Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 19
23.27 น.
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงสัญญาณเ ตือนจากเครื่องวัดชีพจรดังติดต่อกันยาว ๆ ฉันรีบลุกเดินไปดูมือข้างหนึ่งยื่นไปกดปุ่มเรียกพยาบาลอย่างร้อนรน ปากก็ขยับเอ่ยเรียกคุณย่าเสียงสั่น
“คุณย่าคะ คุณย่าทำใจดี ๆ ไว้นะ หนูกำลังเรียกหมอ”
“...”
เสียงวิ่งตึกตักดังใกล้เข้ามาหลังจากตรวจเบื่องต้นฉันก็ถูกเชิญออกจากห้องพักฟื้นทันที พยาบาลวิ่งเข้าออกห้องพักฟื้น ฉันที่ยืนรออยู่หน้าห้องได้แต่ยืนร้องไห้ด้วยความตกใจกลัว
ยามที่รู้สึกโดดเดี่ยว กลับกลายเป็นฉันนั้นนึกถึงใครบางคนที่หายเงียบไปตั้งแต่เมื่อวานตอนดึก และไม่รู้อะไรที่ดลใจให้ฉันโทรหาเขาในตอนนี้ รอสัญญาณสักพักเขาก็รับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
(มีอะไร? ทำไมวันนี้ที่ไร่คนงานบอกว่าไม่ได้ไปทำงาน)
“คุณ...” ฉันสะอึกนิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาถามฉัน หายไปนานหลายชั่วโมงเขาถามเพียงแค่ว่าทำไมฉันไม่ได้เข้าไปที่ไร่อย่างนั้นเหรอ?
(มีอะไรก็รีบพูดมา ผมไม่ว่าง...// มึง เพลงพลินมาแล้ว) กระทั่งได้ยินเสียหนึ่งดังแทรกเข้ามาเป็นเสียงผู้ชายที่เอ่ยถึงชื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อของคนที่ส่งข้อความเข้ามาหาฉันในช่วงดึกของเมื่อวาน
“ฉันอยู่...”
(ค่อยคุย ตอนนี้ยังไม่ว่าง)
“...” เขาไม่ว่าง แล้วฉันจะโทรหาเขาทำไมกันนะ
หลังจากวางสายฉันก็ตัดสินใจโทรหาคุณป้าทันที แต่ยังไม่ทันที่ท่านจะรับสายคุณหมอก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับแววตาและสีหน้าสลด
“คนไข้หัวใจหยุดเต้น ทางหมอพยายามช่วยเต็มที่แล้ว”
“...”
“ทั้งยังเป็นความประสงค์ของคนไข้ที่แจ้งไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา”
“...”
“คนไข้ไม่ประสงค์ให้ยื้อชีวิต หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”
“...”
เหมือนสิ่งที่ได้ยินเป็นเพียงความฝัน ทุกอย่างมันเชื่องช้าไปหมด แม้กระทั่งฉันที่ทรุดนั่งร้องไห้ที่พื้นหน้าห้องพักฟื้นของคุณย่า
“อยากเข้าไปลาท่านไหมครับ” คุณหมอที่ช่วยดูแลอาการคุณย่ามาตั้งแต่ต้นเอ่ยถามอย่างเห็นใจ ฉันพยักหน้าทั้งน้ำตา รู้สึกแน่นหน้าอกและเจ็บปวดไปหมด ยามเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้าไปก็มองเห็นพยาบาลกำลังเก็บอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่าง ๆ ร่างเล็กของคุณย่านอนนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มให้ฉันหลับตาอยู่นิ่ง ๆ ราวกับว่าท่านสบายใจและพึงพอใจที่จะได้พักผ่อนโดยที่ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดอะไรแล้ว
“คะ ฮึก คุณย่า...” ยามเอ่ยเรียกคนที่หลับ น้ำเสียงฉันสั่นเครือจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ยื่นมือไปจับมือเล็กที่เริ่มเย็นชืดของคนบนเตียงไว้แน่น
“นะ ไหนบอกว่าจะรีบหายไงคะ ไหนบอกจะอยู่กับหนูไง ฮึก” ก้อนสะอื้นตีขึ้นมาอีกครั้งฉันทรุดนั่งคุกเข่าบนพื้นซบใบหน้าลงหลังมือท่านอย่างอ่อนแรง
“ฮื่อ!! หนูมีแค่คุณย่านะ ฮึก ไหนบอกจะอยู่กับหนูไปนาน ๆ”
“ไม่มีคุณย่าแล้วหนูจะอยู่ยังไง คุณย่า”
“...”
“หนูรักคุณย่านะคะ รักมากที่สุด”
“...”
