ตอนที่ 9 เกือบขาดใจ
เพล้ง!
โธ่เว้ย!
ผมเดินเข้ามายังตึก MISCREANT ด้วยอารมณ์ที่ร้อนรุ่มดั่งภูเขาไฟที่มันรอเวลาปะทุมาเป็นเวลานานแสนนานก็ว่าได้ก่อนที่จะเหวี่ยงขวดเหล้าที่ยังไม่ได้ดื่มสักนิดในมือให้ไปกระทบกับฝ่าผนังจนแตกกระจายอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้วยังสบถออกมาอย่างสุดเสียง จากนั้นก็เดินเข้ามานั่งที่โซฟามีพวกไอ้รูธ ไอ้แวนเดอร์ ไอ้คิวพีกับเมียของมันและก็ไอ้เทลกับเมียของมัน ทุกคนนั่งอยู่ที่โซฟาก่อนแล้วผมเป็นคนสุดท้ายที่มา
“มึงเป็นอะไรมาวะไอ้โซฟัส?”
ผมรูธนั่งนิ่งมองดูการกระทำของไอ้โซฟัสอยู่แป๊บหนึ่งก่อนที่จะถามมันออกไปอย่างที่ตัวเองสงสัยเพราะว่าร้อยว่าพันปีไอ้โซฟัสมันไม่ได้มีอาการแบบนี้เลยด้วยซ้ำนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เป็น
“อย่าเก็บไว้ไอ้เชี้ยโซฟัสบอกพวกกูมา!”
ผมคิวพีพูดขึ้นต่อจากไอ้รูธทันทีที่มีโอกาส ผมมองดูไอ้เชี้ยโซฟัสตั้งแต่มันเดินเข้ามาโน้นแล้วว่ามันไม่โอ มันต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจเอามากๆ เลยก็ว่าได้
เมื่อผมนั่งลงก็ได้ยินเสียงไอ้คิวพีและไอ้รูธพูดขึ้นมาถามผมอย่างเป็นห่วงเพราะอาการผมในตอนนี้มันคงดูแย่มากเลยใช่ไหม? เรื่องนี้มันน่าหงุดหงิดมากที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลย
“กูเจอเจนิสแล้ว”
“หะ?”
สุดท้ายไอ้พวกนั้นก็พูดขึ้นมาพร้อมกันเลยเพราะมันรู้ว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่ผมไม่ส่งคนตามหาเจนิสเลยนอกจากนี้ไอ้พวกเพื่อนผมก็ช่วยเอาลูกน้องของพวกมันตามหาอีกแต่มันก็ยังไม่พบ
“เป็นไปได้ไงวะบทจะเจอมันง่ายขนาดนี้เชียว?”
เสียงของผมเองเทล ผมรีบพูดขึ้นมาอย่างตกใจไม่น้อยที่ได้ยินไอ้โซฟัสพูดขึ้นว่าเจอเจนิสเมียของมันแล้ว ทั้งๆ ที่พวกผมตามหาแทบพลิกแผ่นดิน
“ก็ดีแล้วไงวะมึงจะได้อยู่กับเมียมึงไอ้โซฟัส”
ทันทีทีไอ้เทลพูดเสร็จผมแวนเดอร์ก็รีบพูดต่อทันทีโดยไม่ให้ไอ้โซฟัสพูดก่อนเป็นเด็ดขาด มันเจอเมียตัวเองแล้วจะเศร้าอีกทำไมวะ โง่จริง
“แล้วกูเจอลูกของกูด้วย”
ผมตอบกลับพวกมันไปในขณะที่ทุกๆ คนกำลังสงสัยว่าทำไมผมถึงเครียดแบบนี้ ประโยคนี้มันทำให้ไอ้พวกนั้นเงียบกันไปอย่างอัตโนมัติทันที
“ลูก?”
“ลูกของมึงหรือวะไอ้โซฟัส?” เสียงไอ้รูธ
“ผู้หญิงหรือชาย?” เสียงไอ้แวนเดอร์
“ชื่ออะไรวะ?” เสียงไอ้เทล
“แล้วมึงเอาไงต่อ?” ปิดท้ายด้วยเสียงไอ้คิวพี
“เออพวกมึงฟังไม่ผิดหรอก ในวันที่เจนิสทิ้งกูไปเธอตั้งท้องลูกกูอยู่แถมวันนี้ที่กูเจอลูกตัวเองกูยังรู้สึกผูกพันมากมายและหน้าตาของลูกก็เหมือนกูมาก จนกูถามไปว่าพ่ออยู่ที่ไหนเธอก็ตอบมาว่าอยู่ต่างประเทศ ป๊ะป๋าชื่อโซฟัส ภาคิน ธรรมกิจติกุล เด็กคนนั้นตอบแบบนี้พวกมึงคิดว่าจะมีคนชื่อเล่นเหมือนกับกู ชื่อจริงก็เหมือน นามสกุลก็เหมือนหรือไงวะ ลูกกูชื่อซีเจน เป็นผู้หญิง” ผมพูดออกไปอย่างยาวเหยียดเพื่ออธิบายสิ่งที่ตัวเองได้ไปเจอวันนี้มาให้พวกเพื่อนตัวเองได้ฟัง “กูไม่รู้จะทำยังไงดีวะในเมื่อเจนิสไม่ยอมรับว่าซีเจนเป็นลูกของกูทั้งๆ ที่ทุกๆ อย่างมันฟ้องขนาดนี้ทั้งหน้าตา สิ่งที่ซีเจนพูดออกมาแล้วเจนิสยังไม่ยอมให้กูเอาลูกไปตรวจ DNA ด้วยแปลกไหมล่ะ?”
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้...
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะใครลูกของคุณไม่ทราบ!”
ฉันพูดขึ้นเสียงดังภายในห้องทำงานที่อยู่บนชั้นสูงสุดของโซฟัส ฉันขึ้นมาเพื่อเขาต้องการคุยอะไรบางอย่างแล้วมันก็ยังเป็นเรื่องที่ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป
“มันจะไม่ใช่ได้ยังไงเจในเมื่อซีเจนคือลูกของผมคุณคิดว่าผมโง่มากหรือไงถึงดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองไม่ออกอีกทั้งใบหน้าของซีเจนก็คล้ายกับผมราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันอย่างนี้!”
ผมตอบเจนิสไปด้วยอารมณ์ที่โกรธเหมือนกัน โกรธที่เธอปิดบังเรื่องนี้กับผมมาจนถึงสามปีโกรธที่ทำให้ผมเป็นเหมือนไอ้โง่คนหนึ่งที่ถ้าผมไม่เจอซีเจนผมจะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าตัวเองมีลูกแล้วอีกทั้งลูกยังแสนน่ารัก น่าราวกับตุ๊กตา นิสัยดีมากจนใครๆ ที่ได้เจอก็ต่างหลงรัก
“ซีเจนไม่ใช่ลูกของคุณค่ะโซฟัสเรื่องของคุณกับฉันมันจบไปตั้งสามปีกว่าแล้ว ฉันมีใครเข้ามาในชีวิตเยอะแยะเพราะฉะนั้นซีเจนไม่ใช่ลูกของคุณ”
ฉันปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆ ด้วยเหตุผมที่รู้ทั้งรู้ว่าโซฟัสไม่มีทางเชื่อแน่นอนแต่เวลานี้ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไว้ก่อนอย่างอื่นชั่งหัวมันค่อนคิดทีหลัง
“แล้วที่ซีเจนบอกกับผมละว่าป๊ะป๋าของซีเจนชื่อโซฟัส ภาคิน ธรรมกิจติกุลคุณจะบอกว่ามันเป็นแค่ชื่อเหมือนผมแค่นั้นเองใช่ไหมทั้งชื่อเล่น ชื่อจริง นามสกุล!”
“…”
ฉันเบิกตากว้างออกมาทันทีเมื่อเจอประโยคนี้เข้าไปมันทำให้ฉันหยุดเถียงเขาแบบอัตโนมัติไปในทันที ฉันเองที่บอกซีเจนแบบนี้เพราะว่าไม่อยากปิดบังลูกเรื่องชื่อของพ่อตัวเอง
“เจ ถ้าคุณไม่สงสารผมสักนิดผมไม่ว่าแต่ลูกเขาเป็นดังแก้วตาดวงใจของคุณและผม ลูกเป็นเหมือนลมหายใจของผม ทำไมคุณไม่สงสารซีเจนบ้างเจ คุณไม่อยากให้ซีเจนมีพ่อหรอ? ซีเจนเขารออ้อมกอดของพ่อตัวเองมาตั้งแต่เกิด เขาอยากเจอหน้าพ่ออยากนอนกอดทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันคุณไม่สงสารลูกเลยใช่ไหม?”
คำพูดของโซฟัสทำให้ฉันต้องร้องไห้ออกมาต่อหน้าต่อตาเขา ทำไมฉันถึงไม่อยาก ฉันอยากให้ซีเจนได้เจอพ่อของตัวเองแทบขาดใจ อยากให้ซีเจนรับรู้ว่าพ่อของเขาอยู่ที่ไทยไม่ใช่ต่างประเทศฉันอยากให้ลูกได้เจอหน้าพ่อตัวเองทุกๆ วัน
“ทำไมคุณคิดว่าฉันไม่สงสารคะ คุณรู้ไหมว่าฉันอยากให้ซีเจนรับรู้ว่าพ่อเขาเป็นใครหน้าตาเป็นแบบไหน อ้อมกอดของพ่อเป็นอย่างไร แต่ฉันก็บอกได้เพียงชื่อของพ่อให้ลูกได้รู้เพียงแค่นั้นเพราะว่าฉันไม่อยากให้ลูกรู้ว่าเขาเป็นลูกเมียน้อยอย่างฉันไง!”
“เมียน้อย? คุณเอาอะไรมาพูดเจใครเป็นเมียน้อยผมมีคุณแค่คนเดียวเท่านั้นและคุณก็ไม่ได้เป็นเมียน้อยผมเลย”
ผมพูดขึ้นมาอย่างตะลึงเมื่อได้ยินเจนิสพูดว่าตัวเองเป็นเมียน้อยของผม เธอต้องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้พูดแบบนี้
“เลิกแก้ตัวได้แล้วค่ะ ฉันไม่เชื่อคนอย่างคุณอีกแล้วครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับบทเรียนที่ตัวเองได้รับมันแสนสาหัสมากพอแล้วปล่อยฉันกับลูกไปเถอะคะอย่ามายุ่งอะไรเกี่ยวกับฉันอีกเลย คุณก็อยู่โลกของคุณไปฉันก็อยู่โลกของฉันต่างคนต่างอยู่อย่ายุ่งกันอีกเลย!”
ฉันพูดพร้อมกับเดินถอยหลังออกไปจากห้องแต่ทว่ากับมีมือกระชากแขนฉันไว้อย่างแรงจนฉันเซเข้าไปในแผลงอกกว้างของโซฟัสทันที
“ไม่! ผมไม่ปล่อยคุณกับลูกไปอีกแน่ไม่มีทางที่มันจะเกิดขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่สอง!”
ผมจับแขนทั้งสองข้างของเจนิสเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าเธอพยายามจะผละตัวออกจากอ้อมกอดของตัวเองทั้งๆ ที่ยังพูดกันไม่รู้เรื่องแบบนี้
“เสียใจฉันไม่กลับไปโง่เป็นครั้งที่สองเหมือนกันขอตัวคะฉันจะรีบกลับไปทำงานให้เสร็จแล้วจะได้พาลูกกับบ้าน”
“เจนิส!”
ผมเอ่ยชื่อเธอออกมาอย่างอ่อนใจเมื่อเธอไม่ฟังเหตุผลอะไรเลยจากนั้นเจนิสก็สะบัดตัวออกจากผมไป วันนี้ผมคงจะต้องปล่อยเธอไปก่อน พูดอะไรไปมันคงจะไม่มีประโยชน์ในตอนนี้ ในทันทีแต่ก่อนที่เธอจะก้าวผ่านพ้นประตูห้องไปผมจึงเข้าไปคว้าตัวของเธอมาและเอานามบัตรใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเธอเพื่อที่เวลามีปัญหาจะได้ติดต่อมาได้
“อย่าทิ้งเด็ดขาดและก็อย่าคิดพาซีเจนหนีอีกเพราะผมส่งคนติดตามคุณแล้วถ้ายังคิดหนีผมจะเอาลูกมาเลี้ยงเอง!”
ฉันรีบสะบัดตัวออกจากห้องนั้นมาทันที นี่โซฟัสขู่ฉันอย่างงั้นหรอ และสีหน้าบวกกับแววตาของเขามันยิ่งตรอกย้ำว่าเขาเอาจริงฉันจึงรีบกลับไปทำงานแล้วพาลูกกลับบ้านทันที
“ทุกอย่างมันก็เป็นอย่างที่กูเล่าให้พวกมึงฟังกูจะทำยังไงดีวะ มันคิดไม่ออกจริงๆ กูอยากอยู่กับลูกตัวเองใจแทบขาด โธ่เว้ย!” ผมเล่าเหตุการณ์ให้ไอ้พวกนั้นฟัง
“พี่โซฟัสจะต้องใจเย็นๆ คะ เมย์ว่าพี่เจนิสยังไม่พร้อมมากกว่านะคะที่จู่ๆ เจอกับพี่โซฟัสโดยบังเอิญแบบนี้” เสียงของลีเมย์พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
“จริงอย่างที่เมย์พูดวะไอ้เชี้ยโซฟัส คราวนี้จะทำอะไรมึงจะต้องคิดดีๆ ก่อนเพราะมึงมีทั้งเมียและลูกอยู่ด้วยใจร้อนไม่ได้” ไอ้คิวพีพูดขึ้นตามเมียมันอีกครั้ง
“ตอนนี้กูโคตรเย็นแล้ววะถ้าไม่เย็นป่านนี้กูพาซีเจนมาอยู่กับกูแล้ว กูไม่อยากให้ลูกตัวเองต้องลำบาก อยากให้ได้ทานอาหารดีๆ รับการศึกษาดีๆ และก็อยากเห็นลูกทุกๆ วันแต่ตอนนี้กูมืดแปดด้านไปหมดแล้ว!”
ผลั้ง!
ประตูห้องถูกเปิดออกมาด้วยความแรงพร้อมกับเสียงวิ่งบวกกับเสียงเหนื่อยหอบจากคนที่เปิดประตูดังขึ้นอย่างชัดเจนทำให้ทุกๆ คนหันหน้าไปทางเสียงนั้นอย่างกะทันหัน
“โซฟัส!”
เสียงผู้หญิงที่เรียกชื่อของผมมันเป็นเสียงที่พูดพร้อมกับน้ำตา เสียงก็เลยสั่นเล็กน้อยเธอวิ่งเข้ามายืนตรงหน้าของผม
“เจนิส”