ขายบ้าน(ไม่ใช่นักบุญ)

1027 คำ
........................................ ในตอนเช้าเขาโทรบอกเลขาสาวตามที่คิดไว้ ทำให้มีรถกระบะสี่ประตูสีดำ ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านเขาในทันที โทรปุ๊บก็มาปั๊บแต่ไม่รู้ว่ามาทำไม? กริ่งๆ กริ่งๆ เสียงกดออดหน้าบ้านรัวๆ ดูจะร้อนใจ ไม่ร้อนใจได้ยังไงเพื่อนเธอกับหลานกำลังจะไม่มีที่อยู่ "คุณคะ คุณ ดิฉันขอคุยด้วยหน่อยค่ะ" ญาณิศายืนเกาะรั้วประตูหน้าบ้านด้วยใจร้อนรน เธอดูสุภาพหรือเปล่าวะ หรือต้องพูดยังไง สงสัยเมื่อวานเธอจะเสียมารยาท เขาเลยพาลโกรธจะขายบ้านทั้งหมดเหลือไว้เพียงหลังเดียวที่เขาอยู่... ซวยจริงๆ มารยาทเธอยิ่งมีน้อย "ประทานโทษค่ะ ดิฉันอยากคุยกับคุณ" พูดจนเจ็บคอเขาก็ยังไม่ออกมา ?? "มีอะไรครับ" ปรเมศวร์เดินออกมา ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด "ขอประทานโทษที่มารบกวนค่ะ ดิฉันมีธุระอยากจะคุยกับคุณ" ญาณิศายืนตัวลีบต่างจากเมื่อวาน "ธุระอะไร?" ผู้หญิงคนนี้ดูพิลึกต่างจากเมื่อวาน ทำตัวลุกลี้ลุกลนเหมือนทำความผิดอะไรมา " ฉันอยากคุยเรื่องที่คุณจะขายบ้านค่ะ ฉันมีข้อเสนอดีๆ มายื่นให้คุณ รบกวนช่วยฟังดิฉันหน่อยนะคะ" "คุยนานไหม" ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าบ้าน ถ้านานคงดูแปลกๆ " ไม่นานค่ะแค่แป๊บเดียว" ญาณิศาดีใจเนื้อเต้นที่เขายอมรับฟังเธอ "ข้อเสนอของฉันก็คือฉันจะขอหาลูกค้ามาเช่าบ้านให้คุณแล้วคุณก็จะได้เงินจากค่าเช่า รายได้ดีไม่น้อยเลยนะคะ แถมบ้านทุกหลังก็ยังเป็นของคุณเหมือนเดิม มีรายได้พาสซีฟอินคัม คุ้มแน่นอนค่ะ" เธอไม่เคยทำอะไรเพื่อใครขนาดนี้เลยนะที่ลงทุนทำขนาดนี้ก็เพื่อเพื่อนกับหลาน "ผมไม่สนใจ คุณเป็นเอเจ้นที่จะต้องขายบ้านให้ผมใช่ไหม" "ใช่ค่ะ" ญาณิศาทำหน้าเศร้าเห็นทีจะหมดหวังเพราะคนที่ยอมให้เพื่อนเธอเช่ารอบนั้นคือคุณพริ้งไม่ใช่คนนี้ " ถ้าคุณไม่เต็มใจขาย ผมจะจ้างเอเจนซี่คนอื่น" บ้านก็บ้านเขา เขาจะขายมันก็เรื่องของเขา เธอคนนี้แปลกจริงๆ "ไม่ได้นะคะ จ้างฉันเถอะ คือฉันมีข้อเสนอสุดท้าย สุดท้ายแล้วจริงๆ ค่ะ รบกวนฟังหน่อยนะคะ" ละครดราม่าต้องมาแล้ว ทำไงดีวะไอ้เอมจะช่วยเพื่อนยังไงดี ถ้าจะให้เพื่อนย้ายออกตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาบ้านดีๆ ราคาไม่แพงแบบนี้ได้ที่ไหน...ถึงเธอจะรู้จักบ้านเยอะแต่มันแพงมากถ้าถูกๆ ต้องไปอยู่นอกเมือง "ผมขี้เกียจฟัง" "ฟังหน่อยนะคะได้โปรด คุณจำเมื่อสี่ปีก่อนได้ไหมคะ ฉันเคยโทรขอเช่าบ้านกับคุณพริ้ง ในตอนนั้นเพื่อนฉันลำบากมากตั้งท้องไม่มีที่อยู่ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกคนเดียว ชีวิตของเธอกับลูกน่าสงสารมากเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ได้โปรดเห็นใจและช่วยเธอกับลูกด้วยนะคะ" ญาณิศาเล่าต่อยาวเป็นฉากๆ เอาที่ดราม่าที่สุด เผื่อเขาจะเห็นใจไม่ขายบ้านหลังนั้น จะขึ้นราคาค่าเช่าก็ได้เธอไม่ว่า ขอแค่อย่าเพิ่งให้เพื่อนเธอย้ายออก อย่างน้อยก็ให้เธอหาบ้านแถวนี้ให้ได้ก่อนจะย้ายไปไกลก็ไม่ได้ ภูริกำลังเรียนอยู่เตรียมอนุบาลยังไม่สะดวกย้าย งือ...เธอสงสารหลาน ตอนนี้กำลังสนิทกับเพื่อนๆ ญาณิศาเล่าไปน้ำตาไหลไป เธอสงสารเพื่อนกับหลานมากจริงๆ ถ้ารู้ว่ากำลังจะไม่มีที่อยู่จะรู้สึกยังไง เด็กก็ย่อมผูกพันกับบ้านหลังแรกนึกแล้วก็สงสารจับใจ.... "หลังที่เพื่อนคุณอยู่ก็เช่าอยู่ไปก่อน ถ้าหาบ้านได้ก็ค่อยย้ายออกไป ส่วนหลังอื่นๆ ถ้าขายได้คุณก็ขายไปเลย ส่วนแบ่งรายได้จากการขายคุณก็เอาไป" เผื่อเธอจะได้เอาเงินจากการขายบ้านของเขาไปช่วยเพื่อนซื้อบ้าน เล่ามาซะยาวดราม่าล้วนๆปกติเขาไม่ชอบฟังเรื่องพวกนี้แต่เรื่องที่เธอเล่าก็ทำให้เขาฉุกคิดอะไรได้มากมาย เพื่อนของเธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งมาก เป็นผู้หญิงทำงานเลี้ยงลูกคนเดียวมันไม่ง่ายเลย สงสารน่ะสงสารแต่เขาคงช่วยอะไรไม่ได้มาก... นักธุรกิจก็คือนักธุรกิจผ่อนปรนได้แต่ไม่ใช่ตลอด จะให้มาเช่าอยู่ตลอดชีวิต ในราคาถูกๆ เขาไม่ใช่นักบุญ...... ตัดภาพมาอีกฝั่ง อีกคนก็แสนดี้แสนดี ไม่ใช่ใครที่ไหนอาเหลียงนั่นเอง อาแสนดีของญาณิศา ในวัย41ปีผ่านไปแป๊บเดียวเขาก็เข้าสู่เลขสี่แต่สถานะก็ยังโสดตามจีบสาวมาสี่ปีไม่มีท่าทีว่าเธอจะยอมเปิดใจ แต่ไม่เป็นไรแค่นี้เขาก็รู้สึกดี มีความสุขแล้ว... คนอย่างเขาเหมาะที่จะอยู่โสดเป็นหนุ่มชาวไร่ชาวสวนต่อไป "คุณลุง นี่ตัวอะไรครับ" เด็กน้อยชี้ไปที่ใบไม้มีแมลงตัวใหญ่สีดำเกาะอยู่ "มันคือด้วงกว่างครับ เป็นด้วงปีกแข็ง ตอนเด็กลุงเคยเอาตัวที่มีเขายาวๆ มาชนกัน" เขาหยิบตัวด้วงที่เด็กน้อยถามขึ้นมา "ลองจับดูสิครับ" "อะ ฮ๊าๆ จั๊กจี้คครับ มันกัดไหมครับ" เด็กน้อยจับอย่างกล้าๆ กลัว หัวเราะคิกคักพอใจที่ได้จับ ในวันหยุดเกือบทุกอาทิตย์อาเหลียงจะขับรถไปรับพ่อหนุ่มน้อยภูริกับแม่เอยมาเที่ยวชมสวนผลไม้ เป็นสถานที่ที่ภูริชอบมากๆ ดีใจทุกครั้งที่ได้มา ดีใจที่ได้มาเจอสัตว์แปลกๆ ที่ไม่รู้จักได้มาสัมผัสกับธรรมชาติกินผลไม้สดๆ จากสวนอร่อยๆ และที่สำคัญคุณลุงใจดีมาก ภูริรักคุณลุงครับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม