แว๊บ!
เหมือนหายตัวได้ รถยนต์สี่ประตูเข้ามาจอดหน้าบ้านพักในเวลารวดเร็ว
" จุ๊บหลานรัก เดี๋ยววันหลังน้าเอมมาหาใหม่นะครับ"
"ครับ " เด็กน้อยเอามือปิดปากง่วงเหงาหาวนอน
"ค่ำแล้วแกยังต้องไปทำงานอีกหรอ เอม ทำงานหนักเกินไปไหม" รมิตาไม่ค่อยเข้าใจงานของเพื่อนใครโทรมาเรียกก็ต้องไป งานอะไรไม่มีเวลาส่วนตัวเลย
"ไม่หนัก นานๆ ทีจะมี ฉันขับรถไปไม่ไกล เลยบ้านแกไปไม่กี่หลัง แต่ต้องกลับไปเอากุญแจมาเปิดบ้านให้ลูกค้าก่อน ลูกค้ารอนานมากแล้ว ป่านนี้จะกินหัวฉันแล้วมั้ง ไปก่อนนะ"
" เออๆ รีบไปๆ เล่าซะยาว เดี๋ยวลูกค้ารอนาน" เธอเข้าใจแล้ว เมื่อรถยนต์ของญาณิศาลับหายไปเธอก็พาลูกเข้าไปในบ้าน
" ภูริหิวไหมลูก "
" หิวแล้วครับ" เด็กน้อยวางหุ่นยนต์ลง
" โธ่ลูกแม่ แม่โทษที่ไปนาน" ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนั้นป่านนี้เธอได้กลับบ้านพาลูกมากินข้าวตั้งนานแล้ว
เธอพาลูกมานั่ง แกะกับข้าวถุงลงจานป้อนให้ลูกชาย
"แม่ครับวันนี้ภู เดินชน" เด็กน้อยกินไปพูดไป
"กินข้าวให้หมดก่อนค่อยพูดนะครับ"
เด็กน้อยพยักหน้าเคี้ยวตุ้ยๆ จนหมด...
" ภูทำต้วยแตกครับ"
"ต้วยแตกคืออะไรครับ" รมิตาทำหน้างง? เธอไม่เข้าใจภาษาที่ลูกพูด
"แตกเต็มพื้นเลยครับ" เด็กน้อยอธิบายให้แม่ฟัง
"อ้อ ถ้วยแตก แตกที่ไหนครับแล้วน้องภูเจ็บหรือเปล่า" เธอพลิกมือลูกไปมา ทำไมเอมไม่เล่าให้เธอฟัง เอมนะเอม อยู่กับหลานทีไรเป็นเรื่องทุกที
" ที่งาน ภูไม่เจ็บครับ"
" โธ่ลูกไม่เจ็บก็ดีแล้วครับ ต่อไประวังๆ นะครับ อย่าถือแก้วเองเข้าใจไหมครับ" เธอพอเดาออก ลูกเธอชอบถือถ้วยถือแก้วเอง แต่เธอจะไม่ให้ลูกถือมันอันตราย แต่สงสัยน้าเอมคงตามใจอีกตามเคย เอมนะเอม!
"ครับไม่ถือแล้ว แต่แม่ครับ ภูเดินชนลุงหล่อ"
"อะไรนะครับ? แม่ว่าภูง่วงแล้ว ปะขึ้นไปอาบน้ำนอนกันเร็ว " เธอไม่ค่อยเข้าใจที่ลูกพูดและคิดว่าลูกคงจะง่วงแล้ว...
....................................
เอม ญาณิศา
เธอขับรถกลับบ้านมาเอากุญแจด้วยความเร็วแสง ดีที่คุ้นทาง
" อ้าวๆ แล้วจะรีบไปไหนลูก กลับบ้านมายังไม่ได้กินข้าวกินปลา ก็ปิกไปอีกละ ลูกคนนี้นี่" แม่กลิ่นพูดขึ้น
"เอากุญแจไปเปิดบ้านให้ลูกค้าแม่ แป๊บเดียว เดี๋ยวเอมกลับมา"
" แล้วไปไกลไหม มืดแล้วอันตราย ให้พ่อไปด้วยเน้อ"
"ไม่ไกลจ้ะพ่อ หลังใกล้ๆ บ้านเอย"
ในเวลาหนึ่งทุ่มเธอก็ขับรถมาถึงหน้าบ้านสไตล์ยุโรปหลังสีขาวโชคดีเมื่ออาทิตย์ก่อนเธอเพิ่งให้คนมาทำความสะอาด คงไม่รกมาก
" คุณพริ้งคะ เอมมาถึงหน้าบ้านแล้ว เจ้าของบ้านอยู่ไหนคะ"
" เธอเห็นรถที่จอดอยู่ไหม เดินไปเคาะที แล้วบอกว่าเธอเป็นคนดูแลบ้าน"
" อ้อเห็นแล้วค่ะ ได้ค่ะ"
ก็อกๆ ก็อกๆ
"ขอโทษค่ะ ฉันเป็นคนดูแลบ้าน"
ร่างสูงเปิดประตูลงมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เขาต้องเสียเวลามารอ ยังดีที่เขาเช่ารถขับไปที่อื่นก่อนแต่ก็ยังต้องมารอนานถึงสิบห้านาที ถือว่านานมากสำหรับคนตรงเวลาอย่างเขา
" ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ ค..คุณ! " ญาณิศาตกใจที่เป็นเขา
" คุณ!!"ปรเมศวร์ถึงกับปากไม่ออก ทั้งจังหวัดมีคนอยู่ไม่กี่คนหรือไง? ทำไมเขาถึงเจอแต่คนเดิมซ้ำๆ หรือเธอจะเป็นเอเจนซี่ใหญ่ในจังหวัดอย่างที่พูดไว้จริงๆ
"คุณเป็น? คนดูแลบ้านให้ผม" เขางุนงงเล็กน้อย
"ใช่ค่ะ ฉันญาณิศาเป็นเอเจ้นดูแลบ้านทุกหลังให้คุณค่ะ นี่เป็นกุญแจบ้านเชิญข้างในก่อนค่ะ" ญาณิศายิ้มให้เขา เหลือเชื่อจริงๆ ไม่คิดว่าผู้ชายที่หลานชายเธอเดินชนจะเป็นเจ้าของบ้านหลายหลังพวกนี้ แม่เจ้ารวยสุดๆ
"คุณดูแลบ้านให้ผมมานานหรือยัง?" เอาความจริงเขาไม่เคยรู้ เพราะให้เลขาจัดการให้ตลอด เมื่อหลายปีที่แล้วเขาซื้อบ้านติดวิวภูเขาทางภาคเหนือไว้หลายหลัง ตั้งใจจะซื้อไว้ให้หุ้นส่วนแต่ความตั้งใจก็พังลงเพราะบริษัทเขามีปัญหา เขาก็เลยลืมเรื่องบ้านที่เคยซื้อไว้และวันนี้ก็ได้มาพักโดยไม่ได้ตั้งใจ ความจริงเขาอยากจะพักโรงแรมแต่เลขาคนสนิทกลับเลือกที่นี่ ช่วยเจ้านายประหยัดงบจริงๆ แต่วิวตัวบ้านก็ไม่เลวอากาศดี
"นานแล้วค่ะ ตั้งแต่ที่คุณเริ่มซื้อบ้าน ฉันเป็นคนหาบ้านและติดต่อซื้อขายผ่านคุณพริ้ง" เธอไม่รู้คุณพริ้งเป็นอะไรกับเขาแต่น่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันถึงไว้ใจกันขนาดนั้น
"อ๋อผมเข้าใจละ ขอบคุณที่ช่วยดูแลบ้านให้ผม"
"พออยู่ได้ใช่ไหมคะหรือจะให้ฉันทำความสะอาดให้อีกไหม คือคุณพริ้งไม่ได้บอกล่วงหน้าฉันเลยไม่ได้เข้ามาทำความสะอาดค่ะ" ความจริงเธอโทรมาบอกแต่เธอดันลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ
"ไม่เป็นไรผมอยู่ไม่กี่วันก็กลับ ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย" เขายังติดใจเรื่องเด็กคนนั้น
" ถามมาได้เลยค่ะ ญาณิศายินดีตอบค่ะ" ชื่อเต็มยศเชียว ดีไม่แทนตัวเองว่าวาที่ร้อยตรีญาณิศา
"เด็กคนนั้น คนที่ชนผม เป็นลูกของคุณใช่ไหม"
"เปล่าค่ะ ไม่ใช่! " เธอเสียงสูงปี๊ดเธอยังโสดไม่มีลูก " เป็นลูกของ"
ครืด! ครืด! มือถือของเธอดังขึ้นพอดี
" แป๊บนึงนะคะขออนุญาตรับโทรศัพท์" ญาณิศาเดินออกไปคุยด้านนอก " อ้อได้ค่ะๆ ไม่มีปัญหารอแป๊บหนึ่งนะ" ช่วงนี้ฮอตเหลือเกินมีแต่คนโทรตาม
" ขอโทษทีนะคะพอดีมีธุระ เดี๋ยววันหลังเอมมาคุยด้วยใหม่นะคะ" พูดจบเธอก็เดินกลับออกไป
ทิ้งให้อีกคนยืนปวดหัว อยากจะฟังให้มันจบๆ แต่คนที่เขาถามก็เดินออกไปแล้ว...
บ้านพวกนี้ที่เขาซื้อไว้ดูจะไร้ประโยชน์ ดูแลไปแต่ไม่มีคนอยู่ พรุ่งนี้เขาคงต้องคุยกับเลขาเรื่องขายบ้าน เหลือไว้แค่หลังเดียวก็พอเอาไว้มาพัก จะให้เก็บไว้หมดงานงอก สิ้นเปลืองเปล่าๆ สงสัยเขาต้องกลับไปเคลียร์เอกสารข้อมูลเก่าๆ มีอะไรที่เขาหลงลืมอีกไหมทำธุรกิจแต่โคตรไม่รอบคอบ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนบริษัทเขาถึงจะเจ๊งก็เล่นซื้อๆ ไว้ไม่สนใจ เลขาก็ไม่ห้ามปรามเขาเลย ยกยอตามใจตลอดในตอนนี้เขาไม่ใช่ปรเมศวร์คนเดิมที่จะใช้เงินแก้ปัญาอย่างเดียว ทุกอย่างมันต้องใช้เหตุใช้ผลใช้สมอง...นี่คือปรเมศวร์คนใหม่