ตอนที่ 7 สบตาครั้งแรก

2063 คำ
ตอนที่ 7 สบตาครั้งแรก ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองอาทิตย์ผ่านมาแล้วที่ฉันได้เข้ามาทำงานที่ห้าง MISCREANT โดยประจำอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้าชั้นที่สี่ การทำงานของฉันราบรื่นทุกอย่างมีเพียงแค่บางวันเท่านั้นที่จะเจอกับลูกค้าที่แสนจะเรื่องมาก ชุดนี้ก็ใส่ไม่ได้ ชุดนี้ก็ไม่เข้ากัน ชุดนี้ก็ใส่แล้วไม่ขับสีผิวให้ขาว ชุดนี้สีไม่สวยแล้วยังมีเหตุอีกร้อยแปดพันอย่างที่พวกเขาสรรหามาอย่างกับเอาโล่อย่างนั้นแหละแต่ทำยังไงได้หละในเมื่อฉันต้องการเงิน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซีเจนก็ต้องมากับฉันด้วยโดยลูกได้เรียนวาดภาพอยู่ร้านถัดไปเท่านั้นเอง ในวันแรกที่มาเรียนซีเจนโม้ใหญ่เลยว่าสนุกมาก ชอบ และอยากเรียนอีกมากๆ ฉันก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันเพราะว่าไม่อยากให้ซีเจนไกลตาไปมากกว่านี้ฉันห่วงแต่ทว่าวันนี้ฉันต้องทำงานเลยเวลาไปอีกหน่อยเพราะว่าเสื้อผ้าเข้าร้านมาใหม่จำนวนมากจึงจะต้องจัดให้เรียบร้อยตอนนี้ก็เลยเวลาไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว ฉันจึงให้ซีเจนนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าโรงเรียนวาดรูปที่ปิดไปเรียบร้อยแล้ว “เอ้า! ช่วยๆ กันทำให้เร็วๆ กันหน่อยนะพวกเธอ” เสียงผู้จัดการเดินเข้ามากพร้อมกับพูดขึ้นโดยที่ใช้สายตาจิกอย่างดุดันแต่ไม่คิดที่จะช่วยอะไรเลยน้ำใจไม่มีชะมัด “ค่ะ” ฉันตอบรับทันทีแต่มือก็ยังจัดเสื้อผ้าอย่างนั้น “ท่านประธานนี้หล่อจริงๆ นะ ใครๆ ก็อยากจะเป็นภรรยากันหมด อายุไม่ถึงยี่สิบห้าด้วยซ้ำแต่กับบริหารงานได้อย่างดี เจริญรุ่งเรืองไปหมด” ผู้จัดการร้านพูดขึ้นอย่างเชิดๆ พร้อมกับย่อตัวนั่งลงที่เก้าอี้ต่อ “จริงด้วยค่ะผู้จัดการทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ใครๆ ก็ชอบ” พี่อ้อยเพื่อนร่วมงานของฉันพูดขึ้นอีก “อย่างแกฝันไปนังอ้อยเธอก็อีกคนด้วยรีบทำงานอย่าพูดมาก” ผู้จัดการพูดขึ้นกับพี่อ้อยก่อนที่จะใช้นิ้วชี้มาทางฉัน ฉันยังทำหน้างงๆ อยู่มันเกี่ยวอะไรกับฉันไม่ทราบในเมื่อท่านประธานที่พวกนั้นพูดถึงฉันยังไม่เห็นด้วยซ้ำ ผู้จัดการท่าจะบ้าหึงไปหมด “อย่าไปสนใจเลยเจ ผู้จัดการก็เป็นแบบนี้แหละชอบฝันเฟืองฝันแล้วเอื้อมไม่ถึงด้วยนะแต่น่าเสียดายเมื่อวันก่อนท่านประธานยังมาที่ร้านเราเลยแต่เจอยู่หลังร้านไม่ได้ออกมาจึงอดไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ ของท่าน” “อย่างนี้เองหรอคะพี่อ้อย” พี่อ้อยหันมากระซิบข้างๆ หูของฉันเมื่อเห็นว่าผู้จัดการหันหน้าไปทางอื่นฉันจึงเริ่มเข้าใจเรื่องราวมากขึ้นก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเพื่ออยากจะให้เสร็จไวๆ จะได้พาลูกกลับไปพักผ่อน… วันนี้เป็นที่ผมเลิกงานดึกกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมาจึงไม่อยากที่จะใช้ลิฟต์แต่อยากจะเดินลงมาดูว่าห้างเป็นยังไงบ้างถือว่าเป็นการเช็คตลาดไปในตัว ตอนนี้ผมเดินลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงชั้นสี่ซึ่งเมื่อสังเกตดูแล้วเป็นชั้นที่คนมากกว่าชั้นอื่นๆ เพราะมีการจำหน่ายเสื้อผ้าดังหลากหลายแบรนด์ดังที่ต่างเป็นที่ชื่อชอบของผู้คนสมัยนี้จึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ แกร๊บ! เสียงที่ดังขึ้นจากใต้ฝ่าเท้าของตัวเองทำให้ผมชะงักทันทีก่อนที่จะหยุดเดินอย่างอัตโนมัติแล้วผมก็ยกเท้าตัวเองออกจากสิ่งๆ นั้นทำให้เห็นดินสอแท่งเล็กๆ สั้นๆ เก่าๆ ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนหักละเอียดกองอยู่ตรงนั้น “ว้าน้องชมพูพังแล้ว” เสียงฝ่าเท้าเล็กๆ รีบวิ่งเข้ามาหยุดที่ตรงหน้าของผมก่อนที่จะส่งเสียงเล็กๆ ใสๆ ของเธอมาทำให้ผมต้องเงยหน้าตัวเองจากดินสอแท่งนั้นขึ้นมาดูคนตรงหน้าตัวเองก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อแขนยาวสีเหลืองทับด้วยชุดเอี๊ยมยีนส์ตัวเล็กเหมาะกับตัว ผมสีดำถูกมัดด้วยผ้ามัดผมสีแดงลูกเชอรี่ทั้งสองข้างพร้อมกับใส่ที่คาดผมสีชมพู ดวงตาอันแสนสดใสถูกทอดมองมายังผมอย่างเป็นประกายปากเล็กจมูกหน่อยยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของผมเต้นรัวๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำไมผมถึงรู้สึกผูกพันกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยแก้มตุ้ยนุ้ยคนนี้อย่างบอกไม่ถูกและที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือเด็กน้อยคนนี้หน้าตาคล้ายกับผมมากราวกับเป็นพ่อลูกกัน “ลุงขอโทษนะครับที่เหยียบจนมันพังไปแล้ว” ผมรีบนั่งคุกเข่าหนึ่งข้างตรงหน้าเด็กทันทีก่อนที่จะพูดออกไป สายตาที่เด็กผู้หญิงคนนั้นมองผมมันยิ่งทำให้รู้สึกประหลาดเข้าไปกันใหญ่ “ไม่เป็นไรค่ะ ซีเจนผิดเอง ซีเจนทำมันหล่น คุณลุงอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ” “ซีเจน?” ผมพูดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเด็กน้อยตรงหน้าแทนตัวเองว่าซีเจน เธอไม่โกรธผมสักนิดแต่กลับเดินเข้ามาใกล้แล้วยิ้มให้กับผมอีกทั้งๆ ที่เราพึ่งเจอกันครั้งแรกเป็นชื่อที่แปลกมากผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแต่ผมกับรู้สึกชอบชื่อนี้ตั้งแต่ได้ยินเลยก็ว่าได้ “ค่ะเป็นชื่อของหนูเองหม่ามี๊ตั้งให้คะ” เธอพูดกับผมอีกครั้งหนึ่ง “ชื่อเพราะจังเลยครับลุงชอบมาก” ผมพูดออกไปก่อนที่จะนำฝ่ามือตัวเองไปลูบที่ศีรษะของเด็กน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยนทั้งๆ ที่ไม่เคยทำกับเด็กคนไหนมาก่อน “ซีเจนก็ชอบค่ะชอบมากเหมือนคุณลุงเลยค่ะ” เด็กน้อยคนนั้นตอบมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนสดใสอันแสนเปล่งประกาย “งั้นเดี๋ยวลุงซื้อน้องชมพูของซีเจนให้ใหม่ได้ไหมครับ?” ผมถามขึ้นทันทีเพราะว่าดินสอที่ตัวเองเหยียบมันใช้งานไม่ได้แล้วแน่นอน หักละเอียดขนาดนั้นใช้ได้ก็บ้าแล้วแต่เด็กน้อยคนนี้แปลกอย่างหนึ่งก็คือทำไมถึงไม่ร้องไห้สักนิดทั้งๆ ที่ของตัวเองหักขนาดนั้น พ่อแม่ของเขาสอนมาดีจริงๆ “แต่ว่าซีเจนรอหม่ามี๊ทำงานอยู่คะร้านนี้เองเดี๋ยวหม่ามี๊มาไม่เห็นซีเจนอยู่ตรงนี้ หม่ามี๊จะเป็นห่วงค่ะ ซีเจนไม่อยากให้หม่ามี๊เป็นห่วง” สิ่งที่เด็กน้อยคนนี้พูดขึ้นและใช้มือชี้ไปทางร้านที่แม่ของเธออยู่ มันยิ่งทำให้ผมอึ้งไปอีกไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้จะคิดได้ถึงเพียงนี้เธอคงจะรักแม่ตัวเองมากแต่คนเป็นแม่ทำไมถึงปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวแบบนี้เกิดมีคนอื่นล่อลวงไปจะทำยังไง “เดี๋ยวลุงพาไปซื้อน้องชมพูร้านนี้ดีไหมใกล้ๆ เอง เสร็จแล้วจะพาไปหาหม่ามี๊ที่ร้าน” เด็กน้อยใช้เวลาคิดสักพักแต่เมื่อเห็นว่าร้านอยู่ใกล้เพียงเดินไปไม่กี่ก้าวเธอก็รีบตอบมาทันทีพร้อมกับพยักหน้า “ก็ได้ค่ะแต่ซีเจนไม่ซื้อนะคะดูก็พอ หม่ามี๊บอกมันแพงมาก ซีเจนกับหม่ามี๊ไม่มีเงินจ่าย” ผมถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาทันเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กน้อยซีเจน เธอถูกสอนมาดีจริงๆ ดีมากจนทำให้ผมยอมรับแบบนี้ผมอยากจะมีลูกเป็นตัวเป็นตนเสียทีแต่ผมตามหาแม่ของลูกยังไม่เจอไม่รู้ว่าเธอหนีไปไหนตามหาทั่วแล้วก็ยังไม่เจอสักทีนอกจากความน่ารักของเด็กคนนี้มันทำให้ความเครียดที่เกิดจากงานหายลงไปในทันที “ให้ลุงอุ้มดีกว่าเราจะได้ไปหาหม่ามี๊ของซีเจนเร็วๆ ด้วย” ผมทำท่ากลางแขนออกเพื่อรอให้ซีเจนเดินเข้ามาหาตัวเอง สักพักซีเจนก็เดินเข้ามาคล้องคอของผมทันทีมันยิ่งทำให้ผมมีความสุขมากขึ้นเท่าตัว ผมจึงรีบอุ้มแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังร้านขายอุปกรณ์การเขียนที่อยู่ใกล้ทันที ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้านต่างก็ทำให้พนักงานต่างก็หันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น คงกำลังจะสงสัยว่าเด็กที่ผมอุ้มเป็นอะไรกับผม “ลุงซื้อให้ซีเจนเองอยากได้อันไหนเลือกได้เลยนะ” ผมพูดพร้อมกับเดินพาคนที่ตัวอย่างอุ้มอยู่เข้าไปใกล้สินค้าเพื่อให้ซีเจนได้เลือกตามความต้องการของเธอได้เลยสายตาของซีเจนเมื่อได้เห็นดินสอในรูปแบบต่างๆ หลากหลายสีสันก็ทำให้เธอเผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่สายตาของซีเจนก็หยุดอยู่กับของชิ้นหนึ่งนั่นก็คือดินสอเล่มเล็กสีชมพูสดมีการประดับด้วยตุ๊กตาพิกเล็ตตัวเล็กๆ อยู่ข้างบนหัวของดินสอ “อยากได้หรือครับซีเจน เดี๋ยวลุงซื้อให้เอง” ผมรีบใช้มืออีกข้างหยิบดินสอเล่มนั้นที่ซีเจนมองมันอย่างไม่วางสายตาเลยเข้ามาในมือตัวเองก่อนที่จะส่งให้ซีเจนทันที ทีแรกซีเจนไม่กล้าที่จะรับแต่ผมก็เอาสอดเข้ามือน้อยๆ ของเธอทันที “คุณลุงมีเงินซื้อไหมคะถ้าไม่มีซีเจนไม่เอาหรอกคะ ดูเฉยๆ ก็พอแล้วค่ะ” ผมอยากจะหัวเราะกับความคิดของซีเจนดังๆ ด้วยซ้ำ ผมจะซื้อดินสอทั้งหมดนี้ให้กับเธอก็ยังได้เลยแต่ด้วยเห็นสายตาที่ส่งมายังผมมันเป็นสายตาที่เกรงใจมาก “ลุงซื้อให้ซีเจนได้ครับว่าแต่ซีเจนอยากได้อะไรอีกไหมเดี๋ยวลุงซื้อให้?” ผมพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือเข้าไปลูบศีรษะเล็กๆ ของซีเจนอีกครั้งหนึ่ง “ซีเจนไม่อยากได้อะไรแล้วค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากๆ นะคะ” ผมได้เห็นรอยยิ้มที่แสนสดใส อ่อนโยนของซีเจนอีกครั้งก่อนที่ผมจะพาซีเจนเดินเล่นจนทั่วร้านขายอุปกรณ์การเขียน เวลานั้นมันมีแต่เสียงหัวเราะและก็รอยยิ้มของผมกับซีเจนเท่านั้นจนพนักงานพูดกันว่าผมไปแอบมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้น่ารักแบบนี้ถึงกระทั่งตอนนี้ผมพาซีเจนออกจากร้านขายอุปกรณ์การเขียนแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ซีเจนว่าหม่ามี๊ของเธอทำงานอยู่ กรุ้งกริ้ง “เชิญค่ะ ร้านเสื้อ MISCREANT ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านประธาน!” เมื่อผมได้เปิดประตูเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าที่เป็นแบรนด์ของห้างตัวเองก็พบกับผู้หญิงสองคนที่คนหนึ่งกำลังจัดเสื้ออยู่ส่วนอีกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อกำลังคิดบัญชีอยู่แต่เมื่อพวกเธอเห็นผมก็ต่างชะงักทันที “มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะท่านประธาน” เสียงของผู้จัดการร้านรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาผมทันทีก่อนที่จะถามออกมาแต่ใช่ว่าผมจะสนใจตอบคำถามของเธอนิ ผมหันหน้ามาถามคนที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่งของตัวเองที่กำลังอุ้มอยู่ “หม่ามี๊คนไหนครับซีเจน?” เพล้ง! ก่อนที่ผมจะได้ยินคำตอบของซีเจนก็ได้ยินเสียงแก้วน้ำแตกกระจายผมก็รีบใช้สายตามองไปทันทีแต่ทว่าทันทีที่เห็นมันเหมือนว่าหัวใจของผมได้หยุดเต้นไปชั่วขณะ สายตาของผมมันเห็นผู้หญิงที่ตัวเองตามหามาตลอดทั้งสามปีอยู่ตรงหน้า “เจนิส...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม