" อ้าวมึงจะไม่กลับได้ไง พรุ่งนี้มีประชุมสำคัญกับมิสเตอร์แอนดรูว์ มึงต้องกลับ" ธีระมีสีหน้าตกใจมันจะมาทิ้งกันไปง่ายๆ ไม่ได้
เมื่อสี่ปีที่แล้วเขากับปรเมศวร์ตัดสินใจรวมหุ้นกัน เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ นำสองบริษัทมาบริหารร่วมกัน ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอดซึ่งมันก็อยู่รอดจริงๆ อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้เรียกได้ว่าดีเลยแหละ....
" เรื่องนั้นกูฝากให้มึงจัดการไปก่อน มึงทำได้อยู่แล้ว กูไปละเดี๋ยวอีกสองวันกูจะตามไป" พูดจบร่างสูงของปรเมศวร์ก็เดินหายไป ทิ้งให้ธีระยืนงงๆ
"ไอ้ปรานต์มึงทิ้งกู เดี๋ยวกูจะทิ้งบริษัทมึงบ้าง" อ้าวไม่ได้นี่หว่าลืมไปว่าบริษัทเดียวกัน ไอ้เพื่อนเวร ธีระได้แต่ก่นด่าเพื่อนในใจ
ร่างสูงของปรเมศวร์กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามหาจนทั่วก็ไม่พบ เธอหายไปเร็วมากทั้งที่เขาคิดว่าน่าจะตามทัน
'หรือว่าจะกลับไปแล้ว'
เขาเดินกลับเข้ามาในโรงแรม มาหยุดยืนอยู่ที่ ที่มองเห็นเธอครั้งแรก ชั่งใจว่าจะอยู่ต่อหรือว่ากลับไป สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าอยู่ต่อ.....
หากจะอยู่ต่อเขาต้องหาที่พัก เลยได้โทรให้เลขาสาวคนสนิทจัดการให้....
เอยรมิตา
สองสาวหิ้วของรุงรังของกินเต็มไม้เต็มมือ ส่วนอีกมือที่ว่างก็จับลูกชายตัวน้อยไว้กลัวหลง เดินกันจนเหนื่อยแล้ว ถึงเวลากลับบ้านไปทานของอร่อย....
"เอ้อ เกือบลืมเลยสั่งปลาหมึกไว้ เกือบลืมเดินไปเอา" รมิตานึกขึ้นได้ ถ้าลืมมีหวังแม่ค้าก่นด่าตามหลัง
"เออจริงด้วย เดี๋ยวฉันเดินไปเอาให้"
"ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนสั่งแม่ค้าน่าจะจำได้ ฉันฝากภูริแป๊บนึงนะเดี๋ยวเดินกลับมา" ไม่นานร่างบางก็เดินหายไป
.............................
"มาเอาปลาหมึกหกไม้ที่สั่งไว้ค่ะ"
" อ้าวนึกว่าหลืมไปแล้วเจ้า " แม่ค้ายื่นถุงปลาหมึกให้เธอ "หกสิบบาทเจ้า ตีหลังปิกมาไวๆ เน้อเจ้า"
" เจ้า กะเจ้าจะมาไวๆ" รมิตายิ้มขำกับภาษาเหนือของตัวเองฟังดูแปลกๆ แต่ก็กลมกลืน ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาเธอก็หลงรักที่นี่ชอบที่นี่มากจะให้ย้ายไปไหนอีกเธอคงไม่ไป...
ร่างบางกึ่งวิ่งกึ่งเดินเธอไม่อยากให้ญาณกับลูกรอนานนี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว
หมับ!!
