7
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ออกจากลิฟต์ได้มุกลดาก็เดินจ้ำอ้าวแบบไม่มองหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ด้วยกลัวว่าจะเจอคนรู้จัก ตอนนี้ยังไม่อยากให้แม่และนิลลดารู้ว่าเธออยู่กรุงเทพฯ ด้วยไม่อยากบอกเล่าเรื่องราวให้กับทั้งสองคนได้รู้และกลุ้มใจไปด้วย เอ่ยขอโทษคนซึ่งเธอเดินมาชนเขาเต็มๆ แต่เป็นเธอที่เห็นดาวลอยวิ้งๆ อยู่ในหัว เพราะความหนาและแกร่งของร่างกายของสองคนซึ่งกระทบกัน
“เดินให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
คนถูกชนซึ่งกำลังรีบร้อนจะไปหาคนรักอยู่เอ่ยเสียงกร้าวด้วยความหงุดหงิด บนถนนก็ทีหนึ่งแล้ว ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ขับรถปาดหน้าเสียจนเขาเกือบจะบังคับรถไม่ได้ พุ่งลิ่วไปบนฟุตบาทชนเข้ากับแม่ค้าขายของหาบเร่แถวนั้นตายให้ต้องติดคุกหัวโตทีหนึ่งแล้ว มาตอนนี้ยายผู้หญิงซุ่มซ่าม ที่เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงซุ่มซ่าม เพราะร่างอรชรกับกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาแตะจมูกชนเข้าโครมใหญ่ เมื่อก้มดูก็เห็นผมหนาดกดำสลวยในอ้อมแขนแกร่งที่สอดรัดช่วยเอาไว้ไม่ให้ล้มตะครุบกบ จนต้องอับอายคนที่เดินผ่านไหมผ่านมาหัวใจก็กระตุก คุ้น ๆ ยังไงชอบกล
“ขะ...ขอโทษค่ะ” มุกลดาเอ่ยขอโทษเสียงแผ่วเบา ด้วยรู้ตัวดี ตัวเองเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ
เพราะไม่อยากถูกต่อว่าอีก มุกลดารีบปัดแขนแข็งแกร่งที่รัดรอบเอวจนแทบจะหักเป็นสองท่อน เพื่อช่วยพยุงกายไม่ให้เธอล้มก้นกระแทกพื้น ด้วยว่ามันทำให้โลกอันอึมครึมสั่นสะเทือนด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาและไม่ยอมจางหายไป
ศีรษะทุยของคนซึ่งก้มมองแต่พื้นกระเบื้องเงยขึ้นเล็กน้อย แล้วด้วยสัดส่วนความสูงเพียงแค่ร้อยห้าสิบเจ็ดเซนติเมตร สายตาของมุกลดาจึงหยุดอยู่เพียงแค่อกกว้างๆ เท่านั้น เมื่อต้องการเห็นหน้าคนซึ่งเธอชน ศีรษะทุยจึงค่อย ๆ แหงนขึ้นอีกนิด ผู้ชายซึ่งให้ความช่วยเหลือคนนี้คงจะต้องสูงมากจริง ๆ เพราะเงยจนคอแทบเคล็ดถึงได้เห็นหน้าคมคร้ามซึ่งก้มลงมองด้วยสายตาเป็นอริ
กลีบปากอวบอิ่มอ้ากว้างพอ ๆ กับดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงในความหล่อเหลา เรียวหน้าไม่ถึงกับเหลี่ยมแต่ก็ไม่ได้กลมเป็นรูปไข่ หน้าผากกว้าง คิ้วดกหนายาวเป็นปื้น เส้นขนเรียงเส้นกันอย่างสวยงาม รับกับจมูกโด่งขึ้นสัน ริมฝีปากหยักหนาเป็นสีออกชมพูนิด ๆ ทว่าที่สะดุดตาจนหัวใจสาวถึงกับเต้นกระหน่ำรัวราวกับปืนกลอยู่ก็คือดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเข้มฉายแววอริคู่นั้น
“เอ่อ...” มุกลดากระอึกกระอัก พูดอะไรไม่ออก อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง
“เธอมาทำอะไรที่นี่นิลลดา”
ถามด้วยสีหน้ายุ่งยาก ด้วยจำหน้าตาแม่ตัวยุ่งบุตรสาวของยอดพธู ซึ่งเป็นพนักงานระดับสูงของบริษัท แม่ผู้หญิงน่ารำคาญซึ่งคอยป้วนเปี้ยนไปสร้างความวุ่นวายในงานเลี้ยงวันเกิดเขาได้เป็นอย่างดี
ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ เล่นแต่งตัวด้วยชุดตุ๊กตา แขนจั๊ม กระโปรงบานฟูฟ่องสีชมพูแป๊ด แต่ตัวเองน่ะดำปิ๊ดปี๋อย่างกับถ่านถูกเผาไฟ ชุดกับคนไม่เข้ากัน กลายเป็นตัวตลกให้คนในงานเขาขบขันกัน แล้วยังจะอวดตัวว่าเก่ง ร้องเพลงไพเราะ แต่พอขึ้นไปร้องบนเวทีจริงๆ เสียงยิ่งกว่าเป็ดเสียอีก เล่นเอาคนโห่กันทั้งงาน เลยร้องไห้ขี้มูกโป่งฟ้องแม่เขาว่าถูกเขารังแก กลายเป็นผู้ใหญ่ไปรังแกเด็ก ยายเด็กบ้าน่ารำคาญนี่ทำให้เขาถูกแม่สวดเสียยับ
“คะ” มุกลดารับคำเสียงสูงอย่างงุนงงเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้รู้จักกับน้องสาวเธอ แต่ไม่รู้ว่านิลลดามีคู่แฝดคือเธอ
แม้เธอและนิลลดาจะมีความเหมือนกันมาก แต่ก็ยังมีความไม่เหมือนกันอยู่หลายจุด แล้วคนที่จะรู้ได้ก็คือคนในครอบครัวและคนสนิท ดังนั้นคนตรงหน้าคงรู้จักเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ก็ดี เพราะเธอยังไม่อยากให้ใครรู้ตอนนี้ จึงเลือกสวมรอยเป็นนิลลดาไปก่อน
“จะมาทำหน้าเอ๋อเหมือนคนปัญญาอ่อนทำไมยายดำนิลตับเป็ด ฉันถามอะไรก็รีบ ๆ ตอบมาซิ” คนอารมณ์หงุดหงิดระบายอารมณ์ใส่มุกลดา แล้วเพราะตรงส่วนที่ยืนอยู่ดูจะไปขวางทางคนอื่น ชายหนุ่มจึงจับแขนเรียวและลากคนตัวเล็กให้เดินตามหลุนๆ ตามไปติดๆ
“โอ๊ย! คุณ...ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ!” มุกลดาตัดพ้อเสียงหวาน เมื่อถูกลากอย่างไม่ปรานีปราศรัย หน้านวลนิ่วกับแรงที่กดลงมาจนแขนแทบจะหักเป็นสองท่อน ยิ่งพยายามแกะคีมเหล็กออก แต่นอกจากจะไม่ได้รับการปล่อยตัวแล้วแรงที่กดยังลงมาทำเอาเธอแทบน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บ
ชายหนุ่มลากคนตัวเล็กเดินลิ่วเข้าไปในห้องอาหารและเลือกนั่งโต๊ะซึ่งจะสามารถมองเห็นคนเดินเข้าเดินออกได้อย่างชัดเจน
เขายังไม่อยากมีปัญหากับคนบางคนอีก ซึ่งกว่าจะง้องอนและขอให้เธออาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อน จนกว่าเขาจะเคลียร์ปัญหากับทางบ้านได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก
ผู้หญิงตอนที่ได้ดั่งใจก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่เมื่อไหร่ไม่ได้ดังใจแม่คุณ ก็อาละวาดหมดความสวยกลายเป็นนางยักษ์ดีๆ นี่เอง แล้วตอนนี้เขาก็ดันมีปัญหาเกิดขึ้นมาอีก นั่นคือยายตัวเล็กแสบสันตรงหน้า ถ้าหากกำจัดไปไม่ได้ละก็...เรื่องปวดหัวได้แล่นเข้ามาในชีวิตเขาไม่รู้จบเป็นแน่
“เอ้า ไหนบอกมาซิ มาทำอะไรที่นี่”
เอ่ยถามอย่างเป็นการเป็นงาน การมีนิลลดาอยู่ที่นี่ไม่น่าจะทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย แต่เพราะกลัวหญิงสาวปากมาก เผลอหลุดปากพูดไปว่าเจอเขาที่นี่ให้กับแม่ซึ่งยังงอนเรื่องจันทร์วลัยอยู่เกิดน้อยใจขึ้นมาอีก เขาขี้เกียจปวดหัวกับเสียงร้องห่มร้องไห้อย่างกับว่าญาติข้างไหนเสียก็เท่านั้นแหละ
จะว่าไปก็แปลก แม่ไม่เคยมีอคติกับผู้หญิงคนไหน แต่เจอคนรักเขาครั้งแรกท่านก็ดูจะไม่ปลื้มเสียแล้ว แต่ช่างเถอะ เรื่องนั้นเอาไว้เคลียร์ตอนหลังแล้วกัน เชื่อว่าความรักและช่างเอาใจของจันทร์วลัย จะสามารถง้างและผูกใจมารดาเอาไว้ได้ แต่แม่จะต้องไม่ได้รับข่าวสารผิดๆ จากใครบางคน
“เอ่อ...คือว่า...” มุกลดาพูดไม่ออก กลัวคนตรงหน้าก็ใช่ อึดอัดกับสายตาคาดคั้นก็ใช่ แล้วยังพ่วงด้วยความรู้สึกแปลกๆ อีกอย่างซึ่งเธอบอกไม่ถูกเป็นยังไง
“ใบ้กินแล้วหรือไงยายดำนิล” ภูมินทร์เอ่ยถามอย่างหงุดหงิดที่ไม่ได้รับคำตอบจากยายเด็กผิวดำเหมือนกับถ่าน เด็กตัวเล็กผอมกะหร่องกะแหร่ง แต่กลับกินเก่งจนเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ที่ยายเด็กดำเมี่ยงนี่กินไก่จนหมดทั้งตัวในเวลารวดเร็ว
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ หรือจะต้องให้เอาส้อมง้างปากฮ้า” แผดเสียงแข็งถามพร้อมสายตาดุๆ เคยเห็นแต่ยายนี่พูดจาเป็นต่อยหอยไม่หยุดปากสักนิด มาวันนี้ทำเป็นใบ้กินไปเสียแล้ว อยากจะบ้าตายจริง ๆ
มุกลดาได้แต่มึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก แค่ถูกชนชายหนุ่มซึ่งเธอยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับนิลลดาชนก็กลัวมากอยู่แล้ว นี่ยังจะมาเจอกับท่าทีจงเกลียดจงชังอย่างกับจะกินหัวเสียให้ได้ หรือน้องสาวเธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ
กลีบปากอิ่มนุ่มขบกัดเข้าหากัน สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ถ้าขืนปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปมากกว่านี้ เดี๋ยวคนตรงหน้าบันดาลโทสะบีบคอเธอตายเสียก่อน แล้วใครจะช่วยล่ะ ดูสิ ขนาดเข้ามานั่งในร้านอาหารแล้วแท้ ๆ ยังไม่มีพนักงานคนใดกล้าแหย็มเข้ามาถามออร์เดอร์สักคน ก็แหงละ ใครจะไปกล้า ผู้ชายตรงหน้าเธอยังกับคนบ้าอยู่ หน้าตาแดงก่ำ ดวงตาขุ่นขวาง ดีนะไม่หายใจแรง ๆ แบบพ่นไฟเหมือนมังกรน่ะ ไม่งั้นเธอคงดำไหม้เป็นตอตะโกไปเรียบร้อยแล้วละ
“ฉัน...ฉันมาหาเพื่อน” หลุดปากโกหกออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะแอบผ่อนลมหายใจออกจากปอดแรง ๆ เมื่ออีกฝ่ายนั่งฟังด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่ยินดียินร้าย
“แล้วเจอหรือยัง”
โครก! คำตอบที่คนถามได้รับกลับกลายเป็นเสียงท้องดังกลบ
“เอ่อ...คุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มี ฉันขอตัวไปหาอะไรทานก่อนนะคะ” มุกลดาเห็นเป็นโอกาสปลีกตัวเองหนีจากคนน่ากลัว ต่อให้หล่อเหลาน่ามองสักแค่ไหน แต่ถ้าอยู่ในอารมณ์โกรธ เห็นเธอเป็นกระโถนระบายอย่างนี้ละก็รีบๆ ถอยห่างไปจะดีที่สุด กลัวจะถูกบีบคอตายเสียก่อนได้เจอกับแม่และน้องสาวฝาแฝด
“จะกลับบ้านเลยใช่ไหม” เสียงเข้มดุถามต่อ ปลายนิ้วเคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะ
สองมือเล็กขยำเกาะกุมเอาไว้ กายบอบบางขยับส่ายไปมาอย่างคนอยู่ไม่สุขด้วยมีชนักติดหลัง จึงไม่รู้ว่าจะพูดออกไปอย่างไรดี แต่...เขาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ เธอจะกลับบ้านหรืออยู่ที่ไหนมันก็เรื่องส่วนตัวนี่นา
ใบหน้านวลผ่องซีดเซียวกลับมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้มบนแก้มใส ดวงตากลมโตหลุบมองแต่ขอบโต๊ะเป็นประกายวาบขึ้นเล็กน้อยมองตอบคนถาม
“ฉันจะไปไหนมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะค่ะ คุณเป็นใคร ถึงได้มายุ่งจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของฉันนะ” นี่จะเป็นคำตอบของนิลลดาซึ่งเธอยืมมาใช้อย่างคิดว่าน่าจะได้ผล
“นิลลดา!”