ญาณิศาพาเด็กน้อยเดินดูนั่นนี่จนเหนื่อย เหนื่อยแล้วก็ไปหาอะไรกินเธอเข้ามาสั่งน้ำกับขนมเค้กในโรงแรม ตอนนี้คนกำลังเยอะมากเพราะเลิกประชุมพอดี ทั้งพนักงานบอดี้การ์ดนักธุรกิจอะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด...
" ภูริเดินระวังๆ นะครับ เดี๋ยวหกนะ" เธอลุ้นจนหัวใจจะวายกลัวหลานทำจานเค้กหก จะถือให้ก็ไม่ให้ถือ เก่งจริงๆ พ่อคุณ
พลั๊กก!!
พูดยังไม่ทันขาดคำ
ร่างเล็กเดินชนเข้ากับร่างสูงที่กำลังยืนคุยอยู่เต็มๆ
เคล้ง!!
ถ้วยเค้กใบเล็กหล่นกระจายแตกเต็มพื้น
"ว้ายย ขะขอโทษค่ะ ภูริเป็นอะไรหรือเปล่าลูก " ญาณิศาตกใจจนลนลานไม่รู้ว่าจะขอโทษหรือเป็นห่วงหลานก่อน กลัวหลานตกใจมือเธอก็ไม่ว่างถือเค้กกับแก้วน้ำ
"มาผมช่วย" ชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงโปร่งอีกคนเดินเข้ามาช่วยเธอถือของไปวางที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกล
!!!
ส่วนอีกคนที่ถูกชนนั้น ยืนตกตะลึงตัวแข็งทื่อไปไม่เป็น เขาไม่ได้ตกใจที่กางเกงเลอะแต่เขาตกใจที่ได้เห็นหน้าเด็กที่เดินมาชนเขา คำอุทานดังขึ้นในใจร้อยแปดพันคำ...แต่พูดไม่ออกสักคำ!!
"ขอโทษแทนหลานฉันด้วยนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ" ยิ่งเห็นว่าชายหนุ่มรูปหล่อใส่สูทมาดผู้ดียื่นนิ่งไม่ไหวติงเธอยิ่งใจคอไม่ดี...เขาจะเอาเรื่องรู้เปล่านะ เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า...
"เชี่ย!" เป็นธีระที่หลุดอุทานคำหยาบออกมาเพราะตกใจมาก เด็กอะไรทำไมหน้าเหมือนเพื่อนเขายังกับแกะ นี่มันโคลนวัยเด็กเพื่อนเขาออกมาเลย เหมือนเป๊ะ แม้กระทั่งรอยบุ๋มข้างแก้ม น่าจะเป็นลักยิ้มเพื่อนเขามันก็มี เหมือนโคตรๆ....
"ลูกมึง? " ธีระเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนจนอีกคนได้สติ...
"ไม่ใช่ลูกกู" เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเขาตาไม่กะพริบ ทำตาละห้อยน่าสงสาร...
"ภูริครับ ขอโทษคุณลุงด้วยสิครับ" ญาณิศาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าก็ต้องตกใจ จนต้องอุทานออกมา "พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง" เธอก้มลงมองหน้าหลานชายสลับกับมองหน้าผู้ชายแปลกหน้าแต่ไม่หน้าแปลกสลับไปมาสับสนไปหมด นี่มันหลานเธอฉบับตอนโต ทำไมถึงหน้าเหมือนกันจัง?
"น้องภูขอโทษครับ คุณลุง" เด็กน้อยยกมือขึ้นไหว้อย่างรู้สึกผิด..
"....."
น่ารักมาก คำนี้ดังขึ้นในใจของเขา เด็กอะไรทำไมถึงได้หน้าเหมือนเขามากขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวเอง...เหตุการณ์ที่โคตรงงสับสน
"กางเกงคุณเลอะเดี๋ยวฉันซื้อตัวใหม่ให้นะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง" ปรเมศวร์เพิ่งจะหาเสียงตัวเองเจอ เมื่อตอนเด็กน้อยหยุดมองหน้า
"งั้นให้ฉันจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายก็ได้ค่ะ ราคากางเกงเท่าไหร่คะ" หลานเธอทำกางกางเขาเลอะ เธอต้องรับผิดชอบญาณิศาควักแบงก์ร้อยออกมาเต็มมือ
ธีระแทบขำกลิ้งแบงก์ร้อยมันไม่ได้เศษเสี้ยวกางเกงเพื่อนเขาเลย
"แสนห้า"
"ฮะ.. แม่เจ้า! กางเกงหรือว่ารถยนต์ทำไมมันแพงจังละคะ" เขาล้อเล่นแน่ๆ " แฮ่ๆ คุณนี่เป็นคนตลกเหมือนกันนะคะ" กลบเกลื่อนๆ
"เพื่อนผมไม่ใช่คนตลก คุณเก็บเศษเงินคุณเอาไว้เถอะครับส่วนเรื่องกางเกงเดี๋ยวเพื่อนผมจัดการเอง กูว่ามึงไปนั่งก่อน คนมองหมดแล้ว" ธีระพูดขึ้นแทนเพื่อนคนเริ่มมองกันเยอะแล้ว เดี๋ยวเข้าใจผิดคิดว่าเพื่อนเขามีลูกแล้วจะซวย ยิ่งหน้าเหมือนกันอย่างกับพ่อลูก
"ฮะ! เศษเงินเหรอ ผู้ชายคนนั้นกำลังด่าเธอหรือเปล่า หน้าตาก็ดีแต่ปากเสียสุดๆ" ญาณิศาพาหลานมานั่งที่โต๊ะเมื่อพนักงานเริ่มเข้ามาเก็บกวาด
"ภูทำหก ภูขอโทษครับ" เด็กน้อยรูปหล่อพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด....
"ไม่เป็นไรครับ มันเป็นอุบัติเหตุแค่ภูริไม่เจ็บน้าก็ดีใจมากแล้วครับ" เธอกับรมิตา จะไม่ร้องตกใจโวยวายเมื่อภูริทำผิดหรือหกล้มเพราะมันจะยิ่งทำให้เด็กตกใจขวัญเสียและอาจจะเป็นปมในใจได้ถึงจะตกใจพวกเธอก็ต้องคุมสติกลับมาเหมือนในวันนี้ที่เธอร้องตกใจแต่ก็ต้องรีบดึงสติแก้ไขสถานการณ์
" แต่ภูทำลุงหล่อเลอะ" เด็กน้อยชี้ไปที่ผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล.....
"ไม่เป็นไรครับคุณลุงเขาใจดีไม่ว่า" ญาณิศาหันไปมองผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ มีพนักงานเข้ามาดูแลและเช็ดกางเกงให้เขา.... "นั่งกินเค้กรอน้าเอมแป๊บหนึ่งนะครับ เดี๋ยวน้าเอมมา"
เมื่อพนักงานลุกออกไปแล้วเธอก็เดินเข้าไปหาเขาทั้งสอง เธอหยิบนามบัตรในกระเป๋าที่เหลืออยู่ใบเดียวออกมา.....
"สวัสดีค่ะ ฉันอยากจะมาขอโทษคุณอีกครั้ง นี่เป็นนามบัตรของฉันค่ะ หากคุณมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยเหลือโทรมาได้ตลอดเลยนะคะ เอ้อลืมบอกว่าฉันเป็นเอเจนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด" เรื่องโม้ขอให้บอก
"ฉันมีบ้านเช่าห้องพักราคาเป็นกันเองมากมายหรือถ้าคุณคิดจะซื้อบ้านแถวนี้ ก็โทรมาได้เลยค่ะ ฉันญาณิศายินดีให้บริการค่ะ" สรุปแล้วเธอจะเข้ามาช่วยเหลือหรือเข้ามาขายบ้านก็ยังไม่แน่ใจมันกึ่งๆ
" ครับ ขอบคุณครับ" ปรเมศวร์รับนามบัตรมา เขายิ้มให้หญิงสาวใจกล้าผู้มีความรับผิดชอบเป็นที่หนึ่ง ถึงจะฟังดูแปลกๆ ก็ตามที่เขายิ้มเพราะเห็นถึงความพยายามของเธอ แต่ถ้าใครได้ฟังเธอพูดก็คงต้องหลุดขำ ดูอย่างเพื่อนเขามันกลั้นขำจนตัวโยก....
"ด้วยความยินดีค่ะ" เมื่อเขารับนามบัตรไปแล้วญาณิศาก็เดินกลับไป
"ฮ่าๆ แม่งขำโคตรมึงไม่ขำหรือไงวะ ผู้หญิงอะไรอยากจะให้นามบัตรผู้ชายแต่ดันมาขายบ้าน กูว่าถ้ารู้จักมากกว่านี้ เธอคงมาขายรถ ขายประกันให้มึง แต่ๆ" ธีระเริ่มฉงนใจสงสัย...
"แต่อะไรวะ"
"กูกลับมาคิดดูดีๆ แล้ว หรือว่าความจริงมึงกับผู้หญิงคนนั้นจะรู้จักกัน" เล่นละครตบตาเขาหรือเปล่าชักจะสงสัย
"รู้จักอะไรของมึงก็เห็นๆ อยู่ว่ากูเพิ่งเจอ" ปรเมศวร์มองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ อะไรของมัน
" อย่าๆ กูไม่เชื่อ ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กเก่ามึงใช่ไหม ไม่อย่างนั้นเธอจะมีลูกหน้าเหมือนมึงได้ยังไง" มองยังไงก็ลูกมัน หน้าเหมือนขนาดนั้น...
"เฮ้ย! มึงอย่ามาพูดมั่วๆ กูไม่รู้จัก" เขาตั้งใจมานั่งคุยเรื่องธุรกิจแต่ดันต้องมาคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไร้สาระ
"ถ้างั้นมึงอาจจะได้กับผู้หญิงคนนั้นตอนเมา มึงเลยไม่รู้" ธีระคิดไปทั่วด้วยความสงสัย เมื่อก่อนเพื่อนเขามันก็มั่วไม่เบา เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น ไปทำใครท้องหรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอๆ อาจจะมีทุกจังหวัด
" ถึงกูจะเมาแต่กูก็ไม่ได้หลับตาเอา สัส" ปรเมศวร์พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด แต่อยู่ๆ เขาก็นึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนเธอเคยบอกว่าท้องกับเขา แต่เขาไม่เชื่อว่าเธอท้องกับเขาจริงๆ แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้
" หรือว่าผู้หญิงที่มึงเคยนอนด้วยจะเอาสเปิร์มมึงไปขาย" มันน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
"เชี่ย! คิดได้นะมึง กวนตีนว่ะ" ปรเมศวร์เริ่มอารมณ์ขึ้น มีปากมันก็พูดไปเรื่อย แม่งสักหมัดดีไหม
"เฮ้ยๆ ใจเย็น กูแค่ลองสัญนิฐานดู" เมื่อเห็นว่าเพื่อนง้างหมัดธีระก็รีบห้ามไว้
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งคุยกัน อยู่ๆสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวผมยาวมัดรวบตึงเป็นหางม้าเดินผ่านซุ้มดอกไม้ไป ระยะไม่ไกลมากแต่คนเยอะจึงทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด...
"เวรละ! " ทำไมผู้หญิงที่เขาเคยตัดสัมพันธ์ไปเมื่อหลายปีก่อนถึงมาอยู่ในงานนี้ได้ เห็นแค่แว็บแรกเขาก็จำเธอได้ ถึงจะผ่านไปนานหลายปี...เขาก็จำเธอได้ไม่ลืม
"เวรอะไรของมึง ไฟลท์บินกลับสองทุ่มมึงจะไปนั่งดื่มกับกูก่อนเปล่า" ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็น หาร้านนั่งดื่มเบียร์เย็นๆคงชื่นใจดี...
"กูไม่กลับ กูจะอยู่ค้างที่นี่" ร่างสูงลุกขึ้นยืนมองหา ก็พบว่าเธอหายไปแล้ว แล้วผู้หญิงกับเด็กคนนั้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก็หายไปด้วยขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด สมองเขาประมวลไวมาก ปะติดปะต่อรวมกันเป็นฉากๆ จริงไม่จริงไม่รู้แต่สัญนิฐานไว้ก่อน...ถ้าไม่จริงก็แล้วไป...