"นาวต้องไปอยู่คอนโดของบริษัทด้วยเหรอคะ" นาวเอ่ยขึ้นหลังจากอ่านสัญญาการเป็นนางแบบให้กับแบรนด์ชุดชั้นใน EMMALINE ที่บัวเตรียมมาด้วยจบ
"จริงๆ ก็ไม่จำเป็นนะ แต่พี่อยากให้อยู่ เพราะนางแบบเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่อยู่ของนางแบบก็เป็นส่วนหนึ่ง หรือว่าที่บ้านของนาวไม่อนุญาต" บัวอธิบายทำความเข้าใจกับนาว
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ นาวเช่าห้องอยู่กับเพื่อน แต่ถ้านาวไปอยู่คอนโด แล้ว....." นาวมีสีหน้าลำบากใจเป็นอย่างมาก ในเมื่อเธอได้ดีมีสุข เธอก็อยากให้เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอได้ดีและมีความสุขไปกับเธอด้วย แต่ในสัญญาระบุว่าคนที่จะอยู่คอนโดมิเนียมได้ต้องเป็นพนักงานของบริษัทเท่านั้น
"นาวมีเพื่อนสนิทน่ะ คู่นี้ตัวติดกันมากตั้งแต่วันที่มายื่นใบสมัคร ไปไหนไปด้วยกันตลอด นาวคงไม่อยากแยกกับอีฟ" ปาล์มเห็นท่าทีของนาวที่พอจะเดาได้ว่านาวกำลังคิดอะไรอยู่
"พี่ให้นาวเอาเพื่อนมาอยู่ด้วยก็ได้" บัวยอมให้นาวพาเพื่อนมาอยู่ด้วยได้โดยไม่ลังเล
"ค่ะ ขอบคุณพี่บัวมากนะคะ" นาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะตั้งท่าเซ็นสัญญา
"ทำไมไม่เซ็นล่ะนาว หรือมีอะไรอีก" ปาล์มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นนาวไม่ยอมจรดปากกาเซ็นชื่อลงนามในสัญญาสักที
"เออ...นาว..." นาวมีท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะพูดความต้องการของตัวเองออกไปดีไหม
"นาวมีอะไรพูดกับพี่ตรงๆ ได้เลยนะ อยากให้พี่เพิ่มอะไรไปในสัญญา หรือนาวต้องการอะไร บอกได้เลย ถ้าได้พี่ก็จะบอกว่าได้ แต่ถ้าไม่ได้พี่ก็บอกไม่ได้แค่นั่นเอง" บัวบอกอย่างตรงไปตรงมา
"คือ...พี่บัวต้องการนางแบบแค่คนเดียวเองเหรอคะ พี่บัวช่วยพิจารณาเพื่อนนาวอีกสักคนจะได้ไหมคะ คือเรามีกันแค่สองคน นาว...นาวขอโทษค่ะที่นาวขอพี่บัวมากเกินไป" นาวตัดสินใจพูดออกไป แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองขอมากเกินไปทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะที่ทุกคนให้โอกาสเธอก็มากเกินพอแล้ว
"ไม่เป็นไร นาวกับเพื่อนคงรักกันมาก"
"อีกสองเดือนแอนนาก็จะหมดสัญญาแล้วต้องกลับอังกฤษไม่ต่อสัญญาไม่ใช่เหรอบัว" ธามเอ่ยขึ้น
"ก็จริงนะ พี่ปาล์มคะ บัวขอดูตัวอีฟได้ไหมคะ"
"ได้สิ อีฟก็รอนาวอยู่ข้างนอกนี่เอง ...แจง ให้อีฟเข้ามา" ปาล์มตอบ ก่อนจะลุกไปกดอินเตอร์คอมหาเลขาส่วนตัว
