ตอนที่ 4 อดีตที่อยากจะลืม 3
ผมจึงรีบเก็บปืนไปเหน็บเก็บไว้ที่เอวก่อนที่จะเห็นท่าทางของเธอมันก็เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากผมได้ ผมจึงถามขึ้น
“กลัวหรอ?”
“กลัวสิใครจะไม่กลัวปืนบ้างล่ะ เอ่อ..ขอบใจนะที่ช่วยฉันจากเรื่องบ้าๆ พวกนั้น ถ้าเกิดไม่ได้นายฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไงเหมือนกัน ฉันชื่อเจนิสนะ”
ผมนึกแล้วว่าคำแรกที่เธอจะพูดก็คือคำว่ากลัว แล้วมันก็ใช่เสียด้วย เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรอยยิ้มจากคนตรงหน้า รอยยิ้มที่สวยไม่มีการตอแหลพร้อมกับการแนะนำชื่อ
“อ๋อ ไม่เป็นไร ชื่อโซฟัส” ผมตอบเธอเสียงเรียบๆ
“ยิ่งดีที่ได้รู้นะโซฟัส” เธอตอบผมอีกครั้ง
หลังจากนั้นผมกับเจนิวก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ทุกๆ วันผมก็คอยมารับส่งเธอจากการทำงานจนคนอื่นๆ คิดว่าเป็นแฟนกันเสียแล้ว
ผมยอมรับได้เลยว่าผมรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่น่ารัก คอยสร้างอารมณ์ความขบขันให้ผมได้ยิ้มเสมอและยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมพาไปให้ไอ้พวกเพื่อนผมรู้จักหรือว่าผมจะรักเธอเข้าแล้วจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อผมไปรับเธอที่หน้าร้านอาหารของน้องสาวตัวเองที่เธอทำงานอยู่ เมื่อเธอออกมาผมกับตะลึงถึงสภาพของเจนิสเลยจริงเธอเปียกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เกิดอะไรขึ้นเจนิสทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ?” ผมจึงรีบเข้าไปถามเธออย่างเค้นเอาคำตอบ
“คือ...ว่าเกิดเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยนะ ไม่มีอะไรจริงๆ นะโซฟัส” และนี่ก็คือคำตอบของเจนิส เธอตอบผมพร้อมกับทำท่าทางก้มหน้าก้มตาไม่เงยมองหน้าผม
มันเป็นสิ่งที่ผมรู้ได้ทันทีว่าเธอโกหก
“ใส่ซะเดี๋ยวก็เป็นปอดบวมกันพอดี”
จากนั้นผมก็ถอดเสื้อแจ๊สเก็ตของตัวเองให้เจนิสทันที ถ้าขืนเป็นแบบนี้ก็ไม่สบายกันพอดี
“ขอบคุณนะ” เสียงขอบคุณเบาเอ่ยขึ้นเบาๆ
“แล้วก็มานี่!”
เป็นแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันสำหรับผมทำไมร้านอาหารของน้องสาวตัวเองถึงไม่มีการจัดการบริหารกันให้ดีนะถึงได้มีการแกล้งกันเกิดขึ้นจากเพื่อนร่วมงาน ผมจับมือของเจนิสก่อนที่จะลากเธอเข้ามาร้านอาหารทันที
เจนิส?
เมื่อเข้ามาทุกคนต่างเรียกชื่ออเจนิสอย่างพร้อมเพียงกันและมองมาทางผมกับเจนิสเป็นจุดศูนย์กลาง ผมเบือนหน้าตรงไปที่ผู้จัดการร้านและสั่งเขาทางสายตาว่าให้เงียบ!
“ใครสาดน้ำใส่เธอ”
ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจึงพูดขึ้นอย่างเสียงดัง พนักงานทุกคนที่กำลังนั่งพักร่วมกันอยู่ต่างก็ตะลึงไม่น้อยก่อนที่จะมีเสียงพูดขึ้น
“คุณเป็นใครทำไมต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยคะ ฉันเองแหละที่เป็นคนสาดน้ำใส่มัน นังเจนิสมันชอบอ่อยแฟนฉัน!”
ผู้หญิงพนักงานคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับใช้สายตาจับจ้องมองเจนิสอย่างแค้นเคืองพร้อมกับมองมาที่ผม
เธอเป็นที่ทำงานที่ร้านอาหารของน้องผมมาได้มาระยะหนึ่ง แต่เธอคงไม่รู้จักผมว่าผมเป็นใคร ถ้าผมมาทานที่ร้านจะมาในฐานะลูกค้าเท่านั้น
มีคนเดียวที่รูนั้นก็คือผู้จัดการสมชายเท่านั้น
“ผมเป็นสามีเจนิส ผมไม่พอใจมากที่คุณทำกับเธอแบบนี้!” ผมตอบเสียงเรียบแบบไม่สนใจใครๆ
“ทำไมก็เป็นแค่พนักงานด้วยกันทำไมต้องแคร์ด้วย”
พนักงานคนนั้นตอบผมอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่เคยสำนึกเสียด้วยซ้ำและคนอย่างผมก็ไม่ปรานีใครเสียด้วยสิ
“งั้นแสดงว่าผมก็ทำกับคุณได้ใช่ไหม?”
~ซ่า~
ผมถามขึ้นโดยไม่ต้องการคำตอบอะไรอีกจากพนักงานตรงหน้าก่อนที่จะคว้าแจกันใบใหญ่เข้าไปรดที่ศีรษะของพี่พนังงานคนดังกล่าวทันทีต่อหน้าพนักงานคนอื่นๆ และต่อหน้าผู้จัดการร้าน ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนอึ้งในสิ่งที่กำลังเห็นนั้น จากนั้นผมหันหน้าไปที่ผู้จัดการสมชายพร้อมพูดขึ้น
“ผู้จัดการสมชายต่อไปกรุณาอบรมสั่งสอนพนักงานใหม่ทั้งหมดและไล่พนักงานคนดังกล่าวออกด้วยก่อนที่ผมจะสั่งรื้อพนักงานในร้านนี้ใหม่!”
“ครับคุณโซฟัส”
จากนั้นผมก็เข้ามาจับมือเจนิสก่อนที่จะดึงให้เดินตามออกไปจากนอกร้าน ผมพาเจนิสขึ้นรถและมาส่งเธอที่ห้องพักแต่ทว่าฝนก็ตกลงมาอย่างหนักพอดี เจนิสจึงชวนผมขึ้นไปพักบนห้องพักก่อนที่จะหาเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้ดื่ม ห้องพักของเจนิสเป็นห้องเล็กๆ ที่มีการแตกแต่งอย่างเรียบร้อย มีการจัดข้าวของอย่างเป็นระเบียบ
“โดนข่มขู่หรือเอาเปรียบแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย?” เมื่อความเงียบเริ่มปกคลุมผมจึงตัดสินใจถามเธอไปเพื่อให้เจนิสสบายใจไม่อึดอัด
“ครั้งนี้แหละที่แรงก็เธอคงคิดว่าฉันอ่อยแฟนเธอที่มาทานข้าวมั้ง ทั้งๆ ที่ฉันก็แค่ไปเสิร์ฟอาหารกับพี่นิดเท่านั้น”
สิ่งที่เธอตอบมามันทำให้ผมอึ้งอีกครั้ง ครั้งนี้แหละที่แรงแสดงว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นกับเธอหลายครั้งแล้ว โดนที่เธอไม่คิดจะบอกใคร ถ้าผมไม่เห็นมันก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นสินะ
“ครั้งนี้แรงแสดงว่าโดนแกล้งหลายครั้งแล้วทำไมถึงไม่คิดโต้ตอบบ้าง อย่ามัวแต่ยอมสิเจนิส”
เปรี้ยง!
ว้าย!
ไม่ทันที่ผมจะได้คำตอบเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นมาอย่างกังวานจนทำให้เจนิสกระโดดขึ้นมานั่งบนตักผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอามือปิดหูตัวเอง ผมจึงก้มหน้าลงไปเพื่อจะดูว่าเป็นยังไงบ้างแต่เจนิสกลับเงยหน้าขึ้นมาพอดีมันก็เลยทำให้ปากผมกับปากเธอประทับกันอย่างพอดิบพอดีผมจึงค่อยๆ ที่จูบเธออย่างแผ่วเบาแล้วเจนิสก็จูบตอบกลับมาด้วย
เราสองคนค่อยๆ จูบกันอย่างดูดดื่มจนกระทั่งมันเลยเถิดออกไป ในคืนนั้นเราสองคนต่างมีอะไรกันด้วนความสมยอมด้วยกันทั้งคู่
“เจนิส ผมรักคุณนะครับ”
ผมเข้าไปโอบกอดผู้หญิงที่นอนข้างตัวเองที่ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาผมอย่างสมบูรณ์แล้วภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ร่างกายเราสองคนต่างก็ไร้เสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่
“ฉันก็รักคุณโซฟัส”
เสียงเล็กๆ ก็ตอบผมกลับมาเหมือนกันพร้อมกับโผเข้ากอดผมแล้วเอาศีรษะเข้าไปซุกที่อกของผม ผมบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่าผมรักผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของผมตอนนี้เป็นอย่างมากทั้งรักทั้งแคร์เธอคนเดียวเท่านั้น
จนกระทั่งเวลาผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วผมยังไปมาหาสู่กับเจนิสเสมอ ทุกๆ คืนผมจะมานอนที่ห้องของเธอทุกๆ วัน ไม่ว่าจะทำงานเลิกดึกดื่นมากแค่ไหน เมื่อผมมาถึงเจนิสก็คอยทำกับข้าวไว้รอผมตลอด
จนมาถึงวันหนึ่งผมมาที่ SOFUS MISCREANT WEAPON เพื่อมาดูอาวุธที่สั่งซื้อมาจากต่างประเทศว่าเป็นยังไงบ้างแต่ว่าอาวุธยังไม่มาไอ้พีเคลูกน้องอีกคนจึงขอตัวไปดูก่อน ผมกับไอ้เควินลูกน้องอีกคนจึงมานั่งรอที่ห้องทำงานของตัวเอง ขณะที่นั่งรออยู่นั้นผมก็เอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาไลน์บอกไอ้พวกเพื่อนผมสำหรับเรื่องอาวุธเมื่อเสร็จแล้วก็นำโทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะตัวเอง
“นายครับ ของมาถึงแล้วครับ”
เสียงของไอ้เควินพูดบอกกับผมทันทีที่มันได้รับโทรศัพท์ ผมจึงรีบออกไปจากห้องพักทันที แต่พอมาถึงหน้าห้อง..ก็พบกับวิลาสินี
“โซฟัสขา..ทำไมไม่ไปหานีบ้างล่ะคะรู้ไหมว่านีเหง๊าเหงา”
ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ควงคนล่าสุดของผมเองในตอนเมื่อก่อน เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อมากสำหรับผม คอยตามเซ้าซี้ตลอดเวลา อยากได้อะไรก็เอาแต่ขอ อีกอย่างก็คือทำตัวเป็นเจ้าของผมสิ่งนี้ผมไม่ชอบสุดๆ แต่ในเมื่อปัจจุบันนี้ผมมีเจนิสเป็นเมียอยู่แล้วทั้งคน ผมสลัดเธอออกไปจากวงโคจรแล้วมีแต่เธอเท่านั้นที่ยังคอยตามผมตลอด
“ผมไม่ชอบผู้หญิงเซ้าซี้ ขอตัวนะนี” ผมพูดตะคอกใส่ใบหน้าของเธอทันที
“แต่โซคะ นีเป็นเมียคุณนะ” เสียงแหลมๆ เถียงผมทันควัน
“ใครใช้ให้คุณเรียกชื่อผมแบบนั้นอย่าสำคัญตัวเองผิดในเมื่อเธอไม่ได้สำคัญมากมายขนาดนั้น อย่าเรียกแบบนี้อีก”
“โซฟัส นีขอโทษ”
เธอเข้ามากอดแขนผมทันทีด้วยความดัดจริต คงกลัวว่าถ้าขาดผมไปแล้วจะทำให้เธอยากลำบากลงมาทันที
“เสียดายที่ไม่ให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง”
ผมบอกเธอก่อนที่จะสะบัดแขนตัวเองออกจากการกอดของผู้หญิงตรงหน้าทันทีก่อนที่จะรีบเดินออกไปจัดการกับงานที่ค้างคาไว้จนเวลาล่วงเลยตอนเย็นไปมากแล้ว เมื่อผมจัดการกับงานเสร็จทุกๆ อย่างก็รีบกลับมาที่ห้องพักเพื่อมาเอาโทรศัพท์ของตัวเองที่ลืมไว้ทันที ยังนึกแปลกใจว่าวันนี้ไม่มีสายโทรเข้าจากเจนิสเหมือนทุกๆ วันเลย ใช่ทุกๆ
วันเจนิสจะโทรมาหาผมแล้วถามว่าเหนื่อยๆไหม เย็นนี้จะทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เธอจะได้ทำไว้ให้ทานสำหรับผมเจนิสเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมไปทุกๆ อย่าง ยอมรับเลยว่าผมรักเธอมากๆ รักแบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ผมจึงรีบขึ้นรถและขับรถพุ่งทะยานตรงไปที่ห้องพักของเจนิสทันที
“เจ ผมมาแล้วครับ”
“…”
ผมเปิดประตูห้องพักด้วยกุญแจที่เจนิสเคยเอาไว้ให้ทันทีแต่เมื่อเข้าไปในห้องก็ต้องพบกับความเงียบงันที่ผิดปกติ ข้าวของเครื่องใช้ไม่มีสักอย่างแม้กระทั่งแต่เสื้อผ้าของเจนิส
“เจนิส!”
เสียงของผมตะโกนขึ้นมาก่อนที่จะรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ ห้องนอน เผื่อว่าเธอจะอยู่ที่นั่นแต่ไม่เลยทุกๆ ห้องมันว่างเปล่าไปหมด
ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
ผมจึงคว้าโทรศัพท์ออกมาโทรเป็นร้อยรอบด้วยความกังวลใจแต่เจนิสปิดเครื่อง
ความกังวลใจเริ่มเข้ามาเกาะกัดเซาะที่หัวใจของผมทันที ในหัวคิดเพียงแต่ว่าต้องหาเธอให้ได้ และแล้วน้ำตาของผมก็เริ่มเอ่อล้นจากนัยน์ตาออกมาสู่ขอบตาก่อนที่จะไหลลงแก้มร่างกายผมทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ด้วยความหมดหวัง ตอนนี้มันเหมือนกับหัวใจผมแทบสลายไม่มีชิ้นดีแล้ว ในใจก็คอยแต่ร้องเรียกว่าเธอทิ้งผมไปแล้ว
ทิ้งไปโดยไม่พูดอะไรเลยแม้กระทั้งการสั่งเสีย การเห็นหน้าและก็เหตุผล
“โธ่เว้ยทำไมต้องเกิดขึ้นกับกูด้วยวะ!”
ผมตามหาเธอทุกๆ ทางแทบจะพลิกแผ่นดินหาเลยก็ว่าได้แต่มันก็ไร้วี่แววของเจนิสเลย ไม่มีเลยสักนิด
แม้กระทั่งถึงในเวลานี้ที่ผ่านมาถึงสามปีแล้วผมยังไม่รู้ว่าเธอทิ้งผมไปเพราะเหตุใด
ทำไมถึงทิ้งผมไปแบบนี้และนี่ก็คืออดีตที่ยากจะลืมของผม...
จบอดีตสามปีก่อน
SOFUS: TALK END