ตอนที่ 9 คำดูถูก

2031 คำ
"เสร็จแล้วไปหาอีฟที่บูธนะ ระวังตัวด้วยละ" อีฟย้ำเตือนนาว "อืม นาวจะระวังตัว อีฟไปทำงานเถอะไม่ต้องเป็นห่วงนาวนะ" นาวพูดให้อีฟสบายใจทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกประหวั่นพรั่นใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตุลย์ภพจะเป็นคนอย่างไรกันแน่ นาวมาถึงห้างสรรพสินค้า มายังร้านอาหารที่แจงจองโต๊ะและนัดหมายตุลย์ภพไว้ในเวลาหกโมงเย็น เธอมาก่อนเวลานัดหมายสิบนาที สูดลมหายใจลึกเต็มปอด ประสานมือไว้บนโต๊ะ นั่งนิ่งราวกับกำลังทำสมาธิ "สวัสดีครับนาว" น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นทำให้นาวหลุดออกจากภวังค์ "เออ...ค่ะ สวัสดีค่ะคุณตุลย์ภพ" นาวลุกขึ้นยืนทักทายตุลย์ตามมารยาท "นาวทำตัวตามสบายนะไม่ต้องเกร็ง วันนี้พี่...พี่ขอแทนตัวเองว่าพี่แล้วกันนะ ส่วนนาวก็เรียกพี่ว่าพี่ตุลย์ ดูเป็นกันเองดี" ตุลย์ทักทายอย่างเป็นกันเอง "เรียกคุณตุลย์น่าจะเหมาะกว่านะคะ" "แต่พี่อยากให้นาวเรียกพี่ตุลย์มากกว่า" น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้ม แต่สายตาของเขากลับแกมบังคับเธอ "ค่ะ พี่ตุลย์" "เรานั่งคุยกันดีกว่า ยืนคุยคงไม่เหมาะ" "เชิญคุณ...พี่ตุลย์ เชิญนั่งค่ะ" นาวเผลอเรียกคุณกับตุลย์ ก่อนจะรีบเปลี่ยนสรรพนามเมื่อเห็นสายตาเชิงดุ แต่ก็ไม่จริงจังนักของเขา รอจนเขานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เธอจึงนั่งลงตามเดิม "ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษนาวกับเรื่องคืนนั้น คือพี่ยอมรับว่าคืนนั้นพี่เมา เมามากจริงๆ บวกกับพี่ก็ถูกใจนาวตั้งแต่แรกเห็นด้วย เลยคุมตัวเองไม่ได้" ตุลย์เข้าเรื่องออกตัวขอโทษทันที "ค่ะ" นาวพยักหน้า ไม่กล้าสายตากับเขาตรงๆ เพราะสายตาของเขาราวกับกำลังโลมเลียเธออยู่ตลอดเวลา "ค่ะ นี่คือยกโทษให้พี่แล้ว" "ค่ะ" "โอเค ไม่รู้ว่าคุณปาล์มได้บอกนาวบ้างหรือยังเรื่องที่พี่อยากจะจ่ายค่าทำขวัญให้นาวเป็นการขอโทษ" ตุลย์ยกยิ้มกับท่าทางของนาว "บอกแล้วค่ะ แต่นาวคงรับไว้ไม่ได้ คุณ...พี่ตุลย์ไม่จำเป็นต้องให้ค่าทำขวัญอะไรนาวทั้งนั้นค่ะ" นาวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "แต่ถ้านาวไม่รับไว้พี่คงไม่สบายใจ" ตุลย์บอกพร้อมทั้งวางเช็คเงินสดไว้บนโต๊ะแล้วเลื่อนมาตรงหน้านาว "นาวไม่ขอรับไว้นะคะ" นาวเลื่อนเช็คเงินสดกลับไปให้ตุลย์ ทั้งที่ยังไม่เห็นจำนวนเงินดังกล่าวแบบเต็มตา แต่จากเท่าที่เห็นตัวเลขศูนย์แบบผ่านตาเธอว่ามันต้องมากกว่าหลักหมื่นแน่นอน "ไม่คิดจะดูตัวเลขของมันหน่อยเหรอ" "ไม่ค่ะ ไม่ว่าจะเท่าไหร่นาวก็ไม่ขอรับ เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ" "พอแล้ว?" "ค่ะ พอแล้ว วันนี้พี่ตุลย์จ่ายค่าตัวนาวสำหรับการมาทานข้าวด้วยก็สองเท่าจากค่าตัวปกติแล้ว แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ" "ทำไมถึงเป็นคนมักน้อยอย่างนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงคว้าใส่กระเป๋าไปแล้ว พี่ชักจะสนใจนาวขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ" ตุลย์มองนาว นัยน์ตาของเขาฉายแววเป็นประกาย อยากจะค้นหาอะไรๆ ในตัวของผู้หญิงคนนี้ "คะ?" นาวเงยหน้ามองตุลย์ด้วยความสงสัย "นาวจะว่ายังไงถ้าพี่จะให้นาวมาเป็นเพื่อนกินข้าวของพี่คนเดียว พี่มีเงินเดือนให้นาวด้วยนะ หนึ่งแสนบาทพร้อมรถหนึ่งคัน คันไหนก็ได้ที่นาวต้องการ นาวไปเลือกชี้ได้เลย" ตุลย์บอกความต้องการของตัวเองกับสิ่งที่นาวจะได้รับ ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงมากสำหรับนาว "พี่ตุลย์คงไม่อยากจ่ายเงินเดือนละหนึ่งแสนบาท กับรถอีกหนึ่งคัน เพื่อมาทานข้าวกับผู้หญิงอย่างนาวเพียงอย่างเดียวหรอกมั่งคะ" นาวถามกลับอย่างรู้เท่าทันความคิดของชายหนุ่มตรงหน้า ถึงเธอจะไม่เคยออกมาอยู่บนโลกกว้างที่แสนโหดร้ายเพียงลำพัง แต่เครื่องมือสื่อสารที่เธอมีก็ทำให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถึงแม้มันจะดูเก่า ตกรุ่นไปนานโข ไม่เป็นที่ต้องการของปลาดาวแล้วก็ตาม แต่สำหรับเธอมันยังดี แล้วมันยังทำให้เธอคลายเหงาไปได้บ้างยามที่อยู่บ้านหลังนั้น และนี่ก็เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เธอนำติดตัวมาพร้อมกับเงินค่าขนมที่เธอเก็บหอมรอมริมไว้อีกสามพันกว่าบาท "ก็ถูก แต่ถ้านาวไม่พร้อมพี่ก็จะไม่บังคับ" "ค่ะ นาวไม่พร้อม แล้วนาวก็ไม่มีวันรับด้วย ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนๆ ถ้าพี่ตุลย์อยากทานข้าวกับนาว ก็ติดต่อผ่านพี่ปาล์มได้เลย นาวรับงานทานข้าวกับพี่ตุลย์ได้เสมอ แต่ถ้างานนั้นจะจบลงที่เตียง นาวขอปฏิเสธ" "ชัดเจนดี พี่ชอบ โอเค เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก สั่งอาหารมากินกันดีกว่า นาวอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะเต็มที่" ตุลย์ยอมรับว่าเขาประเมินนาวต่ำไป นาวไม่ใช่ผู้หญิงที่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ไม่เช่นนั้นคงไม่ปฏิเสธเงินค่าทำขวัญตั้งสองแสน เขาชักจะสนใจหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ "ค่ะ" นาวเปิดเมนู แต่พอเห็นราคาค่าอาหารแต่ละจานดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เพราะราคาอาหารแต่ละอย่างเธอใช้ซื้อข้าวร้านป้าหน้าปากซอยได้ตั้งหลายกล่อง แล้วก็หลายวันด้วย "นาวสั่งได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ" พอเห็นท่าทางของนาว ตุลย์ยกยิ้มอย่านึกเอ็นดู ทำไมมันถึงดูน่ารัก