แขนบางถูกคว้าไว้จากมือใครคนหนึ่ง ถึงจะตกใจแต่เธอก็คุมสติได้ดีมากเธอหันขวับกลับไปมองในทันที
"พะ พี่โชต! ปล่อยเอยเดี๋ยวนี้" รมิตาสะบัดแขนออกสุดแรง รู้สึกขยะแขยงไม่จะอยากเห็นหน้า
"ไม่ปล่อย เอยพี่ขอคุยด้วยหน่อย" ชาติตะวันจับแขนรมิตาไว้แน่น เขากึ่งเดินกึ่งลาก รมิตาออกมาจากที่แออัด เธอขัดขืนแต่ก็เป็นไปได้ยาก
"พี่ทำแบบนี้ต้องการอะไร ปล่อยเอย!" ดวงตาเธอแทบจะลุกเป็นไฟ เกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้สุดๆ เรื่องมันควรจบไปนานแล้วจะมายุ่งกับอีกเธอทำไม
" เอยพี่ขอโทษ ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา พี่ตั้งใจมาหาเอย พี่ตามหาเอยมาตลอดหลายปี พี่อยากขอโทษพี่รู้ว่าพี่มันเลวมาก เลวอย่างไม่น่าให้อภัย เอยจะให้โอกาสคนเลวที่สำนึกผิดอย่างพี่ได้ไหม" ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำเหมือนกำลังจะร้องไห้เขารู้สึกผิดต่อเธอจริงๆ หากเขาไม่หลงไปกับอารมณ์ชั่ววูบเรื่องทั้งหมดมันก็จะไม่จบแบบนี้...เอย รมิตาคือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด
" ไม่มีวัน เอยไม่มีวันยกโทษให้พี่ กลับไป! กลับไปหาคนของพี่แล้วอย่ามายุ่งกับเอยอีก" รมิตาไม่ได้รู้สึกสงสารเลยสักนิดแล้วในตอนที่เธอร้องไห้ฟูมฟายเสียใจเขาไปอยู่ที่ไหน เขาก็ไปกกอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอไง เลวจริงๆ
"เอย พี่กับฟางเราเลิกกันแล้ว พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้น" เขาพูดจริงๆ ผู้หญิงที่เขารักคือเอย ไม่ใช่ผู้หญิงที่ตั้งใจเข้ามายั่วเขาแต่สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวหลงไปกับร่างกายอันเย้ายวน
"เลว เลวที่สุด จากที่เอยคิดว่าพี่มันเลวอยู่แล้ว พี่ยังเลวได้อีก พี่กล้าพูดบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงที่พี่แอบไปมีอะไรกันลับหลังเอย" คำพูดของอดีตเพื่อนสาวยังก้องอยู่ในหูเธอ 'เอยฉันขอโทษเว้ย ฉันรักพี่โชตมานานแล้ว แล้วเขาก็บอกว่ารักฉัน' เลวพอกัน
"พี่ยอมรับว่าพี่มันเลวแต่พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับฟางจริงๆ คนที่พี่รักอยากดูแลมาตลอดก็คือเอยคนเดียว ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบพี่ไม่ได้ตั้งใจ" จะให้เขาอธิบายยังไงมันยากมากและอีกอย่างเขาเป็นผู้ชายมีความต้องการ มีแฟน แฟนก็ไม่เคยให้ทำอะไรเลยนอกจากจับมือกับจูบมันทำให้เขาต้องไปหาเอาจากหญิงอื่น...ซึ่งพยายามไม่ทำแบบนั้นแต่สุดท้ายก็หลุด ตบะแตก
"อารมณ์ชั่ววูบไม่ได้ตั้งใจผู้ชายแม่งก็เลวเหมือนกันหมด ปล่อย! " รมิตาโกรธจนตัวสั่น
" เอยพี่ขอเถอะนะ ให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่สัญญาว่าตลอดชีวิตนี้ พี่จะไม่ทำให้เอยเสียใจพี่จะรักและซื่อสัตย์กับเอยเพียงคนเดียว ให้โอกาสพี่ได้แก้ไขในสิ่งที่ทำพลาดไป"
"ต่อให้มีชาติหน้าเอยก็ไม่มีโอกาสให้พี่ กลับไปซะแล้วอย่ามาให้เอยเห็นหน้าอีก"
"เฮ้ย! ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะเว้ย! " ญาณิศากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา ตามหาเพื่อนจนทั่วนึกว่าถูกลักพาตัว แต่สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งกว่าถูกลักพาตัว
" พี่โชต" รู้จัก คนนี้เธอรู้จัก หนุ่มหล่อดาวคณะ ที่ตามจีบเพื่อนเธอตั้งแต่สมัยเรียนจนสุดท้ายก็ได้เพื่อนเธอเป็นแฟน ทั้งคู่คบกันมานานหลายปี แต่สุดท้ายก็จบไม่สวย
" เอม ช่วยพี่คุยกับเอยหน่อย"
"พี่มาที่นี่อีกทำไม" ครั้งก่อนเธอกับเขาเคยเจอกันโดยบังเอิญ เขาวันมาตามหา รมิตา เธอบอกไปว่าเพื่อนเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาก็กลับไป
"ถ้าพี่ไม่มาพี่ก็ไม่รู้ว่าเอยอยู่ที่นี่ เอมโกหกพี่"
"พี่โชตปล่อยเพื่อนเอมก่อนเถอะค่ะ" เธอรู้ว่าเพื่อนเธอกำลังเจ็บแขนแดงหมดแล้ว
ชาติตะวันยอมปล่อยเพราะพึ่งได้สติ
เพลี๊ย!!