"นาวขอบคุณพี่บัวมากเลยนะคะที่เมตตานาวกับอีฟ" นาวยกมือไหว้ขอบคุณบัวด้วยความตื้นตันใจจนน้ำตาซึม
ก๊อกๆ
"อีฟมานั่งข้างๆ นาวนี่มา" ปาล์มเอ่ยเรียกเมื่ออีฟเปิดประตูเข้ามา
"ค่ะ" อีฟมีสีหน้างุนงง ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มกว้างทั้งน้ำตาของเพื่อนที่ส่งมายิ่งงงเข้าไปใหญ่ ค่อยๆ เดินเข้ามานั่งข้างๆ นาวกอดรัดแขนเพื่อนรักด้วยความดีใจทันที สร้างรอยยิ้มให้บัว ธาม และปาล์ม
"อีฟ พุดพิชญา สัดส่วนใช่ได้ ใกล้เคียงกับนาว อีฟช่วยยืนให้พี่ดูหน่อย แล้วหมุนตัวช้าๆ ช้าๆ แบบนั้น โอเค อีฟนั่งเลย ผิวหน้าก็ใช้ได้ บัวให้อีฟเป็นนางแบบร่วมกับนาวในคอลเลคชั่นใหม่นี้ค่ะพี่ปาล์ม" บัวเอ่ย อันที่จริงแล้วอีฟก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกสองสามคนแรกที่เธอสะดุดตา แต่พอมาเจอนาวเธอก็ตัดคนอื่นออกทันที
"หมายความว่ายังไงคะ อีฟงงไปหมดแล้ว"
"นาวขอให้คุณเอมมาลินรับอีฟเป็นนางแบบด้วย ดังนั้นทั้งนาวแล้วก็อีฟจะได้เป็นนางแบบชุดชั้นในของแบรนด์ EMMALINE ได้เซนสัญญาเป็นพนักงาน ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการทุกอย่างเหมือนพนักงานทุกคน" ปาล์มก็อดดีใจไปกับทั้งคู่ไม่ได้ เธอเองก็ถูกชะตากับเด็กสองคนนี้ไม่ต่างจากบัว
"จริงเหรอคะ จริงเหรอนาว อีฟดีใจที่สุดเลย ขอบคุณคุณเอมมาลิน ขอบคุณพี่ปาล์มมากเลยนะคะที่ให้โอกาสอีฟ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ" อีฟกอดนาวแน่นด้วยความดีใจ พอตั้งสติได้ก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณทุกคน
"เรียกพี่ว่าพี่บัวเหมือนนาวก็ได้"
"ค่ะพี่บัว ขอบคุณนะคะ ...นาว ขอบคุณนะ" อีฟโผเข้าสวมกอดนาวอีกครั้งอย่างนึกขอบคุณเพื่อนที่ทำให้เธอได้เดินสู่อนาคตที่ดีไปด้วย
"ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ แล้วเราก็มีกันแค่สองคนด้วย" นาวกอดตอบ น้ำตาแห่งความดีใจรินไหลออกมาจากดวงตาของทั้งคู่
บัวสะกิดใจกับคำพูดของนาวเป็นครั้งที่สอง ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนถึงได้ออกมาอยู่กันตามลำพัง แล้วครอบครัวของพวกเธอล่ะไปไหน แต่ก็ได้เพียงเก็บความสงสัยไว้ เพราะไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าเธออยากรู้ขึ้นมาจริงๆ
นาวกับอีฟได้เซ็นสัญญาเป็นนางแบบให้กับแบรนด์ชุดชั้นใน EMMALINE ในคอลเลคชั่นใหม่ และในคอลเลคชั่นต่อๆ ไป อีกแน่ ถ้าเธอสองคนมีความรับผิดชอบในงาน
บ้านแทนไท
"บัวได้นางแบบใหม่แล้วนะคะ สองคน" บัวเอ่ยขึ้นขณะนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกับทุกคนที่บ้านแทนไท