“ขอบคุณที่รักและเลี้ยงหนูมาอย่างดี คนเก่งของหนูพักผ่อนนะคะ”
“...”
“ฮึก ไม่ต้องเจ็บแล้วนะคนเก่ง”
เสียงสะอื้นร้องไห้จากฉันดังทั่วทั้งห้อง สัมผัสอุ่นที่แตะลงบนไหล่ยิ่งทำให้ฉันร้องไห้อย่างเสียใจ ในตอนนี้ไม่มีใครคอยอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้กำลังใจฉันได้เลย เป็นคืนที่ต้องเผชิญความเสียใจอย่างโดดเดี่ยวอย่างหรอกเหรอ
“ญาติคนไข้อยากให้ทางเราติดต่อใครให้ไหมคะ?” เสียงคุณพยาบาลเอ่ยถามอย่างเห็นใจ
“ไม่ ฮึก ไม่มีค่ะ มีหนูคนเดียว” ฉันเอ่ยตอบคุณพยาบาลเสียงแผ่วเบา สายตายังจ้องมองคนที่หลับไปอย่างเสียใจ เพราะครอบครัวคนสุดท้ายของฉันท่านได้ไปพักผ่อนเหมือนกับพ่อและอาแล้ว
“อยากให้ทางเราแนะนำขั้นตอนไหมคะ?” เมื่อเห็นว่าฉันอยู่คนเดียวแล้วยังร้องไห้เสียใจกับการสูญเสีย คุณพยาบาลก็ใจดีเอ่ยถามฉัน
“ฮึก ค่ะ ช่วย ช่วยแนะนำขั้นตอนได้ไหมคะ”
“ยินดีมาก ๆ เลยค่ะ ทางเราจะต้องนำร่างคนไข้ไปทำตามขั้นตอนของทางโรงพยาบาล ระหว่างนี้ญาติจะต้องไปติดต่อขอเอกสารใบรับรองการเสียชีวิตจากทางโรงพยาบาลนะคะ พอรุ่งขึ้นวันทำการให้นำเอกสารจากโรงพยาบาลและเอกสารผู้เสียชีวิตไปทำเรื่องขอใบมรณะบัตรที่เขตค่ะ”
“ขะ ขอบคุณค่ะ”
“ระหว่างนี้ดำเนินการที่โรงพยาบาลก่อนนะคะ”
ชุดที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมา ฉันเตรียมชุดโปรดของคุณย่ามาด้วยหวังจะได้สวมให้ท่านได้ใส่ในวันที่กลับบ้าน แต่ฉันไม่คิดว่าท่านจะต้องใส่ในวันที่ไร้ลมหายใจ
ระหว่างดำเนินการเรื่องเอกสารและรอเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทำตามขั้นตอน โทรศัพท์ฉันก็มีสายเรียกเข้ามา เป็นเบอร์คุณป้าที่โทรกลับมาหาฉัน เพียงแค่เห็นชื่อที่บันทึกไว้ น้ำตาฉันก็ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
(หนูพลอย ขอโทษลูกแม่หลับ...)
“คุณแม่...” ฉันเอ่ยเรียกปลายสาย แม้จะพยายามไม่ให้ตัวเองเสียงสั่นแต่ก็ทำไม่ได้เลย
(นะ หนูพลอย หนูกลับมาบ้านเหรอลูกทำไมแม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อแม่ // คุณทำไมหมามันร้องโหยหวนขนาดนั้น) เสียงคุณลุงเอ่ยแทรกเข้ามา ยิ่งทำให้ฉันหลุดร้องไห้สะอื้นอย่างเสียใจ
(หนูพลอย ได้โปรดบอกแม่ บอกแม่ทีว่าไม่ใช่...)
“ฮึก คุณแม่ คุณย่า ฮึก คุณย่าไม่อยู่แล้ว ฮื่อ!! คุณย่าทิ้งหนูไปแล้วหนูไม่เหลือใครแล้ว”
ฉันปล่อยโฮร้องไห้หน้าห้องห้องหนึ่ง ระหว่างนั่งรอเอกสาร ร้องสะอึกสะอื้นแล้วได้แต่กอดปลอบตัวเอง สิ้นเสียงที่เอ่ยบอกก็ได้ยินเสียงโวยวายดังเข้ามาไม่หยุดสิ่งที่ได้ยินก่อนสายจะหลุดไปคือคุณป้าบอกจะรีบมาหาฉัน ฉันร้องไห้จนหอบเหนื่อย ขณะที่เซ็นเอกสารจากทางโรงพยาบาลก็ยังร้องไห้ ลำบากคุณพยาบาลต้องคอยยื่นทิชชูมาให้