Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 18

1006 คำ
Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 18 ก็ชัดเจนดีเหมือนกันที่หายไปก็เพราะอยู่กับแฟนของเขา เรื่องส่วนตัวของฉันอีกฝ่ายคงไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องบอกเลยจริง ๆ “น้องพลอยลูก” เสียงป้านิรดังขึ้นที่หน้าประตูห้องพักฟื้น ด้านหลังของท่านมีคุณลุงขุนเดินตามเข้ามาด้วย ในมือท่านหิ้วถุงอะไรมากมายเข้ามา ฉันจึงรีบขยับเข้าไปช่วยท่านถือของ “กินข้าวหรือยังลูกแม่ทำกับข้าวมาให้ด้วยนะเผื่อหนูจะหิว” คุณป้าเอ่ยบอกกับฉัน ยิ่งได้ยินแบบนั้นฉันยิ่งอยากร้องไห้ การที่ต้องดูแลคุณย่าคนเดียวและรู้สึกเหนื่อยมากขนาดนี้ ยามได้ยินคำถามหรือประโยคแสนอบอุ่นหัวใจก็พานจะทำให้ร้องไห้อยู่เสียเรื่อยไป “พักกินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวแม่ดูคุณย่าให้เอง” “ขอบคุณนะคะคุณป้า” “เรียกแม่เถอะนะลูก แล้วลูกชายแม่โทรมาบ้างหรือยัง?” ท่านเอ่ยถามเสียงเครียด “...” ฉันส่งยิ้มให้ท่านก่อนจะเอ่ยตอบเท่าที่จะแก้ตัวให้เขาได้ แค่ฉันเข้ามาแทรกกลางระหว่างเขากับแฟนแบบนี้ฉันก็รู้สึกผิดมากอยู่แล้ว ไม่อยากจะทำให้เขาต้องโดนผู้ใหญ่ต่อว่าอะไรแล้วล่ะ “คุยแล้วค่ะ มีธุระด่วนต้องไปทำค่ะ” “แม่ไม่อยากจะเชื่อเลย” “อย่ากังวลเลยนะคะ ฝากคุณป้า เอ่อ ฝากคุณแม่ดูคุณย่าสักครู่ได้ไหมคะ หนูขอกินข้าวแป๊บหนึ่ง” เอ่ยอ้อนคุณป้านิรราวกับเด็กน้อย ในช่วงเวลาที่ฉันเหนื่อยแบบนี้ฉันแค่อยากจะอ้อนใครสักคนเท่านั้นเอง และตอนนี้คนที่ฉันวางใจจะอ้อนนอกจากคุณย่าแล้วฉันรู้สึกสนิทใจและอยากจะอ้อนคุณป้านิรเพิ่มอีกคน “ได้เลยลูก กินข้าวแล้วนอนพักสักหน่อยนะเดี๋ยวแม่จะดูคุณย่าเอง” “ขอบคุณนะคะ” ฉันขยับเข้าไปสวมกอดท่านหลวม ๆ โดยที่คุณป้านิรก็ยกแขนโอบกอดฉันไว้เช่นเดียวกัน “มีอะไรคุยกับแม่ได้ทุกเรื่องเลยนะลูกหนูคือลูกแม่อีกคนแล้วนะ” “ขอบคุณค่ะ” ระหว่างที่นั่งกินข้าวฉันก็ลอบมองคุณย่าเรื่อย ๆ ด้วยความไม่สบายใจ มีส่งข้อความพูดคุยกับเพื่อนบ้างเรื่องอาการคุณย่า เพื่อนฉันน่ารักมากเมื่อได้ยินแบบนั้นก็บอกให้ฉันพักงานไปก่อนเพราะไม่อยากให้ฉันห่วงหน้าพะวงหลัง ส่วนงานแปลเล่มที่สองถ้าไม่ทันก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็มีสัญญาหลักอยู่แล้ว แต่พอมีเวลาว่างฉันก็ไม่อยากปล่อยไปให้เสียเวลาเปล่า ๆ เลยนั่งแปลงานไปเรื่อยเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน “นอนพักสักหน่อยไหมลูก หน้าหนูซีด ๆ นะ” คุณป้าเอ่ยเตือน แต่ฉันส่ายหน้าส่งให้ท่านแทน แม้ว่าจะฝืนนอนพักแค่ไหนฉันก็นอนไม่หลับอยู่ดี “สาว ๆ รอก่อนนะพ่อจะออกไปมื้อข้าวร้านอร่อยเข้ามาให้เอง” คุณลุงขุนเอ่ยบอกกับเราในช่วงเวลาเย็น “ซื้อไว้เผื่อมื้อดึกให้ลูกด้วยนะคะคุณ” “ครับเดี๋ยวซื้อเข้ามาไว้ให้หนูพลอยด้วยเลย” คุณป้านิรนั่งพักที่โซฟาฉันจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคุณย่าหลังจากที่กุมมือไว้ท่านก็ลืมตาขึ้นมองฉันอย่างเชื่องช้า กะพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนล้า “เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนบอกหนูได้เลยนะ” ฉันรีบเอ่ยบอกคุณย่าที่ลืมตามองฉันด้วยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งพยายามยกขึ้นลูบผมฉัน แต่ด้วยแรงที่น้อยนิดจากการป่วยทำให้ฉันประคองมือท่านแล้วยกขึ้นวางบนศีรษะตัวเองพร้อมกับฟุบหน้าลงข้างเตียงเอียงหน้ามองคนที่นอนอยู่ แรงขยับแผ่วเบาทำให้ฉันส่งยิ้มให้คุณย่าทันที ห้ามร้องไห้นะพลอย ห้ามร้องไห้ให้คุณย่าเห็นนะ “หนูรักคุณย่านะคะ คุณย่าต้องหายนะเราจะได้กลับบ้านด้วยกัน” “พลอย...” คุณย่าเอ่ยเรียกฉันเสียงแผ่วเบา ต้องขยับเข้าไปใกล้ ๆ ถึงจะได้ยินท่านเรียก “ค่ะคุณย่า” “ย่ารักหนูนะลูก” “หนูก็รักคุณย่า รักมาก ๆ เลย ย่าเป็นทั้งคุณแม่เป็นทั้งคุณย่าให้หนู อ้อ เป็นคุณพ่อให้หนูด้วยนะคะ คนเก่งของหนูรีบหายนะคะ” ฉันเอ่ยคุยกับคุณย่าด้วยน้ำเสียงสดใส แต่ภายในหัวใจนั้นรู้สึกเบาหวิวด้วยความหวาดกลัว “เด็กดีของย่าเป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวแล้ว ย่าขอให้หนูมีความสุขมาก ๆ นะลูก เรื่องที่หนักนิดเบาหน่อยก็คุยกันให้อภัยกันนะ” “คุณย่าคะ ความสุขของหนูต้องมีคุณย่าอยู่ด้วยนะคะ” รีบเอ่ยขัดทันที ฉันยังทำใจยอมรับไม่ได้หรอกประโยคที่ท่านเอ่ยบอกฉันน่ะ ฉันทำใจรับฟังไม่ได้เลย “ย่ารู้ ย่ารู้ลูก” “คุณย่ากินข้าวหน่อยนะคะ เดี๋ยวคุณหมอสุดหล่อจะเข้ามาตรวจด้วยนะ” เอ่ยชวนคุยย่าคุยเล่นและเป็นจังหวะเดียวกับพยาบาลเข็นอาหารเข้ามาให้พร้อมกับตรวจอะไรตามหน้าที่ เห็นดังนั้นฉันก็ค่อย ๆ ขยับออกห่างจากคุณย่า จังหวะที่หันหลังให้ท่านเสี้ยววินาทีฉันรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาออกเงียบ ๆ และภาพนั้นก็คงอยู่ในสายตาป้านิรที่จ้องมองฉันอยู่ตลอดก็ตาม แค่คุณย่าไม่เห็นก็ไม่เป็นอะไรแล้ว “คุณย่ากินข้าวกันนะคะ” “จ้ะลูก” คล้อยหลังพยาบาลออกจากห้องฉันก็ป้อนข้าวคุณย่าพร้อมกับเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ท่านฟัง และฉันก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมากเมื่อวันนี้คุณย่ากินข้าวได้เยอะรวมถึงพูดคุยกับฉันได้ รีบหายนะคะ หนูยังอยากมีคุณย่าอยู่ข้างกาย หนูรักคุณย่านะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม