เช้าวันต่อมา…
น้ำมนต์ตื่นเช้ามาช่วยแม่ทำอาหารเช้าให้พวกคุณท่าน แม่บ้านทุกคนก็มีแม่เนี่ยแหละที่พวกท่านชอบฝีมือการทำอาหารจึงต้องมาทำทุกวัน ส่วนคนอื่นก็ไปทำอย่างอื่นแทน
“น้ำมนต์ทำผัดผงกะหรี่กุ้งหน่อย”
“ได้จ้ะแม่”
เธอที่ยืนแกะกุ้งอยู่ก็เดินไปล้างมือก่อนจะไปตั้งเตาทำของโปรดของเฮียนนท์ เมื่อคืนเขาทำเธอนอนไม่หลับ อารมณ์เสียเพราะเขาเอาของดีที่เธอให้ไปทิ้ง พูดแล้วก็หงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เขาเป็นเจ้านายเธอเป็นลูกแม่บ้านไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรหรอก
“คุณหญิงบอกว่าเรานะทำอาหารอร่อย อร่อยกว่าแม่อีก”
“จริงเหรอจ้ะ แบบนี้เราไปเปิดร้านอาหารได้เลยนะเนี่ย แม่ว่าไงสนใจมั้ยจ๊ะ”
“เรียนให้จบก่อนเถอะแล้วค่อยคิดว่าจะไปทำอะไร ตอนนี้ไปฝึกงานก่อนดีมั้ย เผื่อเจอทางของตัวเอง”
คุณแม่แนะนำลูกสาวให้ค่อยเป็นค่อยไป เด็กเพิ่งใกล้จะเรียนจบยังสามารถเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้อีกไกล ไม่ต้องรีบคิดว่าตัวเองอยากจะทำอะไรลองหลายๆแบบแล้วจะเจอทางที่ชอบเอง
“ค่ะแม่ งั้นไปฝึกงานที่NBC Channel ก่อนแล้วกัน เผื่อมีแมวมองมาปั้นหนูไปเป็นดารา โอ๊ย! ทีนี้แหละแม่สบายเลย”
น้ำมนต์หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ แต่ก็พูดเล่นไปงั้นแหละเธอไม่ได้สวยมากขนาดจะมีคนพาไปเป็นดาราหรอก แต่ก็มีคนติดต่อไปประกวดนางงามนะสงสัยเห็นความสวยที่มันซ่อนอยู่ในตัวของเธอล่ะมั่ง
“หนูสวยจะตายทำไมจะเป็นไม่ได้”
“สวยเหมือนแม่ใช่มะ คิคิ”
“รีบทำได้แล้วเดี๋ยวคุณๆเค้าจะมากินข้าวเช้ากัน”
น้ำผิงมองลูกสาวก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย ติดเล่นอย่างกับเด็กทั้งๆที่ตัวเองอายุ20กว่าปีแล้ว ลูกยังไงก็ดูเด็กที่สุดในสายตาของแม่อยู่ดี น้ำมนต์ตั้งใจทำอาหารสุดฝีมือใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อยทุกอย่างพร้อมเสิร์ฟ ทางด้านของคุณหญิงท่านตื่นเช้ามาก็เดินเล่นในสวนก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้านตามหาหนูน้ำมนต์ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
“อ่าวคุณหญิงป้ามาแล้วเหรอคะ อาหารพร้อมแล้วนะคะ”
“หนูน้ำมนต์มาพอดีเลยลูก แม่จะชวนหนูไปธุระด้วยนะวันนี้ว่างรึเปล่า”
น้ำมนต์พยักหน้าทันที วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากเพราะเป็นวันหยุด มีนัดไลฟ์สดขายของช่วงเย็นเท่านั้น
“วันนี้หยุดค่ะว่างทั้งวันเลย”
“งั้นไปเป็นเพื่อนป้านะ”
“ได้ค่ะ”
น้ำมนต์ยิ้มกว้างออกมาทันที คุณหญิงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่มีเพื่อนไปด้วยแล้ว เธอมีคิวนัดกับแม่หมอไว้ว่าจะไปดูดวงด้วย กว่าจะได้คิวว่างเธอรอมาตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ถ้าวันนี้ไม่ไปไม่รู้ว่าอีกกี่เดือนจะได้คิวอีก
