13

1358 คำ
วันต่อมา “เป็นเกียรติอย่างมากที่คนระดับทิโมธีมาด้วยตนเอง” มาเฟียเฒ่าเป็นฝ่ายออกมาต้อนรับและเปิดฉากการสนทนาอันไม่จริงใจนี้ด้วยตัวเอง พร้อมกับยื่นมือเหี่ยวย่นออกมารอรับการกระชับตามมารยาท “เป็นเกียรติของผมมากกว่าครับดอนเซซาเร่” ทิโมธีพูดพร้อมกับเปิดยิ้มกว้าง ยื่นมือไปกระชับเขย่ากันเบาๆ สองสามครั้ง “ฮ่าๆ งั้นก็เป็นเกียรติของเราทั้งสองคน งั้นผมว่าเชิญด้านในดีกว่า” “ขอบคุณครับ” ทิโมธีว่าแล้วก็ก้าวเท้าเดินตามมือที่ผายกว้างเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปยังภายในคฤหาสน์ เมื่อมองไปรอบๆ แล้วแขกที่พาตัวเองมาเยี่ยมเยียนก็อดชื่นชมความสวยงามของทั้งคฤหาสน์ไม่ได้ “คฤหาสน์อบาเต้งดงามสมกับความยิ่งใหญ่ของดอนเซซาเร่จริงๆ” ทิโมธีกล่าวเยินยอขึ้น “โอ ไม่หรอกครับผมไม่ยิ่งใหญ่เลย ผมสู้คุณไม่ได้ทิโมธีคุณยังหนุ่มแน่นและเก่งกว่าผมมาก” ทิโมธีโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ดอนเซซาเร่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ในเมืองเวโรนาไปจนถึงเมืองใกล้เคียงทุกคนรู้ว่าดอนยิ่งใหญ่มากแค่ไหน” “นั่นเป็นเรื่องในอดีตแล้วครับ เพราะปัจจุบันผมมอบงานทั้งหมดไปให้อเล็กซานโดรเขาดูแลแล้ว” “ดอนอเล็กซานโดร” ทิโมธีทวนซ้ำเสียงสูง พลางคิดได้ว่าตั้งแต่เหยียบเท้าเข้ามาเขายังไม่เห็นเงาเจ้าของบ้านตัวจริงและคนที่เขาต้องมาหว่านล้อมด้วยเลย “ขอโทษที่มาต้อนรับช้าครับ มีงานมากมายหลังการกวาดล้างที่ผมต้องตรวจสอบเลยทำให้ลงมาต้อนรับช้าไปหน่อย ต้องขออภัยด้วย” เจ้าของชื่อเอ่ยบอกขณะเดินแช่มช้า แต่ทว่าผึ่งผายตรงมา ร่างองอาจที่มีลอนกล้ามเป็นมัดภายใต้เสื้อเชิ้ตที่ตัดเย็บพอดีตัวส่งให้อเล็กซานโดรยิ่งดูงดงามราวกับเทพเจ้ากรีกโบราณ ฟากทิโมธีที่ได้ฟังเจ้าพ่อหนุ่มเขาก็ยืนยันกับตัวเองว่าไม่ได้คิดไปเองแน่ รอยยิ้มที่เห็นแบบนี้เรียกว่ายิ้มเยาะกับดวงตาที่มองถากถางเขาในทุกประโยคที่ดอนหนุ่มพูดก็ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ การกวาดล้างที่เขาทำเพิกเฉยไม่ช่วยเหลือเพราะไม่แน่ใจในสถานการณ์อันซับซ้อน เขาจึงเลือกที่จะนิ่งๆ รอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่เมื่อไพ่ของเจ้าพ่อหนุ่มกลับมาพลิกเป็นฝ่ายได้เปรียบเขาก็ไม่รอช้าที่จะก้าวออกจากหลังเสาที่ซ่อนอยู่ เพื่อมาแสดงการกล่าวโทษต่อการตัดสินใจผิดของริคคาร์โดและกรมตำรวจ “เป็นคำสั่งลับสุดยอดที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน” “ผมเข้าใจดีครับ เรื่องโกหกที่ไม่ถูกต้องยังไงผมกับแด๊ดก็ไม่กลัวอยู่แล้ว พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ว่าทางกรมตำรวจจะขอหมายค้นออกหมายจับมาอีกกี่สิบครั้งเราก็ไม่หวั่น ความคิดอคติที่ว่าตระกูลอบาเต้รวยมาได้จากการเป็นมาเฟียทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นเรื่องเก่าและล้าสมัยไปแล้ว เป็นความเชื่อผิดเรื่องมาเฟีย ตอนนี้โลกมันพัฒนาไปไกลแล้วนะครับ พวกเราเป็นเพื่อนกับตำรวจและคนในรัฐบาลได้และพวกเราก็ดำเนินธุรกิจที่ถูกกฎหมายทั้งหมด ผมอยากให้พวกเขารู้เสียที” “ผมอยากให้ท่านอธิบดีกรมตำรวจได้มาฟังเอง บางทีท่านอาจจะเลิกล้มความเชื่อแบบเดิมๆ เสียที” อเล็กซานโดรหัวเราะหึ รอให้โลกพลิกตลบกลับหลังเสียก่อนเถอะริคคาร์โดถึงจะเปลี่ยนใจ “ผมกลัวแต่ว่าเขาจะยิ่งโกรธและหาเรื่องจับผมเข้าคุกด้วยข้อหาอื่น” และการพูดคุยกันถึงเรื่องอธิบดีกรมตำรวจก็มีต่ออีกเพียงประโยคเดียว จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองด้านอื่น จนเมื่อทั้งสามเดินมาถึงห้องอาหารใหญ่ เซซาเร่จึงเดินนำไปนั่งที่หัวโต๊ะ ส่วนอเล็กซานโดรนั่งเก้าอี้ถัดมาทางขวามือของบิดาและฝั่งตรงข้ามเขาคือแขกของบ้าน “มาเรียคุณศศิล่ะ” เซซาเร่ถามขึ้นทำให้แม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์ที่ยืนรอรับใช้อยู่หันมองไปทางปากทางเข้าห้องอาหาร ครู่เดียวก็คลี่ยิ้มกว้างคลายความกังวลหนักหน่วง เพราะก่อนหน้านี้สองชั่วโมง ประมุขใหญ่ของบ้านเซซาเร่ใช้ให้เธอไปเรียนคุณหนูคนเล็กไว้แล้วว่าเย็นนี้จะมีแขกมาทานข้าวด้วยหนึ่งคน ให้เตรียมตัวลงมาทานพร้อมกัน เพราะไหนๆ วันนี้ศศิก็อยู่บ้านแล้วจะได้ทำความรู้จักกับคนในแวดวงสังคมชั้นสูงไปด้วยในคราเดียวกัน แต่ทว่าเมื่อเธอเยี่ยมหน้าเข้าไปสิ่งที่ได้รับกลับมาคือหมอนหนุนใบใหญ่และตามมาด้วยสิ่งของอื่นประดามีที่คุณหนูคนงามจะหยิบฉวยมาปาใส่ได้ “คุณหนูคะ ป้ามาเรียเอง” ศศิชะงัก “ศศิขอโทษค่ะ ศศิคิดว่า...” “คิดว่าใครเหรอคะ” มาเรียถามอย่างสงสัย ปกติคุณหนูคนสวยของเธอไม่เคยมีกิริยาก้าวร้าวเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรหญิงสาวลูกเสี้ยวไทยคนนี้จะเก็บกดข่มอารมณ์ไว้ได้ดีเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้แม่บ้านใหญ่ของคฤหาสน์อดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่างมันเถอะ” เมื่อไม่เห็นว่าเป็นคนของพี่ชายใจยักษ์ที่เธอนึกว่าอเล็กซานโดรส่งเข้ามาให้เฝ้าเธออีก ศศิก็ใจเย็นลง “ป้ามาเรียมีอะไรหรือเปล่าคะ” “มีค่ะ คือว่าคุณท่านเซซาเร่ให้ป้ามาเรียนคุณหนูว่าเย็นนี้ให้ลงไปทานข้าวพร้อมกับคุณท่านด้วย วันนี้คุณท่านมีแขกมาทานข้าวที่บ้านด้วยค่ะ เห็นว่าเป็นตัวแทนจากรัฐบาลกลาง” คนอารมณ์ไม่ดีเพราะถูกบังคับให้กลับเวโรนาทั้งที่ไม่เต็มใจทำหน้ามุ่ย ถอนหายใจ เธอยังไม่อยากลงไปพบกับใครบางคนตอนนี้ เพราะคิดถึงวิธีการที่เขาใช้พาเธอกลับมาที่เวโรนาแล้วคุณหนูคนงามก็อดโมโหไม่ได้ ทั้งที่ใจอยากปฏิเสธแต่ก็ไม่อยากขัดใจบิดาที่คงเห็นเธอเพิ่งกลับบ้านมาวันแรกตั้งแต่หายไปสองอาทิตย์จึงอยากชวนเธอให้ทานข้าวด้วย “ศศิจะลงไปค่ะป้ามาเรีย” คุณหนูผู้อยู่ในแวดวงมาเฟียมาตั้งแต่ตัวน้อย ตอบกลับอย่างห้าวหาญ เธอจะไม่ให้เจ้าพ่อหนุ่มทระนงตนไปได้ว่าเขาเขย่าขวัญเธอได้สำเร็จ และไม่เห็นว่าการหลบหนีหน้าอยู่แต่ในห้องจะมีประโยชน์อะไร จากนั้นถึงแม้ศศิจะขุ่นเคือง อยากฆ่าคนที่สั่งให้มาริโอ้พาตัวเธอกลับมาที่เวโรนาให้ได้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและเขาก็ให้ลูกน้องทำสำเร็จ เมื่อมาริโอ้มาเคาะห้องตอนใกล้เช้าทั้งที่เธอยังงัวเงียไม่ตื่นดีเพื่อบอกให้เตรียมกลับเวโรนา และมาริโอ้ก็พูดต่อทันทีแบบไม่เปิดโอกาสให้ศศิได้แหวกลับว่าตอนนี้ที่บ้านบาร์บาร่ามีลูกน้องของเขาคุมเชิงอยู่หน้าบ้านเต็มไปหมด ที่เหลือแค่รอรับคำสั่งจากเขาให้บุกเข้าไปจับบาร์บาร่า เอเจนซี่ชื่อดังมาคาดโทษในข้อหาที่พาคุณหนูศศิของตระกูลมาเฟียใหญ่ไปเดินแบบโป๊เปลือย และไม่ทันที่ศศิจะโต้เถียงกลับใส่หน้าบอดี้การ์ดมือฉมัง ว่าเธอไม่เชื่อลูกไม้ตื้นๆ ของเขา มาริโอ้ก็ชิงเปิดภาพถ่ายจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ศศิดู ศศิจำได้ว่าใบหน้าเธอในตอนนั้นมันคงบูดบึ้งดูไม่จืดทีเดียว เมื่อเห็นลูกน้องนับสิบที่เธอคุ้นหน้าดียืนกระจายกันอยู่เต็มพื้นที่หน้าบ้านพักของบาร์บาร่า ก่อนหญิงสาวจะกระฟัดกระเฟียดเดินกระแทกเท้าตามบอดี้การ์ดหนุ่มออกไป โดยทิ้งของใช้ทั้งหมดกับภาระการดูแลปิดห้องหับไว้ให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้านและบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่บางส่วน ซึ่งจะกลับไปสมทบกันที่เวโรนาในภายหลัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม