ญารินครุ่นคิดหาทางออกเรื่องงานที่ต้องทำควบกันสองตำแหน่งจนนอนไม่หลับมาหลายคืน กระทั่งถึงวันที่ปุณณภัทรนัดไว้จะมารับไปหาณฤดีที่ไร่อมรภิรมย์
เสียงข้อความดังขึ้นทำให้คนที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่หน้ากระจกต้องเงยหน้าอ่านข้อความนั้น
“ฉันกำลังออกไป อีกสิบนาทีเจอกัน”
ข้อความจากปุณณภัทรเด้งเข้ามาทำให้หญิงสาวรีบเด้งตัวลุกจากเก้าอี้ ควานหาชุดที่คิดว่าสวยที่สุดออกมาจากในตู้ ลองทาบดูหลายตัวก็ยังไม่มีตัวไหนถูกใจ ท้ายที่สุดเธอก็ต้องเลือกกางเกงยีนขายาวกับเสื้อยืดตัวใหญ่ตามสไตล์การแต่งตัวแบบที่ถนัดเพื่อออกไปรอพบเขา
“มาพอดีเลย ปล่อยให้คุณปุณเขารอเสียตั้งนาน” เสียงมารดาบ่นอุบทันทีที่ลูกสาวก้าวออกจากเรือน ญารินเหลือบมองเขาก่อนจะกระพุ่มมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ให้รอ หนูตื่นเต้นจนแต่งตัวไม่ถูกน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันจะพาแวะหาชุดใหม่ก่อน” ชายหนุ่มปรายตามองการแต่งตัวของอีกฝ่ายอย่างนึกขัดใจก่อนจะหันไปกระพุ่มมือไหว้นวลจันทร์อีกครั้ง “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เสร็จธุระเมื่อไหร่เดี๋ยวจะมาส่งขิมให้ถึงบ้านนะครับ”
“จ่ะ” คนสูงวัยกว่ายิ้มตอบ ญารินจึงโบกมือลาผู้เป็นแม่อีกครั้งก่อนจะเดินตามเขาไปที่รถ
“อ้าว!” อยู่ ๆ เธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรถที่จอดอยู่ตรงหน้า จนคนขับต้องหันมาถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ...หนูคิดว่าคุณจะแว้นมาน่ะค่ะ เลยใส่กางเกงมา” ญารินเกาหัวแกรกเมื่อเห็นรถหรูที่จอดรอ
“ไม่เป็นไรหรอก ใส่ชุดไหนมาก้ได้ ถึงยังไงเดี๋ยวก็ต้องไปเปลี่ยนอยู่แล้ว” พูดจบเขาก็เปิดประตูรถให้ ความเป็นสุภาพบุรุษนี้มันยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ในทันทีว่ากำลังตกหลุมรักเขา
“เราจะแวะที่ไหนเหรอคะ”
“ร้านประจำฉันน่ะ ปกติฉันชอบพาเพื่อนไปที่นั่นอยู่ บ่อย ๆ ” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจในขณะที่เข้ามานั่งในรถฝั่งคนขับ เมื่อมาถึงญารินก็ต้องเสียเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร้านประจำที่เขาว่านั้นเป็นร้านเสริมสวยแบบครบวงจร
ร้านแบบนี้เขาจะพาเพื่อนมาได้ยังไง คงจะเป็นผู้หญิงในสต๊อกเสียมากกว่า
“เขาเจ้าชู้อย่างที่ป้านิดบอกจริง ๆ ด้วย”
“ลงมาสิ” เสียงเรียกของปุณณภัทรดังสติของเธอให้กลับคืนมาก่อนที่หญิงสาวจะก้าวลงจากรถเดินตามเขาเข้าไปในร้าน เพียงแค่เห็นหน้า พนักงานต้อนรับก็ต่างวิ่งแจ้นมาบริการในทันที
“สวัสดีค่ะคุณปุณ ดีใจมากเลยค่ะที่คุณปุณยังไม่ลืมร้านของเรา”
“บริการดีขนาดนี้จะลืมได้ยังไงล่ะครับ” คนเจ้าชู้ยิ้มตอบพลางผายมือไปยังร่างบางระหงที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ช่วยเนรมิตให้หน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ คุณปุณรอสักครู่นะคะ” ว่าแล้วเจ้าของร้านจึงจูงไม้จูงมือญารินเข้าไปทางหลังร้าน จัดการเลือกเสื้อผ้าที่เข้ากับเธอติดมือมาหลายสิบชุดเพื่อลองสวมดูแล้วออกไปให้ปุณณภัทรเป็นคนเลือก
“ชุดนี้เพิ่งมาใหม่...”
“ไม่ผ่าน” ยังไม่ทันที่พนักงานจะนำเสนอเขาก็ชิ่งตอบเสียทันทีที่เห็นญารินกลับออกมาอีกครั้งในชุดเดรสเกาะอก เมื่อได้ยินดังนั้นพนักงานจึงต้องพาเธอเข้าไปเปลี่ยนมาอีกชุด
“ชุดนี้แอมว่าเหมาะ...”
“ไม่ผ่าน” เป็นอีกครั้งที่เขาปฏิเสธ
“ชุดนี้หวานมากเลยค่ะ”
“แต่ผมไม่ชอบ”
ปุณณภัทรยังคงส่ายหน้าเป็นคำตอบครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงชุดสุดท้ายที่เป็นคอลเลคชั่นใหม่ของทางร้าน เป็นชุดเดรสสีหวานกระโปรงขนมชั้นแขนกุด ดูเรียบร้อยไม่โป๊และก็ไม่แก่จนเกินไป
“ตัวนี้แหละ ดูสมวัยเหมาะกับเธอดี” ชายหนุ่มดีดนิ้ว พนักงานจึงคลี่ยิ้มออกมาดีใจก่อนจะรีบจัดการแต่งหน้าทำผมให้ญารินใหม่ยกชุด จากนั้นจึงเปิดม่านออกไปใหม่อีกครั้ง
“เสร็จแล้วค่า”
เสียงของพนักงานดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอสมาร์ตโฟนต้องเงยหน้าขึ้นมอง ไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือคนเดียวกับที่เขาพามาในตอนแรก
ใบหน้าหวานละไมถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแต่บางเบา ขนตาที่เรียงต่อกันเป็นแพรถูกดัดงอนแต่พอดีจนเข้ากับดวงตากลมโตคู่นั้น ผมสีชาที่มัดดังโงะไว้หลวม ๆ ถูกปล่อยให้ยาวสยายไปทั่วแผ่นหลังแล้วติดกิ๊บสีมุขเล็ก ๆ ประดับไว้ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มบาง ๆ ในยามที่เขาจ้องมองมาที่เธอแทบไม่กะพริบตา
“สวย...” วินาทีนั้นเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอเอ่ยปากชมเธอออกไปจนกระทั่งได้ยินเสียงของพนักงาน
“ถูกใจไหมคะคุณปุณ”
“ก็ดี” ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะลุกขึ้นแล้วตรงดิ่งไปที่ราวเสื้อผ้า “เดี๋ยวช่วยจัดเสื้อผ้าแนวเดียวกันนี้ให้อีกสิบชุดนะ เอากิ๊บแบบนั้นด้วย ฉันว่ามันเข้ากับเธอดี”
“ได้ค่ะ จะให้ส่งไปที่ไหนดีคะ”
“ส่งไปที่บ้านผมได้เลย” ปุณณภัทรตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางหยิบบัตรเครดิตขึ้นมาจ่ายเงินจนพนักงานต้องเอ่ยถามอีกครั้ง
ส่งที่บ้านคุณปุณเหรอคะ”
“ใช่ เธอเป็นว่าที่เจ้าสาวของผมน่ะ อีกหน่อยก็จะย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกัน ส่งไปที่บ้านผมน่ะถูกแล้ว”
คำตอบของเขาทำให้ญารินแอบยิ้มออกมาด้วยความปลื้มปริ่มในหัวใจ ถึงจะเป็นงานแต่งงานหลอก ๆ แต่เธอกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินเขากล้าบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นทราบ
“แต่งงาน แบบนี้พวกเราก็อกหักแย่น่ะสิคะ” สีหน้าพนักงานดูเศร้าไปตาม ๆ กันทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น
“แค่แต่งงานเป็นภรรยา ไม่ใช่เจ้าของชีวิตนี่ครับ” เขายิ้มหว่านเสน่ห์ให้พนักงานอีกครั้งจนรอยยิ้มบนใบหน้าหวานจางหายไปในทันที
เธออยากจะออกโรงปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเหลือเกิน หากแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือยิ้มเจื่อน ๆ ออกไปเท่านั้น
“เสร็จแล้วค่ะ ทั้งหมดสามแสนสามหมื่นเจ็ดร้อยบาทค่ะ” เสียงพนักงานอีกคนเอ่ยขึ้นทำให้ญารินถึงกับตาลุกวาว
“สามแสน เสื้อผ้าพวกนี้สามแสนเลยเหรอคะ”
“จะตกใจทำไม อายคนอื่นเขา มันก็ราคานี้อยู่แล้ว” ปุณณภัทรกระซิบบอกแล้วจึงหันไปพูดกับพนักงานต่อ “ยังไงช่วยส่งไปที่บ้านผมให้ด้วยนะครับ”
“ยินดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่แวะเวียนมาอุดหนุน”
เขายิ้มให้พนักงานอีกครั้งแล้วจึงเดินออกไปที่รถโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าคนที่กำลังเดินตามหลังกำลังกัดฟันแน่นเพื่อพยายามทรงตัวบนรองเท้าที่ส้นสูงเกือบสี่นิ้ว
“นี่อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยใส่ส้นสูง”
“ไม่เคยค่ะ” ญารินตอบออกไปตามความจริง ปุณณภัทรจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา เหลือบมองเวลาด้วยความร้อนใจ คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีนั้นเขาจะเดินกลับมาแล้วตัดสินใจตวัดร่างเล็กขึ้นมาอุ้มไว้ในท่าเจ้าสาวจนอีกฝ่ายตัวชาหนึบ
“สายแล้ว เดี๋ยวจะผิดนัดคุณย่า”
“ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” ญารินเม้มปากสนิท อยู่ ๆ มือไม้ก็เย็นเฉียบขึ้นมาทันทีที่ได้ใกล้ชิดเขาในระยะเผาขนแบบนี้ ยิ่งได้เห็นใบหน้าปุณณภัทรชัด ๆ เธอก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก รู้สึกได้ในทันทีว่าหัวใจดวงน้อยมันเต้นระรัวจนแทบจะหลุดร่วงออกมา
“มือเย็นขนาดนี้ เธอตื่นเต้นเหรอ”
“คะ!? ” หญิงสาวผวาวาบเมื่อรับรู้ได้ว่ามือที่วางลงบนต้นคอเขามันเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งเธอจึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติในทันที “คือ...มันก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าหนูต้องไปเล่นละครฉากใหญ่นะคะ”
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก คุณย่าฉันไม่ใช่คนดุ ทำให้ท่านเมตตายอมรับเธอเป็นหลานสะใภ้ก็พอ”
เขากำชับอีกครั้งแล้วจึงวางร่างของเธอลงบนเบาะก่อนที่ตัวเองจะเปิดประตูไปยังตำแหน่งคนขับ เมื่อรถค่อย ๆ ทะยานออกสู่ถนนใหญ่ญารินจึงตระหนักได้ในทันทีว่าความตื่นเต้นจนขนลุกซู่นั้นมันเป็นยังไง ยิ่งรถตีไฟเลี้ยวเข้าสู่ไร่อมรภิรมย์เธอก็ยิ่งตื่นเต้น มือเย็นยะเยือกจนนั่งแทบไม่ติด
“ตื่นเต้นจัง” หญิงสาวประสานมือไว้แนบแน่นก่อนจะเป่าลมหายใจลงบนนั้นเพื่อระงับความตื่นเต้นในแบบของตัวเอง ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าปุณณภัทรลงจากรถไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาเดินมาเปิดประตูฝั่งเธอออกแล้วชะโงกหน้าเข้ามาในรถ
“ยังตื่นเต้นอยู่อีกเหรอ”
“ค่ะ...อ๊ะ ! ” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อลืมตาขึ้นมองแล้วพบว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่ห่างออกไปเพียงไม่ถึงคืบ
“ฉันมีวิธีลดความตื่นเต้น ลองดูไหม”
“เอ่อ...ทำยังไงเหรอคะ” ญารินถามกลับด้วยค;ามอยากรู้ ปุณณภัทรจึงออกคำสั่งอีกครั้ง
“หลับตาก่อนสิ”
“คะ!? ” หญิงสาวตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี วินาทีที่เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลง ไม่คาดคิดเลยว่าริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นจะประทับจูบลงมาที่ริมฝีปากของเธอและครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การใช้ริมฝีปากแตะกันเหมือนครั้งก่อนแต่เขากำลังรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปากเล็กด้วย “อื้อ...”
ญารินปิดตาลงสนิทแน่น รอรับจูบละมุนนั้นด้วยความเต็มใจ ในยามที่ลิ้นหนาเคล้าคลึงหยอกเย้ากับลิ้นเล็กมันกลับทำให้ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่จนความตื่นเต้นเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น
“เป็นยังไงบ้าง หายตื่นเต้นหรือยัง” ปุณณภัทรละจากริมฝีปากของเธอแต่ก็ยังประคองใบหน้าหวานไว้จนหญิงสาวรีบหลุบตาต่ำด้วยความเขินอาย
เขาเพิ่งจูบเธอแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำสีหน้าไม่สะทกสะท้านแบบนี้ด้วย
“เอ่อ...”
“คุณปุณมาแล้วเหรอคะ คุณหญิงกำลังรออยู่ชั้นบนค่ะ” เสียงอุษา แม่บ้านประจำคฤหาสน์หลังใหญ่เอ่ยขึ้นทำให้บทสนทนาสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านั้น
ไม่ให้เขารัก แต่ตัวเองกลับรุกไม่พักเลยนะพ่อ