพราะรสมือนี่แหละครับ ฮ่า ๆ”
ดาบคมยืดอกสูงพูดถึงเมียด้วยท่าทางภูมิใจ ศิลาปั้นหน้าไม่ถูก สุดท้ายก็ได้แต่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้นายดาบคนสนิท
“ขอบคุณที่อุ่นข้าวต้มให้นะดาบคม ไปทำงานเถอะ”
“ครับ! สารวัตร”
คล้อยหลังดาบคมสารวัตรหนุ่มก็ส่ายหน้ากับตัวเองเบา ๆ เอาเถอะ เข้าใจว่าภรรยาทำให้ก็ไม่เป็นไร เขาไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อยแบบนี้อยู่แล้ว
เสน่ห์ปลายจวักมัดใจสามีอย่างนั้นหรือ เรื่องนั้นไม่ได้สำคัญกับศิลาแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นภรรยาของเขาไม่จำเป็นต้องมีสิ่งนั้นก็ได้ เพราะเขาจะเป็นฝ่ายทำอาหารให้เธอคนนั้นกินไปทั้งชีวิตเอง