"ถ้าจำไม่ผิดน่าจะวันที่สิบ"
"โอเค ฉันจะได้เคลียร์งานไว้ แล้วหมอว่าไงบ้างอะ"
"ขอบใจแกมากนะ" เธอโชคดีที่มีเพื่อนดีๆ อย่างญาณที่คอยช่วยเหลือ "หมอบอกว่าเด็กแข็งแรงขึ้นมาก คงไม่มีอะไรต้องห่วง"
ญาณขับมาจอดรถตรงที่จุดชมวิว...ทั้งคู่เดินลงไปถ่ายรูปไม่นานก็ขึ้นมา
"ฉันจะพาแกไปชมสวนลิ้นจี่ของอาเหลียง" อาเหลียงคืออาของญาณิศา
" แกโชคดีมากที่มีญาติพี่น้องเยอะ แต่ฉันโชคดีมากกว่าที่มีแก" รมิตาหันมายิ้มให้เพื่อนจนตาหยีเธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"ง้อวว ทำฉันเขินเลย ฮ่าๆ" นานๆ ทีเพื่อนจะพูดอะไรแบบนี้ก็เล่นเอาญาณเสียอาการ
ภายในรถทั้งคู่ต่างคุยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนญาณิศาเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนเพียงคนเดียวที่คอยทักมาถามไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบในตอนนั้นเธอตอบบ้างไม่ตอบบ้างเพราะมีเพื่อนสนิทอีกคนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เรียกว่าสนิทมากกินนอนด้วยกันไปไหนไปกันแต่สุดท้ายก็หักหลังเธออย่างไม่น่าให้อภัย....
เจ็บที่สุดคือเพื่อนที่รักที่สุดทำกันได้ลง....
'ตลอดที่ผ่านมามึงเห็นกูเป็นเพื่อนบ้างไหม กูเจ็บยิ่งกว่าการเสียพี่โชตคือการที่กูเสียเพื่อน แต่ก็ดีแล้วที่ทำให้กูตาสว่าง ไม่โง่เป็นควายเหมือนที่ผ่านมา'
ในวันนั้นเธอร้องไห้...
น้ำตาที่ไหลมันเกิดจากการที่เธอซื่อสัตย์กับคนทั้งสองทั้งเพื่อนทั้งแฟน แต่พวกเขากลับทำลายความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้...
"ถึงแล้ว เหม่ออะไร ยัยเพื่อนรัก" ญาณิศาเห็นว่าเพื่อนนั่งเหม่อลอยมาสักพักแล้ว
" อ้าว ถึงแล้วหรอ ไวจัง" รมิตารีบดึงสติตัวเองคืนมาเธอไม่ควรคิดเรื่องไร้สาระรกสมองพวกนั้นอีก ควรปล่อยให้สองคนนั้นไปสมสู่กัน...
ญาณิศาพารมิตาเข้าไปยังบ้านสวนหลังใหญ่ดูร่มรื่นน่าอยู่มาก
" เซอร์ไพร อาเหลียงสวัสดีค่ะ" ญาณเดินเข้าไปทักทายคุณอายังหนุ่ม ดูหล่อเหลาไม่แก่เลยสักนิด
"อ้าว ไหนบอกอาว่าจะไม่มา"
"ฮ่าๆ ก็เอมอยากมาเซอร์ไพร อาเหลียงคะ นี่เอยเพื่อนเอมค่ะคนที่เอมเคยเล่าให้อาฟังไงคะ" คำหลังญาณ กระซิบเสียงเบา
"สวัสดีค่ะ คุณอา" รมิตายกมือขึ้นไหว้ ตกใจเล็กน้อยที่คุณอาของเพื่อนยังดูหนุ่มไม่แก่เลยสักนิด น่าแปลกจังคนอยู่สวนอยู่ไร่ไม่แก่กันหรอ
"สวัสดีครับ ชื่อคล้ายกันไม่พอหน้ายังเหมือนกันอีกนะ เข้ามาข้างในก่อนมา" คุณอายังหนุ่มพาสองสาวเข้ามายังห้องรับแขกกลางบ้าน..
" อืม เมล่อนนี่อร่อยดีนะ อาเหลียงปลูกเองหรอ" ญาณกินไปชวนคุยไป
"ใช่อาเพิ่งทดลองปลูกได้ไม่นานรสชาติพอใช้ได้อยู่ใช่ไหม"
"ยิ่งกว่าใช่ได้อีกค่ะ อร่อยมากใช่ไหมเอย" เธอหันมาถามเพื่อนสาวที่เอาแต่นั่งกินเงียบๆ
"ใช่ๆ หวานอร่อยมากเลยค่ะ"
"เดี๋ยวต่อไปฉันจะพาแกมากินที่นี่บ่อยๆ ยังมีผลไม้อีกเยอะมากที่อาเหลียงปลูก ผลไม้แปลกๆ ก็มีเยอะ"
" เอม เกรงใจคุณอาเขา" เธอแทบจะมองค้อนเพื่อนถึงญาณจะดูสนิทกับคุณอา แต่เธอไม่สนิท
" ไม่ต้องเกรงใจอาหรอกครับ มาได้ทุกวันมาได้ตลอดถ้ากินเสร็จแล้วเดี๋ยวอาจะพาไปเดินชมสวน" อาเหลียงยิ้มให้กับรมิตาอย่างเป็นมิตร เอ็นดูเป็นลูกเป็นหลานแต่สายตาคุณอาหนุ่มนั้นแพรวพราวมาก
" เห็นไหมอาเหลียงของฉันใจดีมากๆ แกไม่ต้องเกรงใจเลย มาได้ตลอดทุกเวลา ฮ่าๆ" ญาณยิ้มขำ
ทั้งสามเดินเข้ามายังสวนหลังบ้าน เรียกสวนคงไม่ได้ต้องเรียกไร่ผลไม้ถึงจะถูกมีผลไม้นานาชนิดกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา...
"ว้าว เหมือนอาเหลียงจะปลูกเยอะขึ้น ขยันขนาดนี้กล้ามขึ้นแล้วมั้ง นี่แหละเคล็ดลับความหน้าเด็ก" เธอแกล้งแหย่คุณอาเล่น
" ช่วงนี้คนงานเยอะ ใครว่างอยากทำงานอาก็จ้างมาหมด ผลที่ได้มันก็เลยเยอะอย่างที่เห็น ลองชิมดู นี่เป็นผลไม้แปลกจากอินโดนีเชีย" อาเหลียงเด็ดผลไม้ลูกกลมเล็กมาสองลูกแล้วยื่นให้สองสาวลองชิม…
" หืมม รสชาติหวานอร่อยแต่กลิ่นแปลกดีแฮะ แกว่ารสชาติเหมือนอะไร" ฐาณิศาหันไปถามเพื่อน
"ฉันว่าเหมือนทุเรียน แต่ลูกมันเหมือนลำไย"
" เฮ้ยคิดเหมือนกันเลย"
" เก่งมาก ผลไม้แปลกชนิดนี้ที่เมืองไทยเรียกว่าลำไยคริสทัลรสชาติหวานกลิ่นคล้ายทุเรียน"
อาเหลียงพาสองสาวนั่งรถชมสวนแบบสบายๆ ไม่ให้เดินเพราะกลัวสองสาวจะเหนื่อย...ระหว่างชมสวนก็ชิมนั่นชิมนี่คุยกันสนุกเฮฮา จนรมิตาเริ่มสนิทคุ้นเคย ความจริงแล้วอาเหลียงเป็นคนตลกอารมณ์ดีมากและเมื่อได้รู้อายุเธอยิ่งตกใจ ความจริงอาเหลียงยังไม่แก่เลยพึ่งจะอายุ37ปี ก็ว่าทำไมหน้าเด็กเธอเข้าใจว่าคงห้าสิบอัพ
เที่ยวชมสวนจนตะวันใกล้ตกดินทั้งคู่ก็ขับรถกลับ
"ฮ่าๆ แกว่าอาเหลียงหน้าแก่เหรอถึงคิดว่าอายุห้าสิบอัพ " ญาณิศาหัวเราะชอบใจ…
"เปล่านะ ฉันคิดว่าเป็นอาต้องอายุเยอะแล้วใครจะไปคิดว่าอาแกจะยังหนุ่มอยู่" ยังหนุ่มไม่พอยังหล่ออีกด้วย
"อาเหลียงเป็นน้องชายคนเล็กอายุห่างจากพ่อฉันมาก ก็เลยเป็นคุณอายังหนุ่ม แต่ที่สำคัญที่สุดนะ"
"ที่สำคัญอะไร" รมิตาเองก็อยากรู้เผื่อมีเคล็ดลับหน้าเด็ก…
" อาเหลียงยังโสดดดด!!!"