ดูไร้เดียงสาแบบนี้ "นาวให้พี่ตุลย์สั่งดีกว่าค่ะ" นาวปิดเมนู ไม่กล้าแม้แต่จะสั่งน้ำสักแก้ว ได้แต่คิดในใจน้ำอะไรแก้วเป็นร้อย กลั่นมาจากเทือกเขาหิมาลัยหรืออย่างไรกัน "ไอ้ปุณณ์ นั่นนาวใช่ไหมวะ มากับใครวะ" ปัณณ์เอ่ยขึ้นเมื่อสายตาไปปะทะกับหญิงสาวที่พึ่งพบกันไปเมื่อวานนี้ที่บ้านของเขา เมื่อเข้ามาในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านประจำของทั้งคู่ "กูจะรู้ไหมล่ะ มึงอยากรู้ มึงก็เข้าไปถามดิ" ปุณณ์ว่า น้ำเสียงของเขาแข็งขึงจนคนฟังต้องหันมองหน้าว่าเขาเป็นอะไร จึงทำให้เห็นว่าสายตาคู่คมของคนข้างๆ ก็แข็งขึงไม่ต่างจากน้ำเสียงเลย "เออ กูเข้าไปทักดีกว่า" ว่าแล้วขายาวแข็งแกร่งก็ก้าวเข้าไปหาเป้าหมายทันที "นาว" "คุณ...คุณปัณณ์ สวัสดีค่ะ" นาวลุกขึ้นทักทายเสียงหวาน "เก่งนะเนี่ย จำได้ด้วย" "นาวดูจากสีหน้าน่ะค่ะ คุณปัณณ์มาทานข้าวเหรอคะ" นาวว่าเป็นเชิงกระทบ ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับร่างสูงที่ยืนทะมึนอยู่ข้างๆ ปัณณ์ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงขึ้นไปอีก "มาซื้อไม้จิ้มฟันมั่ง" น้ำเสียงกวนประสาทแต่แฝงความความไม่พอใจดังขึ้น "คุณปุณณ์ก็มาด้วยเหรอคะ พอดีนาวไม่ทันได้สังเกต" ปัณณ์แทบจะหลุดหัวเราะกับคำทักทายของนาวที่มีต่อปุณณ์ "เธอ....." สายตาคู่คมดุดัน ราวกับอยากจะเข้ามากระชากหญิงสาว แต่ปัณณ์จับรั้งไว้เสียก่อน "นาวจะไม่แนะนำผู้ชายสองคนนี้ให้พี่รู้จักบ้างหรือไง" ตุลย์ลุกขึ้นเดินไปยืนข้างๆ นาว มองหน้าสองหนุ่มฝาแฝดด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ และต่างคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีตามหน้าสื่อและวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะบริษัทของตุลย์เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และเป็นบริษัทคลื่นลูกใหม่ที่ถือว่ามาแรงแซงทางโค้งไปหลายบริษัท ตุลย์ต้องการเป็นที่หนึ่งในวงการธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และเขาจะเป็นที่หนึ่งได้ก็ต่อเมื่อจัดการโค่นยักษ์ใหญ่อย่าง แทนไท คอร์ปอเรชั่น ลงให้ได้เสียก่อน แล้วตุลย์ยังจัดว่าเป็นเสือผู้หญิง ขึ้นชื่อในวงการพริตตี้ MC เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าแทบจะฟาดมาทั้งวงการ "เออ..." นาวมองหน้าทั้งสองฝ่ายที่ส่งสายตาฟาดฟันกัน แต่ก็ต่างรักษาท่าที อย่างทำตัวไม่ถูก "ผมตุลย์ ตุลย์ภพครับ" ไม่รอให้นาวได้แนะนำ ตุลย์ก็ชิงแนะนำตัวเองซะก่อน "ผมปัณณ์ ปัณณธร ส่วนนี่พี่ชายฝาแฝดของผม ปุณณ์ ปุณณภพ ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ปัณณ์เอ่ยแนะนำทั้งตัวเองแล้วก็ปุณณ์ในคราวเดียว เพราะดูแล้วคนข้างๆ ไม่พร้อมจะทำความรู้จักใครในตอนนี้ "ยินดีที่ได้รู้จักครับ ทั้งสองคนคงเป็นเพื่อนนาวที่มหาลัย" ตุลย์ถามอย่างหยั่งเชิง "ครับ แต่เราสองคนกับนาวเรียนคนละมหาลัย ผมว่าผมไม่รบกวนเวลาของคุณกับนาวแล้วจะดีกว่า เชิญทานอาหารกันต่อเลยครับ ...แล้วเจอกันนะนาว" ปัณณ์ตอบ ก่อนจะเดินไปหาโต๊ะนั่ง "นาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" นาวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเจอสายตาดุดันของปุณณ์ที่จ้องมองเธอไม่วางตา "จะมองทำไมนักหนา ทำอย่างกับเราไปฆ่าหมาเขาตายอย่างนั้นแหละ" นาวทำหน้าตูม เอ่ยว่าพลางล้างมือแรงๆ อย่างคนหัวเสียที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ "มันคงเป็นลูกค้าของเธอสินะ" น้ำเสียงของปุณณ์ดังขึ้นทันทีที่นาวเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ร่างสูงก้าวขายาวๆ มายืนขวางหน้าเธอไว้ "คุณ...ค่ะ มันเป็นงานของฉัน ช่วยหลีกทางด้วยค่ะ" นาวตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พลางเบี่ยงตัวหลบเขาไปอีกทาง แต่เขาก็ยังคงตามมาขวางเธอไว้ มิหนำซ้ำยังใช้แขนแข็งแรงยันผนังกักขังเธอไว้ไม่ให้เดินหนี "ฉันนี่มองเธอไม่ผิดจริงๆ" น้ำเสียงของเขาช่างเป็นน้ำเสียงของความเย้ยหยัน ดูถูกสำหรับคนฟัง "ทำไม? นาวเป็นยังไง" นาวมองหน้าปุณณ์อย่างไม่พอใจ "ก็เป็น....." ปุณณ์มองนาวตั้งแต่ปลายเท้าค่อยๆ ไล่ขึ้นมา แล้วหยุดอยู่ที่หน้าอกของเธอจนนาวต้องยกมือขึ้นมาปิดไว้ ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปสบสายตากับดวงตาคู่งาม "มันเป็นงานค่ะ ทุกอย่างมันเป็นงานเท่านั้น" นาวรีบเอ่ยขึ้นทันทีด้วยกลัวว่าเขาจะพูดเป็นอย่างอื่น "งาน? เธอจะบอกว่าการมากินข้าวกับผู้ชายเป็นงานของเธองั้นสิ" "ใช่ค่ะ มันเป็นงานของนาว" นาวทำเป็นใจดีสู้เสือ สบสายตากับดวงตาคู่คมอย่างแน่วแน่หนักแน่น เพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง "ถ้ากินข้าวกับผู้ชายเป็นงานของเธอ งั้นก็คงต่อด้วยโอทีที่เตียงเป็นการจบงานงั้นสิ" "คุณปุณณ์! คุณจะดูถูกนาวเกิดไปแล้วนะ นาวรับงานทานข้าว ก็ไม่ได้หมายความว่านาวจะจบงานที่เตียงอย่างที่คุณคิด ช่วยเปลี่ยนความคิดของคุณเสียใหม่ด้วย" นาวหน้าแดง โมโหจนตัวสั่นอยากจะเตะเขาสักที "คงยากหน่อยนะ เพราะสิ่งที่ฉันเห็นกับคำพูดของเธอมันดูจะสวนทางกัน" "ก็แล้วแต่คุณจะคิดเลย นาวคงบังคับความคิดของคุณไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วนาวขอตัว เสียเวลางานมามากแล้ว" นาวรวบรวมแรงฮึดทั้งหมดที่มีผลักร่างแกร่งเต็มแรงให้ออกพ้นตัว แล้วรีบเดินหนีไป "ปากดี อวดเก่งนักนะ" ปุณณ์ยืนมองร่างบางที่เดินกระทืบเท้าจากไปด้วยความโมโห ด้วยสายตาแข็งกร้าว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม