ตอนที่6 ควบงานสองตำแหน่ง (2)

1696 คำ
ร่างบางระหงสวมชุดยูนิฟอร์มของรีสอร์ตสีแดงเลือดนกกับกระโปรงสั้นเลยเข่ากำลังตรวจนับจำนวนแขกที่ต้องการเยี่ยมชมไร่และอาณาจักรอมรภิรมย์อีกครั้งแล้วจึงหันไปกรอกรายละเอียดในระบบ การทำงานในสัปดาห์แรกผ่านไปได้ด้วยดี โชคดีที่ปุณณภัทรเองก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลยนับตั้งแต่วันที่ไปหาณฤดี ญารินจึงมีโอกาสได้เรียนรู้และทำงานได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง “เป็นยังไงบ้างขิม พอทำได้หรือเปล่า” มินตรา เพื่อนใหม่ที่ทำงานแผนกเดียวกันเอ่ยถามหลังจากที่สอนงานอีกฝ่ายไป ถึงจะเป็นเพิ่งทำครั้งแรกแต่ก็ดูเหมือนว่าญารินก็สามารถเรียนรู้งานได้เร็วจนอดชื่นชมเสียไม่ได้ “คิดว่าได้นะ แต่ก็ยังกลัวผิดอยู่ดี” “ไม่เป็นไรหรอก คุณรินเขาใจดี เขาไม่ว่าหรอก ยกเว้นก็แต่...” เสียงมินตราเงียบหายไปทันทีเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างบางระหงของเขมิกาที่เดินเคียงคู่มากับเมธวิน “หน้าบานมาเชียว” “คนนั้น...ใช่คุณเขมหรือเปล่า” “อือ นั่นแหละ คุณเขมิกา เธอเป็นหุ้นส่วนของที่นี่น่ะ ก็เลยเข้ามาทำงานช่วยคุณเมธ” อีกฝ่ายตอบด้วยท่าทางไม่ชอบใจนัก “ตัวติดกับคุณเมธเสียยิ่งกว่าปลิง” “ไม่เอาน่า เรารีบไปทำงานของเรากันดีกว่านะ” ญารินรีบเปลี่ยนประเด็นสนทนา ถึงจะเพิ่งมาทำงานที่ได้ไม่กี่วันแต่เธอก็พอจะเดาออกว่าพนักงานส่วนใหญ่ที่นี่ไม่มีใครชอบเขมิกาเลยสักคน เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุเพราะยังไม่เคยปะหน้ากันเลยสักครั้ง หญิงสาวละสายตาจากเขมิกาที่กำลังตามเมธวินเข้าออฟฟิศแล้วเตรียมสมุดโน้ตก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถรางไฟฟ้าเคียงข้างมินตราเพื่อพาลูกค้าไปเที่ยวชมไร่และอาณาจักรอมรภิรมย์ เพราะยังเป็นพนักงานใหม่จึงต้องเรียนรู้งานจากตฤณและมินตราก่อนที่เธอจะได้ลงสนามเอง การทำงานในช่วงแรกจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนอกจากต้องคอยหลบหน้าภัสสรที่มักจะมาหาเมธวินอยู่บ่อย ๆ เท่านั้น “พรุ่งนี้สะดวกหรือเปล่า คุณแม่จะให้พาไปดูชุดแต่งงาน” เสียงข้อความจากปุณณภัทรดังขึ้นในขณะที่ญารินกำลังจะเลิกงานในตอนบ่าย “ไวจัง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยแฮะ” หญิงสาวบ่นพึมพำพร้อมกับพิมพ์ข้อความตอบกลับไป “เป็นห้าโมงเย็นได้ไหมคะ” “ได้” เขาตอบกลับมาแต่เพียงสั้น ๆ ญารินยังคงมีสีหน้ากังวลจนคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หันมาเอ่ยถาม “เป็นอะไรเหรอขิม” “เอ่อ...ฉันมีธุระต้องไปทำน่ะ มันจะเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะขอลาสักสองสามวันน่ะ” เธอหันไปขอคำปรึกษาจากมินตราเรื่องวันลาในตอนที่เธอต้องไปเข้าพิธีแต่งงาน “ได้สิ ช่วงนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ คุณตฤณน่าจะให้ลาอยู่แล้ว” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ญารินยิ้มออกมาอย่างพอใจ อย่างน้อยก็พอจะหาเวลาปลีกตัวไปแต่งงานได้ เมื่อเลิกงานในบ่ายของอีกวัน ปุณณภัทรจึงเดินทางไปรับเธอที่บ้านตามเวลาที่นัดหมายไว้ “วันก่อนเธอบอกฉันว่าทำงานที่ไหนนะ” ปุณณภัทรเอ่ยถามในขณะที่ขับรถไปยังร้านชุดแต่งงาน “เอ่อ...