ตอนที่ 10 เกือบขาดใจ 1
“โซฟัส!”
เสียงผู้หญิงที่เรียกชื่อของผมมันเป็นเสียงที่พูดพร้อมกับน้ำตา เสียงก็เลยสั่นเล็กน้อยเธอวิ่งเข้ามายืนตรงหน้าของผม
“เจนิส”
ใช่ฉันเองเจนิส ทุกๆ คนก็คงแปลกใจใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี้ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันควรจะอยู่ที่ทำงานเพราะเป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้วแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันต้องออกจากที่ทำงานโดยเร็วเมื่อได้รับโทรศัพท์มาจากโรงเรียนเตรียมอนุบาลของซีเจนว่าตอนนี้ซีเจนอยู่โรงพยาบาลพอฉันไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินก็พบกับคุณครูของซีเจนอยู่รอที่นั่น
“คุณเจนจิรา คุณแม่ของเด็กหญิงภิจิรา ใช่ไหมคะ?”
“ใช่คะ ซีเจนลูกของฉันแกเป็นยังไงบ้างคะ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อเช้าแกยังดีๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ แล้วหมอออกมาหรือยัง?” ฉันรีบถามรัวใสหน้าครูประจำชั้นของลูกตัวเองทันที โดยที่ไม่สนใจว่าเธอจะทันตอบไหม แล้วนอกจากนี้น้ำตาฉันก็เริ่มไหลรินออกมาอย่างช้าๆ ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวว่าซีเจนจะเป็นอะไรไป
“เอ่อ..คุณหมอยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉินเลยคะเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะว่าเมื่อเช้ามีการกิจกรรมการออกกำลังกายเพื่อช่วยพัฒนาร่างกายของเด็กซีเจนเกิดหกล้มลงไปแล้วเมื่อพวกเรานำเธอไปทำแผลที่ได้จากการหกล้มที่หัวเข่าแต่ซีเจนกับมีอาการเลือดกำเดาไหลออกมาโดยไม่หยุดเลยอีกทั้งร่างกายยังมีรอยเขียวซ้ำเป็นจ้ำๆ ทางโรงเรียนจึงนำส่งโรงพยาบาลทันทีค่ะ”
“ซีเจนลูกแม่…”
เมื่อได้ยินอย่างงั้น ฉันก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ครูเล่าจนจบ ร่างกายของฉันมันไม่ไหวแล้วฉันอยากเห็นหน้าลูก ฉันสงสารลูกตัวเอง!
ฮื่อๆ
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาก่อนจะเห็นว่าหมอได้เดินออกมาแล้วฉันจึงรีบลุกขึ้นและเข้าไปจับแขนของหมอไว้ในทันทีก่อนที่จะถาม
“ลูกฉันเป็นยังไงบ้างหมอ ซีเจนเป็นยังไงบ้าง!”
“เอ่อ...คนไข้ต้องการเกล็ดเลือดให้เร็วที่สุดครับเพราะว่าคนไข้เป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำ จนทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุดแล้วตอนนี้อยู่ในภาวะเกล็ดเลือดต่ำมาก หมอจึงจำเป็นต้องรีบให้เกล็ดเลือดด่วนครับไม่อย่างนั้นเด็กอาจเกิดอันตรายได้!”
“เอาเลือดของฉันไปได้เลยคะหมอ เอาไปจนหมดตัวเลยก็ได้ฉันยอมของเพียงอย่างเดียว ขอเพียงให้ลูกของฉันปลอดภัยนะคะหมอ” ฉันรีบบอกบอกพร้อมกับยื้นแขนให้ทันที
“ได้ครับ งั้นไปเจาะเลือดเลยดีกว่าครับ”
ตอนนี้ฉันก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ไปเจาะเลือดมาแล้วโดยที่ไม่ได้ใช้เวลาเยอะเท่าไหร่
“ซีเจน...อย่าเป็นอะไรไปนะลูก”
เสียงของผู้เป็นแม่เฝ้านั่งร้องไห้พร้อมกับเฝ้าภาวนาอย่างเบาๆ ด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจอยู่หน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในเมืองหลวง แต่สิ่งที่เธอพร่ำภาวนาอาจไม่เป็นจริงเมื่อหมอเปิดประตูขึ้นมาอีกครั้งแล้วบอกขึ้นว่า
“ขอโทษด้วยครับเลือดของคุณแม่จากที่ทางโรงพยาบาลตรวจสอบแล้วไม่สามารถใช้กับเด็กได้ครับทางเราจึงต้องจำเป็นหาเลือดให้ด่วนที่สุด คุณพอจะมีญาติที่ไหนบ้างครับ”
ซึ่งคำตอบที่ได้รับมันทำให้ผู้เป็นแม่วัยสาวอย่างเจนิส ทรุดตัวลงทันทีพร้อมกับน้ำตาที่คลั่งไหลออกมาเป็นสาย ทำไมมันต้องเกิดขึ้นกับลูกของเธอด้วยยิ่งไม่มีญาติที่ไหนอีกจะไปขอเกล็ดเลือดมาจากใครหรือว่า ต้องไปขอเกล็ดเลือดจากโซฟัส พ่อของซีเจน....
“หมอรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวฉันมา!”
ฉันนึกได้รีบวิ่งออกจากโรงพยาบาลด้วยความเร็วก่อนที่มืออีกข้างจะคว้านามบัตรที่โซฟัสทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะกดไปยังปลายสายทันที
ตู๊ดๆๆ
“...”
โทรไปกี่ครั้งก็ไม่มีใครรับสายเลยแม้แต่คนเดียวแบบนี้มันยิ่งทำให้จิตใจของฉันกระวนกระวายเพิ่มมากขึ้นๆ เป็นเท่าตัว ไปที่ห้างเลขาก็บอกว่าวันนี้ท่านประธานยังไม่ได้เข้ามาบริษัทเลยแต่เมื่อฉันจะลงมาก็เจอลูกน้องของโซฟัสสองคนฉันจึงถามเขาขึ้นมาเขาก็บอกฉันอย่างง่ายดายสงสัยโซฟัสเป็นคนสั่งให้มาจับตาดูฉัน
พอมาถึงเหตุการณ์ปัจจุบันเมื่อฉันเดินเข้ามาใกล้ๆ กับที่โซฟาที่โซฟัสนั่งอยู่โซฟัสก็รีบลุกเดินขึ้นมาหาฉันทันที
ฮื่อๆ
ในขณะที่ผมเดินไปหยุดตรงหน้าของเจนิส เธอก็เข้ากระชากแขนทั้งสองข้างของผมทันทีพร้อมกับปล่อยน้ำตาออกมาเต็มใบหน้า ตัวของเธอก็สั่นอยู่แบบนั้น
“โซ...ชะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ผมถึงกลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงของเจนิสขึ้นมา เสียงที่สั่นเครือมีแต่ความหวาดกลัวที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
“เจ เป็นอะไร! บอกมา บอกผมมา!”
ฮื่อๆ
ผมเข้าไปจับแขนพร้อมกับถามเจนิสขึ้นมาทันทีโดยไม่สนใจว่าเธอจะเป็นยังไงบ้างแล้วอีกอย่างก็เพื่อเตือนสติเจนิส
“โซ ชะ ช่วยลูกด้วย ช่วยซีเจนด้วย”
ฮื่อๆ ฮื่อๆ
“ซีเจน…”
ทันทีที่ได้ยินเจนิสพูดว่าช่วยซีเจนร่างกายของผมมันก็เกิดอาการชาวาบไปทั้งตัวหัวใจที่ทำงานอยู่เหมือนกับมันหยุดเต้นไปชั่วขณะ ลูกที่แสนน่ารักของผมเป็นอะไรไป ทำไมถึงเป็นแบบนี้
“เจ บอกมาว่าลูกเป็นอะไร!”
“...”
“เจนิส! บอกมาสิ แม่งเอ้ย!”
ผมเขย่าตัวของเจนิสไปมาอย่างแรงเพื่ออยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลูกของผม แล้วทำไมเจนิสถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้
“โซ ลูกขะ ของเราอยู่ที่โรงพยาบาลลูกต้องการเกล็ดเลือดให้ด่วนที่สุดเลือดของฉันเข้ากับลูกไม่ได้ถ้าช้าซีเจนอาจจะ...ชะ ช่วยซีเจนลูกของเราด้วยนะโซ ขอร้อง ฉันขอร้อง…”
“...”
ฉันพูดขึ้นตะกุกตะกักเพื่อบอกให้กับโซฟัสที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วจริงๆ ขอเพียงอย่างเดียวให้ซีเจนรอด
“โซ นะ นายเป็นพ่อของซีเจนช่วย ช่วยลูกของเราด้วยนะโซ”
ผมไม่มีเวลามาพูดอะไรทั้งนั้นผมรีบวิ่งออกจากห้องนั้นเพื่อไปโรงพยาบาลที่ลูกตัวเองอยู่ในเร็วที่สุดไม่ว่ายังไงซีเจนลูกของผมจะต้องรอดและปลอดภัยด้วย
เท้าที่เหยียบคันเร่งมิดมันแสดงถึงว่าโซฟัสเป็นห่วงลูกของตัวเองมากแค่ไหน ฉันวิ่งตามโซฟัสมาติดๆ และก็ก้าวเท้าขึ้นรถของเขาทันทีนอกจากนี้ยังมีเพื่อนของเขายังขับรถตามมาด้วยความรวดเร็วเหมือนกับโซฟัสอีกด้วย
“หมอหมออยู่ไหน!”
ทันทีที่เข้ามาถึงโรงพยาบาลผมก็ตะโกนขึ้นมาเสียงทันทีโดยที่ไม่อายใครหน้าไหนทั้งนั้น ตอนนี้สนใจเพียงแค่ว่าลูกของผมเท่านั้นเอง
“โซ ทางนี้!” ฉันรีบคว้าแขนโซฟัสมายืนที่หน้าหมอเจ้าของคนไข้ของซีเจนทันที
“หมอผมเป็นพ่อของซีเจนเอาเลือดของผมไปได้เลยครับ” ผมบอกหมอทันที
“เชิญทางนี้ครับ”
ทันทีที่โซฟัสเข้าไปในห้องเดียวกับซีเจนฉันก็ทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ขอให้เกล็ดเลือดเข้ากันด้วยเถอะ ขอให้ทั้งสองปลอดภัยอย่างได้เป็นอะไรไปเลย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงขาดใจตายแน่
“ทำใจดีๆ ไว้เจนิส” เสียงของรูธพูดขึ้น
“ไอ้เชี้ยโซฟัสจะต้องช่วยซีเจนจนปลอดภัยแน่” เสียงของคิวพีพูดขึ้น
“ตั้งสติไว้ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น” เสียงของแวนเดอร์
“หลานกูจะต้องปลอดภัย รวมถึงพ่อมันจะต้องช่วยได้ด้วย” ปิดท้ายด้วยเสียงของเทล
“ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ให้กำลังใจฉันมาตลอด” ฉันพูดเอ่ยขึ้นมาอย่างเบาๆ
“ทุกๆ อย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนคะทั้งซีเจนและพี่โซฟัสจะต้องปลอดภัยทั้งคู่ อย่างคิดมากเลยนะคะ”
“จริงอย่างที่พี่พายพูด อย่าคิดมากเลยนะคะ”
เสียงผู้หญิงที่อยู่ข้างกายฉันพูดขึ้นมาเมื่อมองดูก็เห็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยงาม ผิวขาว คนหนึ่งผมดำหน่อยอีกคนสีน้ำตาลทั้งสองยิ้มให้กับฉันพร้อมทั้งลูบหลังเพื่อเป็นกำลังใจให้นี่มันก็นานมากพอสมควรแล้วแต่ทำไม่ทั้งโซฟัสและก็ซีเจนต่างก็เงียบไปในห้องฉุกเฉินนั้นทั้งคู่ ตอนนี้ใจของฉันมันเริ่มสั่นรัวจนตีกันไปหมดแล้ว
แกร๊ก!
เสียงวินาทีการเปิดประตูออกมาทำให้หัวใจของฉันมันเหมือนกับหยุดเต้นทันที ฉันรีบเงยหน้ามองขึ้นไปทางคนที่เดินออกมา
“โซ! ลูกเป็นยังไงบ้างซีเจนเป็นยังไง? ”
ฉันลุกขึ้นด้วยความเร็วแล้วก็เข้าไปคว้าเสื้อของโซที่ยืนจ้องหน้าของฉันทันที ฉันเริ่มแรงกระชากเสื้อของเขาโดยที่ไม่สนใจว่ามันจะออกมายับสักแค่ไหน
“…”
“อย่าเงียบสิ รู้ไหมว่าเจเป็นห่วงลูกมากแค่ไหนซีเจนลูกของเราไม่เป็นอะไรใช่ไหม แกปลอดภัยดีใช่ไหมโซ? ฮื่อๆๆ”
ผมรีบกอดร่างของเจนิสไว้ทันทีเพราะตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงพยุงที่จะยืนเลยแถมยังร้องไห้หนักมาจนซบลงมาที่หน้าอกกว้างของผมแล้วที่ผมไม่พูดอะไรก็เพราะว่ากำลังอึ้งอยู่ หมอบอกว่าเกล็ดเลือดของผมสามารถช่วยซีเจนได้นั่นก็เป็นหลักฐานว่าซีเจนเป็นลูกของผมจริงๆ ผมเชื่อมาตั้งแต่ตอนแรกๆ แล้วแต่เมื่อได้ยินหมอบอกกับปากตัวเองมันยิ่งทำให้ผมดีใจที่สุด
“ซีเจนลูกของเราปลอดภัยแล้วเจ…พอลูกฟื้นเราไปหากันนะ”
ตุบ!
“เจนิส!”
“…”