มือเล็กฟาดลงหนักๆ จนใบหน้าเขาหันไปอีกฝั่ง
"แม่ครับ ไม่ดีครับ" เด็กน้อยเห็นแม่ตบคนแปลกหน้า ก็ตกใจรีบห้ามไว้
สติ รมิตากลับมาในทันทีที่ลูกพูด เธอก้มลงไปอุ้มลูกชายขึ้นมากอดไว้
"นี่ภูริลูกชายเอย เอยมีลูกมีสามีแล้ว ต่อไปห้ามพี่มายุ่งกับเอยอีก แล้วอย่าหาว่าเอยไม่เตือน" รมิตาใช้วิธีข่มขู่
"ไม่จริง เด็กคนนี้เป็นลูกของเอมใช่ไหม เอยตั้งใจหลอกพี่" คนอย่างเอย รมิตาที่เขารู้จักไม่มีทางมีลูกกับใครง่ายๆ ขนาดเขาคบกับเธอมาหลายปียังไม่ได้ทำอะไรมากกว่าจูบ แล้วเด็กคนนี้ก็โตแล้ว ถ้ามีก็คงเมื่อหลายปีก่อน
"พี่โชตที่เอยพูดมันคือเรื่องจริง เด็กคนนี้เป็นลูกของเอยไม่ใช่ลูกเอม พี่ดูหน้าสิ มีตรงไหมเหมือนเอมบ้าง แล้วอีกอย่างเด็กก็ไม่ได้เรียกเอมว่าแม่" ญาณิศารีบพูดขึ้นเอาอะไรมาเหมือนเธอ
"พี่ไม่เชื่อ เอยจะมีลูกได้ยังไง แล้วไปมีตอนไหน มันไม่จริงใช่ไหมเอย" ชาติตะวันมีใบหน้าเศร้าลง รู้สึกสิ้นหวัง หากเธอมีลูกมีสามีแล้วจริงๆ
"จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เรื่องของพี่ ไปเอมกลับบ้านกัน" รมิตาเดินกลับไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง...หากเธอได้เกลียดใครแล้วบอกเลยว่าเกลียดเข้ากระดูกทุกคน ตอนดีก็ดีใจหายต้อนร้ายก็ร้ายสุดๆ
ภายในรถ
"วันซวยของฉันจริงๆ" จะบ่นมากกว่านี้ก็ไม่ได้ลูกนั่งอยู่ในรถด้วย
ตอนนี้ภูริกำลังนั่งเล่นหุ่นยนต์ที่น้าเอมซื้อให้อย่างสนุกสนาน
"เฮ้ย! ซวยแล้ว" ญาณิศาพูดขึ้นเสียงดัง
"มีอะไรซวยกว่าเรื่องฉันอีก" เพื่อนเธอชอบเล่นใหญ่ตกใจอะไร
"ฉันลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยว่ะ ดูดิ๊คนโทรเข้ามาเกือบร้อยสาย ลูกค้าทั้งนั้น ซวยจริงๆ ตายแล้วๆ ขอเวลาโทรกลับหาลูกค้าแป๊บหนึ่งนะ" พูดจบเธอก็ไล่กดโทรออกเบอร์สำคัญๆ
" ฮัลโหลค่ะคุณพริ้ง ขอโทษที่ไม่ได้รับสายค่ะ" ปลายสายเสียงแหลมปี๊ดด จนเธอต้องยกโทรศัพท์ออกห่าง โดนด่ายับ แต่ลูกค้ารายสำคัญเย็นไว้ๆ
" ฮะ! อะไรนะคะได้ๆ ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะรีบไปจัดการให้ ค่ะๆ ขอโทษจริงๆ ค่ะ" ซวยแล้ว ซวยจริงๆ ร้อยวันพันปีเจ้าของบ้านไม่เคยจะมา แต่วันนี้ดันมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย...
" มีอะไรหรือเปล่า" สงสัยเพื่อนเธอจะซวยจริงๆ หน้าตาตื่นตกใจเชียว สมกับเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ ซวยก็ซวยพร้อมกัน
"วันซวยว่ะ ฉันต้องรีบกลับ ลูกค้ามารออยู่ที่บ้านพัก ขอเหยียบเร็วหน่อยนะ"
แว๊บ!
เหมือนหายตัวได้ รถยนต์สี่ประตูเข้ามาจอดหน้าบ้านพักในเวลารวดเร็ว
" จุ๊บหลานรัก เดี๋ยววันหลังน้าเอมมาหาใหม่นะครับ"