ตอนนั้นหนูทำที่บริษัทส่งออกไวน์ของอมรภิรมย์ค่ะ แต่ตอนนี้ลาออกมาทำที่ใหม่แล้ว” หญิงสาวตอบเขาไปแต่เพียงเท่านั้น “เธอมีงานทำก็ดี เราจะได้ไม่ต้องตัวติดกันตลอด” “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับแต่เพียงสั้น ๆ เมื่อเขาไม่ได้ถามอะไรต่อเธอจึงไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดออกไป เพียงไม่นานรถก็มาจอดยังที่หมายก่อนที่เธอจะพบกับปณิตาที่มารออยู่ก่อนแล้ว “คุณแม่ฉันตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าฉันซะอีก” ปุณณภัทรกระซิบบอกเมื่อเข้ามาในร้านแล้วพบว่าผู้เป็นแม่กำลังตรวจดูชุดที่ให้ช่างตัดให้เป็นพิเศษ “อ้าว มากันแล้วเหรอ” ปณิตาละสายตาจากชุดแล้วรีบโบกไม้โบกมือให้ญารินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เพื่อจะอวดชุดที่เธอกับณฤดีช่วยกันออกแบบ “ชุดนี้สวยไหมหนูขิม เป็นชุดเก่าของคุณย่า ท่านรักชุดนี้มากเลยนะ แต่มันอาจจะดูเชยไปป้าก็เลยให้ช่างออกแบบเป็นพิเศษต้อนรับว่าที่สะใภ้เลยน้า” “สวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวจ้องมองชุดเจ้าสาวแบบไทยประยุกต์สีขาวสะอาดตา ประดับด้วยสังวาลสีทองดูเข้ากันแม้มันจะเคยเป็นชุดเก่าเมื่อในอดีต แต่พอออกแบบใหม่มันกลับดูสวยงามจนไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด มือเรียวลูบไล้ไปบนเนื้อผ้าราวกับต้องมนตร์ นี่คือการแต่งงานครั้งแรกของเธอ ความฝันที่จะได้ใส่ชุดเจ้าสาวเคียงข้างกับชายหนุ่มในฝันกำลังจะเป็นจริงแล้วสินะ ใบหน้าหวานฉาบรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงความฝัน ทำให้คนที่นั่งอยู่เคียงข้าง เอียงคอถามอย่างนึกเอ็นดู “ชอบไหมจ๊ะ” “ชอบค่ะ มันสวยมาก แต่มันจะเหมาะกับหนูหรือเปล่าคะ” ญารินตอบอย่างเกรง ๆ แค่ดูสังวาลที่วางเคียงคู่กันเธอก็แทบจะเดาราคาของมันไม่ถูกแล้ว “งั้นเราเข้าไปลองใส่กันดูไหม เดี๋ยวป้าเข้าไปช่วยดูให้” “ค่ะคุณป้า” หญิงสาวยิ้มปริ่มก่อนที่ทั้งสองจะพาชุดนั้นเข้าไปในห้องแต่งตัว ญารินใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อจะสวมมันโดยที่ปณิตาและพนักงานอีกคนคอยช่วย “สวยมากหนูขิม สวยจริง ๆ ” คนสูงวัยกว่ากล่าวชื่นชม เมื่อเห็นญารินสวมชุดนั้นได้แบบพอดีเป๊ะ “ขอบคุณคุณป้ามากนะคะ” “ไม่เป็นไรจ่ะ ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณหนู” ปณิตาจับไหล่เล็กไว้ก่อนจะดันร่างเธอให้หันไปที่กระจก “เห็นหรือยังว่าหนูสวยแค่ไหน เพียงแต่หนูไม่เคยเห็นมันต่างหาก” “...” หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งจ้องมองตัวเองผ่านเงาสะท้อนในกระจกราวกับต้องมนตร์ ไม่คิดเลยว่าในชีวิตเธอจะได้ใส่ชุดที่มีราคาสูงลิ่วเพื่อแต่งงานกับผู้ชายที่ใครหลายคนหมายปอง “ป้าเชื่อว่าสักวันความสวยและความดีของหนูจะมัดใจตาปุณได้ สิ่งที่ป้าบอกก่อนหน้าป้ายังยืนยันคำเดิมนะว่าป้าอยากได้หนูเป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ทำให้ตาปุณหยุดให้ได้” “...” “เสร็จจากงานแต่งแล้ว ป้าคงต้องบินกลับอังกฤษไปสะสางงานที่นั่นสักพัก ป้ากลัวว่าถ้าไม่มีป้า จะไม่มีใครเอาตาปุณอยู่ ป้าฝากความหวังไว้กับหนูได้ใช่ไหม” ปณิตาเน้นย้ำอีกครั้งอย่างมีความหวัง เพราะพ่อกับแม่เพิ่งจะจากไปไม่นาน มีธุรกิจมากมายที่บิดาทิ้งไว้ที่นั่น เธอจึงต้องบินไปกลับอยู่บ่อยครั้งจนกระทั่งปุณณภัทรผิดใจกับณฤดีจนต้องบินไปอยู่ที่นั่นนานถึงสองปี และตอนนี้ลูกชายกลับมาบริหารงานในไทย เธอเป็นลูกคนเดียวจึงต้องบินกลับไปรับช่วงต่อ คิดว่าจะกลับไปขายทุกอย่างทอดตลาดเสียให้หมดแล้วกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดเสียที “ได้ค่ะคุณป้า หนูจะพยายามนะคะ” “มันต้องอย่างนี้สิ ลูกสะใภ้ของแม่” ปณิตาบีบแก้มเนียนใสของญารินด้วยความรักก่อนจะเปิดม่านเพื่อให้เจ้าสาวไปยืนเคียงคู่กับเจ้าบ่าวที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จเช่นกัน วินาทีที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาของปุณณภัทร หัวใจดวงน้อยของญารินเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อนไปทางยุโรปสวมชุดไทยประยุกต์โทนสีเดียวกันที่ถูกตัดเย็บมาเป็นอย่างดี เขาดูดีมากแม้ว่าหน้าตากับชุดที่ใส่จะไปคนละทางก็ตาม “ทั้งสวยทั้งหล่อ เหมาะสมกันมากเลยค่ะ” พนักงานกล่าวชื่นชมเมื่อทั้งสองยืนเคียงข้างกัน ประโยคนั้นทำให้หญิงสาวยิ่งเกิดอาการประหม่าจนรู้สึกได้ว่ามือไม้มันเกะกะไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน “งั้นก็เอาชุดนี้ได้เลย ไม่ต้องแก้ตรงไหนแล้วล่ะจ่ะ” ปณิตาหันไปบอกพนักงานก่อนจะนึกขึ้นได้จึงหันมาถามญารินดู “หรือว่าหนูขิมจะแก้หรือเพิ่มตรงไหนหรือเปล่า” “ไม่แล้วล่ะค่ะ ชุดนี้สวยที่สุดแล้ว” “งั้นก็ตกลงตามนี้เลยนะ” คนสูงวัยกว่าบอกพนักงานอีกครั้ง ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจึงหมุนตัวกลับไปเปลี่ยนชุดเพื่อจะกลับมาคุยรายละเอียดวันงานต่อ “คุณย่าเขาวางไว้กลางเดือนหน้า หนูขิมสะดวกหรือเปล่าจ๊ะ” ปณิตาเอ่ยถาม “สะ...สะดวกค่ะ” ญารินตอบรับถึงแม้จะดูปุบปับไปหน่อยแต่เธอก็เข้าใจดีว่าเป็นงานเร่ง “วันงาน ฉันอยากจะจัดแบบเรียบง่ายภายในครอบครัวที่บ้านอมรภิรมย์ มีแค่ญาติสองฝ่ายไม่กี่คนเพราะถึงยังไงมันก็เป็นงานแต่งที่สร้างขึ้นมาตบตาคุณย่าเท่านั้น เธอตกลงหรือเปล่า” ปุณณภัทรเน้นย้ำอย่างไม่มีเยื่อใยทำให้ญารินใจแป้วไปชั่วครู่ แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาของปณิตาเธอกลับต้องรีบตอบรับในทันที “ได้ค่ะ หนูไม่มีปัญหาเลย” หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่าย ถึงไม่มีภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่ได้จัดงานใหญ่โตหรูหรา วินาทีนี้ขอแค่ได้เป็นเจ้าสาวของปุณณภัทรให้ทำอะไรเธอก็ยอมทั้งนั้น ถึงเขาจะเย็นชาแค่ไหน อย่างน้อยเธอก็ยังมีคุณแม่ของว่าที่สามีช่วยผลักดัน ไม่เห็นต้องยอมแพ้เลยนี่ สู้เค้านะขิม ตอนหน้าจะได้แต่งงานเข้าหอแล้วน้าาา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม