คุณหญิงหันไปมองแม่หมอก่อนจะยิ้มกว้างออกมาทันที แสดงว่าหนูน้ำมนต์เป็นเนื้อคู่ของตานนท์เหรอเนี่ย มิน่าล่ะถึงได้คอยห่วงใยกันคอยเตือนสารพัด
“แสดงว่าหนูน้ำมนต์เป็นเนื้อคู่ตานนท์เหรอคะ”
“แม่! ไปถามอะไรแบบนั้นอย่าไร้สาระ”
นนท์เอ่ยออกมาเสียงรำคาญ เนื้อคู่บ้าอะไรกันเขากับยัยน้ำเน่าไม่มีทางเป็นเนื้อคู่กัน ทุกวันนี้พูดกันดีๆได้กี่ประโยคกัน ถ้าบอกว่าคู่แค้นกันน่าจะเหมาะสมกว่า
“เงียบไปเลยแกนะ ว่าไงคะแม่หมอ”
“เขียนวันเกิดมาให้แม่หมอหน่อยของลูกชายคุณหญิงแล้วก็ของแม่หนูคนนี้ด้วย”
“เอ่อ ต้องหนูด้วยเหรอคะ เอาจริงๆน้ำมนต์ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะคะ ส่วนเรื่องเนื้อคู่ลืมไปเลยค่ะไม่ใช่แน่นอน หนูเป็นแค่ลูกแม่บ้านจะได้ส่งเสริมใครได้คะยังเอาตัวเองไม่รอดเลย”
น้ำมนต์เอ่ยออกมาตามตรง ถึงจะเกิดราชาฤกษ์แต่เธอยังเอาตัวเองไม่รอดเลย บุญบารมีสูงวาสนาดีอะไรกัน เธอเป็นลูกแม่บ้านมายี่สิบกว่าปีเอาอะไรมาเป็นราชา
“ลองเขียนมาสิ”
แม่หมอยังยืนยันจะดูให้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าดวงสมพงศ์กัน เธอสัมผัสได้และมั่นใจว่าดูไม่ผิดแม่หนูคนนี้มีบุญบารมีสูงมาก อนาคตเธอจะได้ดีและสุขสบาย
คุณหญิงรับกระดาษกับปากกามาถือไว้ก่อนจะเขียนวันเกิดของลูกชายตัวเองลงไปแล้วส่งให้น้ำมนต์เขียนต่อ
“เขียนไปเถอะหนูน้ำมนต์ ดูไปไม่เสียหาย”
“ก็ได้ค่ะ”
น้ำมนต์เขียนวันเดือนปีเกิดของตัวเองลงไปก่อนจะส่งคืนให้แม่หมอ นนท์มองแม่ของเขาอย่างเซ็งๆแต่ก็มไ่ได้ขัดใจอะไรจะรอดูเหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน หมอดูคู่กับหมอเดาเขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
แม่หมอรับมาดูก่อนจะนั่งคำนวณอะไรซักพัก เธอเงยหน้ามองทุกคนก่อนจะยิ้มออกมา
“ดวงสมพงศ์กันมากที่สุด และอายุตอนนี้ถ้าแต่งงานกันจะส่งเสริมกันยิ่งขึ้นไปอีก ชีวิตของทั้งคู่จะมีแต่สิ่งดีๆเข้ามา ลูกชายคุณหญิงถ้าอยู่กับผู้หญิงที่เกิดวันนี้จะชีวิตจะมีแต่ความสุขความเจริญ หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรืองดีแทบทุกอย่าง”
คุณหญิงหันไปมองสามีก่อนจะสะกิดให้ฟัง ตอนนี้เธอไม่สนใจหรอกว่าผู้หญิงจะรวยหรือจน ลูกเต้าเหล่าใครไม่สนใจแล้ว ถ้าดวงเกื้อหนุนลูกชายเธออยู่ด้วยกันสงเสริมบารมีให้เพิ่มขึ้นนั่นเท่ากับว่าเธอเป็นคนที่เหมาะสมกับลูกชายที่สุด
“คุณได้ยินเหมือนฉันใช่มั้ย”
“ได้ยินแล้วน่า แล้วคุณจะทำยังไงต่อ”
คุณหญิงอมยิ้มไม่พูดอะไรกันไปมองหน้าลูกชายพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ นนท์รู้สึกว่าแม่กำลังจะทำอะไรบางอย่างเพราะสายตาที่มองมามันช่างน่ากลัวซะเหลือเกิน คงไม่เชื่อคำพูดของพวกหมอดูใช่มั้ย จะดีไม่ดีมันขึ้นอยู่กับตัวเขาไม่ใช่คนอื่น โคตรไร้สาระเลยมาฟังได้ยังไง
“แม่คงไม่เชื่อที่เธอพูดใช่มั้ย”
“แม่บอกให้แกเงียบไง ถ้ามาแล้วพูดไม่คิดก็ออกไปรอข้างนอก”
คุณหญิงมองหน้าลูกชายอย่างอารมณ์เสีย เขาชอบขัดเธออยู่ตลอดเวลาไม่เหมือนหนูน้ำมนต์เธอจะทำอะไรก็คอยสนับสนุน
“เฮ้อ!”
“ผู้หญิงที่ว่าคงไม่ใช่หนูหรอกค่ะคุณหญิงป้า น้ำมนต์เป็นลูกแม่บ้านถ้ามีบุญบารมีจริงๆคงเกิดเป็นลูกหลานคนรวยไปแล้วค่ะ จริงมั้ยคะแม่หมอ”
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย แม่หมออมยิ้มไม่พูดอะไรตัวเองรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเป็นใคร คงกลัวถูกจับคู่ให้แต่งงานกันมากกว่าก็เลยพูดออกมาแบบนั้น ใบหน้าผิวพรรณของเธอลักษณะโหงวเฮ้งของน้ำมนต์ไม่ใช่คนธรรมดา ต้องเกิดในตระกูลผู้ดีเก่า มองยังไงก็ไม่ใช่แค่ลูกแม่บ้าน
“คุณหญิงจะถามอะไรอีกมั้ย ว่ามาสิ”
“เรื่องทั่วไปค่ะแม่หมอ”
หลังจากนั้นคุณแม่ก็ถามเรื่องของครอบครัวทั่วไป ที่บ้านควรจะเสริมอะไรอีกรึเปล่า แม่หมอก็แนะนำตามที่เห็นภาพ เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีของดีคุ้มครองอยู่แล้วไม่ต้องหาอะไรมาเพิ่ม
“ดูแลของเก่าแก่ในบ้านให้ดีก็พอ ท่านจะปกป้องคุ้มครองครอบครัวให้ผ่านพ้นเรื่องไม่ดีต่างๆไปได้ ของจากบรรพบุรุษนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เก็บไว้ให้ดีนะ”
คุณหญิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอมีของดีหลายอย่างที่บูชาไว้บนหิ้งที่บ้าน มีแต่คนบอกว่าเป็นของดีและแรงมากต้องดูแลให้ดีที่สุด
“หนูชอบพวกเครื่องรางใช่มั้ย”
แม่หมอหันไปคุยกับน้ำมนต์ ทุกคนมองหน้ากันทันทีรวมถึงนนท์ด้วยที่แปลกใจทำไมแม่หมอถึงรู้ได้
“ค่ะแม่หมอ”
“ของดีต้องเก็บไว้กับตัวเอง แล้วของที่แม่หนูคนนี้ให้ลูกชายคุณหญิงต้องรักษาไว้ให้ดีนะ อย่าคิดจะเอาไปทิ้งเด็ดขาดเก็บไว้กับตัวเองให้ดี”
น้ำมนต์หันไปมองหน้านนท์ทันที ทำไมแม่หมอถึงพูดเหมือนเขายังเก็บไว้กับตัวเองแต่เมื่อคืนเขาบอกว่าทิ้งไปแล้วนะ
“เฮียนนท์ทิ้งไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
เขาหยิบออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้หญิงสาวดู ทำไมแม่หมอคนนี้ถึงดูรู้มากจัง จะว่าบังเอิญรึเปล่าก็ไม่ใช่ จากที่เขาไม่มีความเชื่อเรื่องพวกนี้เริ่มมีคำถามแล้ว
“ฉันแกล้งเธอเล่นเฉยๆยังไม่ได้ทิ้ง”
“แล้วมาหลอกน้ำมนต์ทำไมเล่าเฮียนี่”
น้ำมนต์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโล่งอก นึกว่าเขาทิ้งไปจริงๆเสียแล้ว ของดีแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้ เธออุตส่าห์ยกให้เขาดูแลถ้าไม่เห็นค่าเธอก็จะเอากลับคืนมา
“เอาคืนมาเลย ไม่อยากได้ก็เอาคืนมา”
“อะไรกันให้แล้วมาเอาคืน บ้ารึเปล่า”
เขายักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะเก็บลงไปตามเดิม น้ำมนต์จิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะหันไปมองหน้าแม่หมอแล้วยิ้มกว้างออกมา
“น้ำมนต์อยากฝากตัวเป็นลูกศิษย์แม่หมอจัง”
แม่หมอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็กสาว เธอมีสัมผัสพิเศษบางอย่างแต่ยังไม่บรรลุถึงขั้นที่เธอเป็น น้ำมนต์ยังเด็กให้ใช้ชีวิตในแบบของเธอนั้นแหละดีแล้ว ถ้าต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของเธออนาคตเธอจะต้องไปช่วยเหลือคนอื่นอีกมากมายและเธอเองจะเหนื่อยเหมือนที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้
“อยู่แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้แหละดีแล้ว อย่าเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในวงการนี้เลย แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ค่ะ”
เธอยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี คุยกันอีกไม่นานทั้งสี่คนก็กลับมาที่บ้านพร้อมกัน ต่างฝ่างต่างแยกย้ายไปพักผ่อนเพราะเดินทางเหนื่อย ส่วนคุณหญิงเรียกให้น้ำผิงมาหาที่ห้องรับแขกเพื่อคุยเป็นการส่วนตัว
“คุณหญิงเรียกน้ำผิงเหรอคะ”
“ใช่มีเรื่องจะคุยด้วย”
น้ำผิงนั่งลงข้างล่างคุณหญิง ท่านดึงน้ำผิงขึ้นมานั่งข้างบนด้วยกันก่อนจะกุมมือเธอไว้แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
“มีอะไรเหรอคะ”
“ฉันอยากให้หนูน้ำมนต์แต่งงานกับตานนท์ น้ำผิงจะว่ายังไง”
“อะไรนะคะ! คุณหญิงว่าอะไรนะ”