น้ำผิงมองคุณหญิงอย่างตกใจมาก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของคุณหญิงท่าน ให้ลูกสาวของเธอแต่งงานกับลูกชายของเธอ มันไม่เหมาะสมกันเลยซักนิดเดียว
“คุณหญิงใจเย็นก่อนนะคะ ผิงว่าน่าจะได้ยินไม่ค่อยชัดหรือว่าฟังผิดไป”
“ไม่ผิด ฉันอยากให้หนูน้ำมนต์แต่งงานกับตานนท์ เด็กสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ใจกันมากแถมยังโสดทั้งคู่ และที่สำคัญที่สุดแม่หมอบอกว่าสองคนคือเนื้อคู่กัน หนูน้ำมนต์เป็นคนมีบุญบารมีสูง วาสนาดี ถ้าแต่งงานกับตานนท์จะส่งเสริมกันเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น”
น้ำผิงทำหน้าลำบากใจเป็นอย่่างมาก มันคือการบังคับจิตใจของลูกเลยอันดับแรก ถ้าสองคนรักกันเต็มใจจะแต่งงานกันเธอจะไม่คัดค้านเลยซักนิด แต่นี่คุณนนท์เขาเอ็นดูน้ำมนต์เหมือนน้องคนหนึ่ง จะแต่งงานกันได้ยังไงเธอมองไม่เห็นทาง
“สองคนไม่ได้รักกันนะคะ คุณนนท์เอ็นดูน้ำมนต์เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยซักนิดแบบนี้เราจะไม่บังคับจิตใจเด็กทั้งสองคนเหรอคะ”
“แต่งกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละน่า ฉันดูออกนะว่าตานนท์ก็ห่วงหนูน้ำมนต์ รายนั้นยิ่งแล้วใหญ่คอยเตือนลูกชายฉันทุกอย่างแถมยังให้เครื่องรางที่หายากที่สุดอีก คนปกติคงเก็บไว้กับตัวเองแล้ว”
คุณหญิงยังยืนยันว่าจะให้เด็กทั้งสองคนได้แต่งงานกัน เธอเชื่อว่าสองคนจะรักกันได้และสามารถมีความสุขกับชีวิตคู่ อย่าลืมสิว่าเป็นเนื้อคู่กันไม่รักกันตอนนี้ก็ต้องรักในสักวัน
“แล้วคุณนนท์ว่ายังไงบ้างคะ”
“ฉันจัดการเองไม่ต้องห่วง ผิงไปคุยกับลูกนะฉันเชื่อว่าน้ำมนต์จะทำตามความต้องการของฉัน”
“ผิงจะลองคุยดูนะคะ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเบา มันไม่ใช่แค่ลูกตกลงแล้วมันจะจบ พ่อของน้ำมนต์ไม่ยอมแน่นอนเพราะลูกยังเรียนไม่จบยังมีอนาคตอีกไกล เขาคงไม่ยอมให้ลูกแต่งงานตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้หรอกถึงเธอจะไม่เคยเห็นองความช่วยเหลือจากเขาแม้กระทั่งใบเกิดลูกก็ไม่ใส่ชื่อของเขา แต่ถ้าท่านเอาจริงขึ้นมาแล้วฟ้องร้องเธอก็แพ้อยู่ดี และช่วงหลังเขาเริ่มยุ่งกับเราสองคนมากขึ้นถ้าไม่ยอมบอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้ำมนต์เธอเองจะเดือดร้อน
“ขอบคุณมากนะผิง ให้น้ำมนต์แต่งงานกับตานนท์ฉันสัญญาว่าจะให้ลูกสาวผิงอยู่สุขสบายที่สุด”
ทางด้านของน้ำมนต์เธอไปรดน้ำต้นไม้ในสวนนั่งคิดถึงเรื่องที่คุณหญิงป้าพูดกับเธอในรถ
‘แม่อยากให้น้ำมนต์แต่งงานกับตานนท์นะ แม่หมอบอกว่าเป็นเนื้อคู่กันไม่รักกันวันนี้ก็รักกันวันหน้าอยู่ดี เนื้อคู่กันแล้วไม่แคล้วคลาดกันหรอก’
“คนอย่างเฮียนนท์นะเหรอจะยอมแต่งงานกับเธอ ไม่มีทางหรอก”
เธอถอยหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงเอากรรไกรมาตกแต่งกิ่งไม้ไปพลางๆ นนท์เดินตามหาน้ำมนต์ทันทีเมื่อแม่มาคุยเรื่องที่อยากจะให้เขาแต่งงานกับเด็กนั่น คนเราไม่ได้รักกันจะมาบังคับแบบนี้ไม่ได้ เขาไม่ยอมเด็ดขาด เนื้อคู่อะไรไร้สาระที่สุด
“เห็นน้ำมนต์มั้ยพี่เดือน”
“สวนข้างบ้านค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
เขารีบเดินออกไปทันที การที่จะเถียงกับแม่เรื่องนี้เขาคนเดียวไม่มีทางต้านไหว แม่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่การจะขัดใจท่านเป็นเรื่องที่เขาหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด ถึงจะไม่ยอมในบางเรื่องแต่ครั้งนี้มันเรื่องใหญ่ ถ้าแม่ดึงดันขึ้นมาเขาจะลำบาก ต้องให้น้ำมนต์ปฏิเสธอีกแรงถ้าผู้หญิงไม่ยอมแต่งเสียอย่าง แม่คงบังคับไม่ได้