"ไหนบัวบอกจะเอาคนเดียวก่อนไงลูก" ชะเอมถาม
"ไหนๆ อีกสองเดือนแอนนาก็จะหมดสัญญาแล้ว ธามก็เลยบอกให้รับมาเลย แล้วทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน วันนี้ตกลงเซ็นสัญญาเลยด้วยค่ะ"
"แสดงว่าสวย หุ่นดีทั้งคู่ บัวถึงตัดสินใจเร็ว ปกติย่าเห็นบัวเลือกมาก เลือกเยอะ กว่าจะได้นางแบบแต่ละคนเล่นเอาปาล์มปวดหัวทุกที"
"สวยค่ะ หนึ่งในสองคน ทุกคนก็เคยเจอมาแล้วด้วย"
"ใครกัน?" ชะเอมถาม
"นาวค่ะ"
"พรวด!! แค่กๆ" ปุณณ์ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มเข้าไป ใส่หน้าปัณณ์เต็มๆ
"ไอ้ปุณณ์ มึงไม่หันไปทางอื่นวะ" ปัณณ์ว่า พลางเช็ดหน้าตัวเอง
"ถึงกับสำลักเลยเหรอตาปุณณ์" พรพระพายเอ่ยกระเซ้าหลานชายพลางลูบหลังให้เบาๆ
"แค่กๆ พี่บัวคิดยังไงไปเอาผู้หญิงแบบยัยมะนาวเน่ามาเป็นนางแบบ แค่กๆ เสียภาพลักษณ์แบรนด์หมด" ปุณณ์ถามพี่สาวทั้งที่ยังไอไม่หยุด
"ปุณณ์ทำไมไปเรียกนาวแบบนั้นล่ะลูก ปุณณ์เป็นผู้ชายไปเรียกผู้หญิงแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ" ชะเอมว่าอย่างไม่ชอบใจนักในคำพูดคำจาของลูกชาย
"ผู้หญิงไม่ดีจะเรียกดีๆ ได้ไงครับคุณแม่"
"ทำไมปากคอเราะร้ายจังเลยตาปุณณ์ ย่าไม่เคยเห็นปุณณ์ว่าใครแบบนี้มาก่อนเลยนะ ระวังเถอะตัวเองกำลังจะมีลูก แต่ปากไปว่าไปติคนอื่น โบราณเขาถือ" พรพระพายตีเพียะไปที่แขนของหลานชาย ต้องการปรามให้หยุดพูดสิ่งไม่ดี
"แล้วผู้หญิงที่รับงานกินข้าวกับผู้ชายนี่ดีเหรอครับคุณย่า ดูก็รู้ว่าจะจบงานกันที่ไหน" พรพระพายกับชะเอมถึงกับส่ายหน้าในคำพูดคำจาของปุณณ์
"ปุณณ์ พูดจาให้เกียรติผู้หญิงบ้างลูก" อาชิเตือน
"ปุณณ์จะให้เกียรติเฉพาะผู้หญิงที่รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้นแหละครับคุณพ่อ คืนนั้นคุณแม่ก็เห็นรอยบนตัวเธอ คุณแม่ก็รู้ว่ารอยพวกนั้นมันเกิดจากอะไร"
"ถ้าเป็นเรื่องคืนนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับนาว พี่ปาล์มเล่าให้พี่กับธามฟังหมดแล้ว....." บัวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับนาวในคืนนั้น และเหตุผลที่นาวต้องไปกินข้าวกับตุลย์ให้ทุกคนฟัง
"เป็นไงล่ะตาปุณณ์ ปากเราเนี่ยมันร้าย ยังไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไงก็ไปว่านาว" พรพระพายว่า
"เรื่องคืนนั้นก็ส่วนคืนนั้น แต่เรื่องรับงานกินข้าวกับผู้ชาย ผู้หญิงดีๆ เขาไม่ทำกันหรอกครับคุณย่า"
"เรานี่บทจะดื้อก็ไม่ฟังอะไรเลยนะ" พรพระพายส่ายหน้าให้กับความดื้อ ความปากร้ายของหลานชาย
"บัวว่านาวคงมีเหตุผลที่ต้องรับงานพวกนี้ นาวกับอีฟคงมีตัวเลือกไม่มากนัก ตอนที่นาวขอร้องให้บัวรับอีฟเป็นนางแบบอีกคน นาวบอกว่ามีกันแค่สองคน"
"แล้วครอบครัวของทั้งคู่ล่ะ" อาชิถาม
"นาวกับอีฟไม่พูดถึงเลยค่ะ พี่ปาล์มบอกว่าทั้งคู่ตัวติดกัน รักและดูเป็นห่วงกันมาก"
"เป็นพวกเลสเบี้ยนหรือเปล่าพี่บัว" ปัณณ์ถามหลังจากที่นั่งเงียบๆ ฟังทุกคนมาตลอด
"ไม่น่าใช่ พี่ว่านาวกับอีฟเป็นเพื่อนกันจริงๆ"
"คงจะมีปัญหาทางบ้าน ทั้งคู่อาจจะหนีออกจากบ้านมาก็ได้" แทนไทพูดอย่างคนมีประสบการณ์ชีวิตมานาน
"ใช่ค่ะคุณปู่ บัวก็คิดแบบนั้น"
"ถ้าจะสืบก็ไม่ใช่เรื่องยาก" อาชิเอ่ย
"ค่ะคุณพ่อ แต่บัวไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่ ใครอยากรู้ก็ให้ไปสืบเอง" บัวตอบคนเป็นพ่อ แต่สายตาจับจ้องที่น้องชายปากร้าย ทำให้ทุกคนหันมองปุณณ์ตามสายตาของบัว
"มองปุณณ์กันทำไมครับ ปุณณ์ก็ไม่สืบ ปุณณ์ไม่อยากรู้ ปุณณ์อิ่มแล้วขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือนะครับ" พูดจบก็ลุกเดินหนีขึ้นห้องทันที
"ปากร้ายไม่พอ ยังปากแข็งอีก" บัวว่า
"บัวพูดเหมือนปุณณ์ชอบนาวเลยลูก" ชะเอมถามลูกสาว
"บัวคิดว่าชอบนะคะ แต่ทำปากร้ายไปงั้น"
"ปัณณ์เห็นด้วยกับพี่บัว เท่าที่ได้สัมผัสอาการจากที่ไปเจอนาวกินข้าวกับนายตุลย์ภพ ปัณณ์ว่าปุณณ์หึงนาว"
"มันจะเป็นไปได้ไง ปุณณ์กับนาวพึ่งจะเจอกันแค่สองครั้งเองไม่ใช่หรอ"
"รักแรกพบไงชะเอม" แทนไทเอ่ยอย่างผู้มีประสบการณ์อีกเช่นเคย
"ตุลย์ภพ นี่ใช่ตุลย์ภพผู้บริหาร TP Properties Development หรือเปล่า" อาชิเอ่ยถามด้วยเป็นชื่อที่เขาได้ยินบ่อยๆ ในช่วงหลังมานี้
"ใช่ครับคุณพ่อ ดูท่าแล้วน่าจะชอบนาวมากๆ เลยด้วยครับ"
"ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่บัวกับปัณณ์คิด ปุณณ์มีคู่แข่งที่แข็งมาก"
"บริษัทนี้หรือเปล่าที่ได้งานประมูลตัดหน้าเราไปหลายงาน"
"ใช่ครับพ่อแทน ถือว่ามาแรงมากในตอนนี้ ทั้งที่บริษัทพึ่งเปิดได้แค่สองปี คงเป็นเพราะมีพ่อเป็นรัฐมนตรี จึงใช้เส้นสายของพ่อเป็นใบเบิกทาง"
"ถ้างั้นก็ไม่เท่าไหร่ ยังเป็นลูกแหง่ พึ่งบารมีพ่ออยู่เลย แค่นี้ อาชิรับมือได้สบาย จริงไหม"
"ครับพ่อแทน แล้วตอนนี้ปัณณ์ก็เข้ามาช่วยงานอีกแรง แบ่งเบาผมไปได้เยอะเลยครับ" อาชิชมเชยลูกชายที่หัวไว ช่วยงานเขาได้มากทั้งที่พึ่งเรียนอยู่แค่ปีหนึ่ง ส่วนปุณณ์จะชอบคนละสายงานเขาจึงให้ดูแลผับไปพลางๆ ก่อน อนาคตคงให้ดูแลกาสิโนด้วย