“ดีเลย ป้ามีนัดกับแม่หมอไว้ กว่าจะได้คิวป้ารอมานานมาก เค้าบอกว่าที่นี่แม่นที่สุดเลยแหละป้าลองมาแล้วแม่นจนขนลุก”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่สิจ้ะ ช่วงนี้ดวงตานนท์ดูซวยๆยังไงก็ไม่รู้สิ แม่ว่าจะไปดูให้ลูกชายเสียหน่อย รายนั้นก็ไม่ยอมเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย จนปัญญาจะอธิบาย”
นนท์ที่ได้ยินเสียงคนคุยกันก็เดินมาพอดี เขาเห็นคุณแม่กำลังคุยกับน้ำมนต์อยู่ก็อยากจะเข้าไปคุยด้วย แล้วก็ไปง้อเด็กจอมยุ่งเสียหน่อย
“คุยอะไรกันครับแม่ดูตื่นเต้นเชียว”
“แม่ชวนหนูน้ำมนต์ไปเป็นเพื่อนนะจ้ะ พอดีว่านัดแม่หมอไว้ว่าจะไปดูดวง กว่าแม่จะได้คิวมารอตั้งสองเดือน แม่นมากบอกแค่นี้แหละ”
คุณแม่เอ่ยชมไม่ขาดปาก เธอเจอมากับตัวเองแล้วถึงได้พูดอย่างเต็มปากว่าแม่นที่สุด คนไม่เชื่อต้องเจอกับตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้
“งั้นเหรอ… ผมไปส่งมั้ย”
สองสาวหันไปมองหน้าชายหนุ่มทันที ไม่คิดว่าคนแบบเขาอยากจะไป ปกติไม่มีความเชื่ออะไรแบบนี้
“เราไม่ชอบอะไรแบบนี้ไม่ใช่เหรอ จะไปทำไมกัน”
“น่าสนุกออก ผมไปด้วยนะ”
เขาพูดไปพร้อมกับยิ้มยั่วหญิงสาว จากที่เห็นน่าจะอยากไปกวนประสาทเธอมากกว่า น้ำมนต์สะบัดหน้าใส่เขาอย่างงอนๆ ยังเคืองเรื่องเมื่อวานไม่หายเลยนะพูดแล้วก็โมโห
“ตามใจแล้วกัน หนูน้ำมนต์ไปกินข้าวกับป้าก่อนสิจะได้ไปพร้อมกัน”
“คุณหญิงป้าทานเลยค่ะน้ำมนต์ยังไม่หิวเท่าไหร่ งั้นขอไปอาบน้ำแต่งตัวนะคะ”
“เอางั้นเหรอ.. ตามใจแล้วกัน”
หญิงสาวเดินออกไปทันทีไม่อยากจะคุยกับชายหนุ่มให้หงุดหงิดใจ เขาอมยิ้มเดินไปกอดเอวคุณแม่แล้วพาไปยังห้องอาหาร วันนี้เขาจะป่วนจนเธอตบะแตกไปเลย อยากโกรธนักใช่มั้ยงั้นเอาให้สุดไปเลยสิ หึ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสี่คนก็มาพร้อมกันที่ลานจอดรถ ตอนแรกจะไปกันแค่สามแต่คุณดลเห็นว่าน่าสนุกเลยขอไปด้วยอีกคน
“ไปด้วยกันหลายคนสนุกดีออก”
“มาแล้วนั่งเงียบๆนะคะ ไม่ใช่มาขัดคอกันฉันจะไล่กลับให้หมดทั้งพ่อทั้งลูกเลยคอยดู”
คุณหญิงมองทั้งสองคนอย่างคาดโทษ ไม่รู้ว่าจะมาเป็นเพื่อนหรือจะมาป่วนก็ไม่รู้ คุณหญิงให้น้ำมนต์ไปนั่งข้างหน้าเป็นเพื่อนลูกชายเพราะดูเหมือนสองคนจะทะเลาะกันเผื่อจะได้คุยกันบ้าง
“นั่งกับพี่เค้านะลูก”
“ค่ะคุณหญิงป้า”
น้ำมนต์นั่งข้างหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดเล่นทันทีไม่สนใจคนข้างๆที่ขับรถอยู่ ตลอดทางเอาแต่ก้มหน้าสนใจแต่สิ่งตรงหน้า นนท์ที่แกล้งเธอสารพัดเปิดเพลงดังๆ ใช้ไปซื้อกาแฟบ้างแต่ก็ไม่เป็นผล เธอยังไม่ยอมคุยกับเขาเหมือนเดิมจนเขาจนปัญญาจะแกล้งต่อ ไม่นานก็มาถึงสำนักดูดวงที่คุณแม่จองคิวไว้ วันหนึ่งจะรับลูกค้าแค่สี่คน หรูหราเชียวท่าทางจะมีแต่คนรวยมาดูล่ะมั่งถึงได้มีเงินสร้างมากมายขนาดนี้
“เชิญเลยค่ะแม่หมอรออยู่”
พนักงานเดินออกมาต้อนรับแขก ทั้งสี่คนเดินเข้าไปข้างในนั่งอยู่บนพื้นระหว่างแม่หมอเดินออกมาหา ซักพักก็เดินเข้ามาพร้อมกับธูปในมือ เธอคุกเข่าลงยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะจุดธูปแล้วหันหน้ามาคุยกับทั้งสี่คน
“ว่าไงคุณหญิงไม่เจอกันนานเลยนะ”
“สวัสดีค่ะแม่หมอ คิวแม่หมอแน่นมากเลยนี่คะกว่าจะจองคิวได้รอนานมาก”
แม่หมอยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหยิบไพ่ยิปซีขึ้นมาเรียงตรงหน้าพรางชวนคุยไปด้วย
“ช่วงนี้คิวแน่นมากจริงๆ แม่หมอก็เหนื่อยอยากพักผ่อนแต่ก็ทำไม่ได้ วันนี้คุณหญิงมีปัญหาอะไรอยากจะถามแม่หมอเหรอ ว่ามาสิ”
แม่หมอยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร มองผู้ชายที่มาด้วยแววตาที่บอกไม่ถูก เขาไม่ค่อยมีความเชื่อในด้านนี้ทำไมถึงอยากมาก็ไม่รู้ แต่ผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยมีความเชื่อทางด้านนี้โดยตรงแถมยังมีสัมผัสพิเศษอีก จริงๆแล้วเธอมีบุญบารมีสูงมาก ใครอยู่ใกล้ดวงของเธอก็จะส่งเสริมให้ดีขึ้น
“ว่าจะถามเรื่องลูกชายก่อนเลยค่ะอันดับแรก อายุก็ปาไปสามสิบกว่าแล้วยังไม่ยอมมีแฟนซักที ไม่รู้ว่าเนื้อคู่ไปอยู่ที่ไหนสงสัยจะได้ขึ้นคานแล้วล่ะมั่งคะ”
คุณหญิงบ่นออกมาก่อนจะหันไปมองลูกชายตัวดี เขาตาโตก่อนจะรีบเถียงออกมาทันที
“ทำไมวนมาเรื่องผมเนี่ย ก็บอกอยู่ว่าทำงานยังไม่พร้อมมีไง แม่นี่ยังไงเนี่ย”
สองคนทะเลาะกันเสียงไม่ดังมากนัก แม่หมอมองหน้าน้ำมนต์ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“เนื้อคู่ของลูกชายคุณหญิงก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่ หญิงที่เกิดราชาฤกษ์มีบุญบารมีสูง วาสนาดีมาก แค่อยู่ใกล้ก็ส่งเสริมกันแล้ว ลูกชายคุณหญิงจะเจริญยิ่งขึ้นไปอีกต้องมีผู้หญิงตามลักษณะนี้เคียงข้าง”
“แล้วจะไปหาจากไหนกันคะ ผู้หญิงที่แม่หมอพูดมาเนี่ย ท่าทางจะหาลำบาก”
คุณหญิงเอ่ยถามอย่างสงสัย นางฟ้านางสวรรค์ชัดๆอะไรจะดวงดีมากขนาดนี้ เธอยังมองไม่เห็นว่ารอบข้างลูกชายเธอจะมีใครที่มีบุญบารมีสูงมาก
“แม่หนูเกิดราชาฤกษ์ใช่มั้ย”
แม่หมอหันมาถามน้ำมนต์ที่นั่งมองเธอตาแป๋ว หลวงพ่อที่วัดบอกกับแม่ว่าเธอเกิดราชาฤกษ์ เป็นเด็กที่มีบุญบารมีสูงวาสนาดี ต้องเลี้ยงเธอให้เป็นคนดีอนาคตจะส่งเสริมคนรอบข้างให้เจริญรุ่งเรือง
“แม่หมอรู้ได้ยังไงคะ น้ำมนต์ไม่เคยบอกใครเลยนะ”
แม่หมอยิ้มออกมาไม่พูดอะไรอีก ทั้งสามคนหันไปมองหญิงสาวอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคนที่แม่หมอพูดถึงจะเป็นน้ำมนต์
“หนูเกิดราชาฤกษ์เหรอ”
“ไม่แน่ใจค่ะว่าใช่มั้ย แต่หลวงพ่อที่วัดบอกแบบนั้นค่ะ”