“ยัยน้ำเน่ามาคุยกันหน่อย”
นนท์เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวทันที เธอเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาก็วางกรรไกรลงแล้วหันมาคุยกับเขา
“เฮียนนท์มีอะไรเหรอคะ”
“เรื่องแต่งงานเธอต้องปฏิเสธแม่ฉัน เราสองคนไม่ได้รักกันมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่”
เขายืนยันเสียงแข็ง คิดไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างเขาไม่มีทางแต่งงานกับเธอ ลูกแม่บ้านธรรมดาที่ไม่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเหมือนลูกคนรวย ไม่มีทางที่เขาจะมาสนใจ
“ทำไมไม่บอกคุณหญิงป้าคะ ถ้าเฮียนนท์ยืนยันจะไม่แต่งยังไงท่านก็ไม่บังคับหรอก”
“เธอรู้จักแม่ฉันดีนี่ ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่เกิดฉันพูดแบบนั้นแล้วความดันขึ้นจะทำยังไง เธออยากให้แม่ฉันช็อคตายเหรอไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือน้ำมนต์พูดอะไรได้ที่ไหนกัน เฮียนนท์เป็นลูกก็ต้องคุยสิคะ”
เธอไม่อยากปฏิเสธท่าน เพราะคุณหญิงป้ากับคุณลุงดลคือผู้มีพระคุณของแม่กับเธอ อะไรที่ตอบแทนท่านได้เธอก็ยอมทำ แต่เรื่องแต่งงานถ้าจะปฏิเสธตรงๆกลัวว่าท่านจะโกรธ เธอจึงโยนทุกอย่างไปให้คนเป็นลูกชาย อย่างน้อยจะได้ไม่รู้สึกผิด
“เพราะเป็นลูกเนี่ยแหละถึงลำบากใจที่จะพูด เธอต้องไปบอกแม่ว่าไม่อยากแต่งหรือจะบอกไปว่าเธอมีแฟนแล้วก็ได้ ท่านจะได้เลิกล้มความคิดพวกนี้ซักที ฉันไม่อยากแต่งงานกับเธอเข้าใจใช่มั้ยน้ำมนต์ถ้าใครรู้ล้อฉันยันลูกบวชอายคนอื่นตาย อีกอย่างเราสองคนไม่ได้รักกัน”
น้ำมนต์เงยหน้ามองเขาอย่างรู้สึกเสียใจที่เขาแสดงออกว่ารังเกียจเธอจนออกนอกหน้า
“การแต่งงานกับน้ำมนต์มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายขนาดนั้นเลยเหรอคะ อ่อใช่สิ น้ำมนต์เป็นลูกแม่บ้านนี่เนาะ เฮียนนท์เป็นถึงท่านประธาน NBC Channel ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมกันถึงจะถูก”
เขาได้ยินเธอพูดแบบนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น หรือว่าเขาจะพูดแรงไปหน่อย แล้วที่ไม่อยากแต่งงานไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกแม่บ้าน แต่เพื่อนเคยพูดไว้ว่าสุดท้ายเขาจะต้องแต่งงานกับน้ำมนต์ เพราะชอบทะเลาะกันตลอด เพื่อนจะบอกว่าเกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้นซึ่งเขาคงไม่โอเคเท่าไหร่ถ้าต้องถูกล้อ อีกอย่างถ้าเขาจะแต่งงานก็ต้องเลือกผู้หญิงที่เขารักสิไม่ใช่ถูกบังคับแบบนี้
“คือฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ที่พูดคือ…”
“ช่างมันเถอะค่ะน้ำมนต์เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะตอนนี้น้ำมนต์กำลังหาบ้านอยู่ ถ้าได้แล้วจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะจะพาแม่ไปอยู่ด้วย ถึงตอนนั้นคุณหญิงคงไม่ตามไปขอให้เราสองคนแต่งงานกันหรอกค่ะไม่ต้องห่วงนะคะเฮียนนท์ เราสองคนจะไม่ได้แต่งงานกันแน่นอน”
เธอพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทันที ทิ้งให้เขามึนงงกับสิ่งที่เธอพูดทิ้งไว้ก่อนไป หมายความว่ายังไงกำลังหาบ้านแล้วจะออกไปอยู่ข้างนอก คือเขาไม่ได้ต้องการให้เธอย้ายออกไปซะหน่อย ก็แค่ไม่ต้องแต่งงานกันก็เท่านั้น
“ดะ..เดี๋ยวสิน้ำมนต์ คือฉัน… อะไรวะเนี่ย”