6
“พ่อขา น้าปรียาหนูขอโทษ ปุริมพี่ขอโทษ” มุกลดาพึมพำเสียงแผ่วเบา หันกายกลับเข้ามาในห้องอย่างหมดเรี่ยวแรง ตาไปสะดุดกับโทรศัพท์เครื่องเก่าวางตั้งเด่นอยู่บนหมอน หลายครั้งเธอหยิบมาจะกดเปิดเครื่อง ทว่าใจกลับไม่กล้าพอ กลัวเปิดแล้วจะมีสายจากบิดาเอ่ยถามด้วยความปรานีว่าเธออยู่ไหน รู้ดีว่าแม้บิดาจะให้เธอกลับไปสักเท่าไหร่ แต่ท่านจะไม่บังคับใจเธอ จะไม่ขอร้องไห้เธอต้องกลับไป แล้วสุดท้ายเป็นเธอเองที่ทนไม่ไหวต้องรีบกลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับ...พายุร้ายนั่นเอง
เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มุกลดาตัดสินใจลงไปหาอะไรทานก่อน แม้รู้ดีว่าคงทานอะไรไม่ลงหรอก แต่อย่างน้อยก็คงทำให้ท้องหายร้องประท้วง อีกอย่างออกไปเจอกับผู้คนเสียบ้าง คงดีกว่าขลุกตัวอยู่ในห้อง ไม่แน่เมื่อกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง อาจมีความคิดดีๆ กลับมาด้วยก็ได้
นิลลดาแหงนหน้าขึ้นถลึงตาใส่พายุ อยากต่อยให้เบ้าตาเขียว แต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะหาเรื่องทำบ้า ๆ กับเธออีก แค่นี้หัวใจเธอก็สั่นไหวราวกับกำลังยืนอยู่ใจกลางพายุ พาเอาทั้งร่างกายและแข้งขาสั่นเทาจนแทบจะยืนทรวงตัวไม่ได้
“คลายออกมั่งก็ได้ ไอ้แขนนี่นะ บอกแล้วว่าไม่หนี ไม่ต้องรัดแน่นมากหรอกน่า อึดอัด หายใจไม่ออกเข้าใจไหม” ข่มกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน เคลื่อนเท้าไปทีละนิดจนชิดเท้าใหญ่ อย่างไม่คิดสิ่งใดและไม่มีรั้งรอ ยกปลายส้นเท้าขึ้นกดลงไปเต็มแรง เอาคืนจากเมื่อครู่ที่ถูกชายหนุ่มล่วงเกินอีกรอบ
หึ...คิดว่าล่วงเกินเธอแล้วจะไม่โดนเอาคืนหรือไง แค่รอเวลาเท่านั้นแหละ ไอ้หมียักษ์เอ๊ย! คนอย่างนิลลดาน่ะไม่ยอมให้ถูกเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวหรอกเฟ้ย!
ฟันขาวคมขบเขี้ยวเคี้ยวจนมีเสียงดังกรอดๆ นัยน์ตาเป็นประกายเพลิงไฟ อยากจะเอาคืนอีกฝ่ายตั้งแต่ตอนที่ถูกชายหนุ่มจูบ...จูบราวกับจะสูบเอาลมหายใจออกไปจากกาย ทำเอาสาวน้อยไม่ประสามือชายถึงกับตัวอ่อนระทวยราวกับเปลวเทียน กว่าเธอก็หาโอกาสให้เอาตัวรอดได้ก็นานอยู่
กายอรชรค่อยๆ อ่อนระทวยหมดสิ้นเรี่ยวแรง ปลายลิ้นเล็กยื่นออกมาตวัดไล้สมทบ กระหวัดกวัดเกี่ยวรัดกับลิ้นสากระคายด้วยความไม่ประสากึ่งกล้ากึ่งกลัว ลำแขนเสลาเรียวยาวค่อยๆ ยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง จิกปลายเล็บบนต้นคอแกร่ง สอดแทรกปลายนิ้วไปในเส้นผมหน้านุ่ม
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกระจิริด แต่แผลงฤทธิ์แสบสันราวกับพริกเม็ดเล็ก ระทดระทวยอ่อนเปลี้ยเพลียแรง มือและกายใหญ่ก็คลายออกทีละน้อย เลยเป็นโอกาสให้แม่พริกเม็ดเล็ก ใช้โอกาสนั้นฟาดฝ่ามือไปบนหน้าคมคร้ามเต็มๆ และดันกายหนาออกห่างและรีบลุกขึ้นวิ่ง ท่าทางตื่นตระหนก หน้าขาวซีด ไปหยุดหลบอยู่มุมหนึ่งของห้อง ชี้มืออันสั่นใส่คนน่ารังเกียจ ริมฝีปากสั่นระริกจนต้องรีบขบกัดเอาไว้
“อืม...มือหนักไม่เลวนี่มุกลดา ว่าแต่ทำร้ายฉันแบบนี้ ไม่กลัวหรือไง”
“คุณอยากมาทำบ้าๆ กับฉันก่อนทำไมล่ะ” เถียงกลับเสียงสั่น นัยน์ตากลมโตกราดเกรี้ยวด้วยเพลิงโทสะ ปาดมือบนปากนุ่มซึ่งเธอคิดมันคงบวมแดง เพราะถูกกดคลึงอย่างเอาแต่ใจแรง ๆ ราวกับต้องการจะลบล้างรอยจูบของอีกฝ่ายไป ก่อนจะรู้ว่าไม่ได้ผล ในความรู้สึกแม้จะยืนอยู่ห่างไกล แต่เหมือนกับแขนแกร่งล่ำยังโอบรัดรอบกายเธออยู่ ปากจัด ๆ นั่นยังคงประกบอยู่กับปากเธอ
‘ยี้...ไอ้ลิ้นร้อน ๆ นั่นก็เหมือนกับว่ายังเคลื่อนไหวอยู่ในปากเธอ’
“ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกเลยนี่นาหนูมุก” พายุเปลี่ยนจากเรียกชื่อเต็มๆ อีกฝ่ายเป็นชื่อเล่น ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้รับคำแนะนำอย่างเป็นทางการหรอกนะ แต่ได้ยินตอนที่บิดาหญิงสาวเอ่ยเรียก “เราเป็นผัวเมียกันแล้ว ฉันจะทำอะไรกับร่างกายเธอก็ได้ แค่จูบนิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าจะทำสะบัดสะบิ้งให้มากเรื่องมากความเลยนะ”
“ไอ้...ไอ้หมียักษ์บ้า” นิลลดาขนลุกซู่กับคำเรียกขานที่อีกฝ่ายใช้ ยังกับเด็กอนุบาลอย่างนั้นแหละ น่าเกลียดมาก เรียกไปได้ยังไง หน้าตานวลผ่องแดงปลั่ง ประกายในดวงตาเจิดจรัสกร้าวแข็ง
“ฉันกับคุณยังไม่ได้เป็นอะไรกัน อย่ามาตู่” ชี้นิ้วใส่คนขี้ตู่ซึ่งยังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม นัยน์ตาแวววาวเป็นประกายกระตุ้นต่อมอารมณ์โมโหของเธอให้ทำงานอย่างคงที่ ร่ำๆ อยากหาอะไรเขวี้ยงใส่อีกฝ่ายให้หัวแตก แต่ก็กลัวนิด ๆ ว่าพายุจะจูบเธออีก แค่นี้ก็เล่นเอาหนาวไปทั้งตัวจนไม่รู้ว่าจะทำไงดีแล้ว
“ไม่ได้ตู่เลยหนูมุก อย่าลืมนะว่าเธอกับฉันเราอยู่ที่ไหน ในงานอะไร...” พายุพูดกลั้วหัวเราะในลำคอ มองหน้าตาแดงปลั่ง นัยน์ตาเป็นประกายพราวระยับตามแรงอารมณ์โกรธของอีกฝ่ายอย่างถูกใจ
“งานแต่งงานใช่ไหมล่ะหนูมุก งานแต่งงานของฉันกับเธอ อย่างนี้จะไม่ให้ฉันเรียกเธอว่าเมียได้ยังไงกันล่ะ”
ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดนะ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่กับมุกลดาแล้วอยากพูด อยากทำให้เธอโกรธ จะได้เห็นอารมณ์ต่าง ๆ ที่ออกมาทางดวงตาใสแจ๋วคู่นั้น รวมไปถึงดวงหน้านวลผ่องและกลีบปากซึ่งชอบขบกัดจนแบนราบเรียบสลับยื่นมาข้างหน้า ทำให้เขาอยากจูบ จนชักจะแปลกใจกับตัวเองหน่อยๆ ไปติดใจอะไรแม่ตัวแสบนี่เข้า ถึงได้เอ่ยปากขอแต่งงานทั้งที่เจอกันเพียงแค่ครั้งแรกเท่านั้น
นิลลดาหน้าหุบฉับราวกับดอกชบาเพิ่งบานแล้วเจอเข้ากับแสงแดดแผดร้อนจนมิอาจสู้ได้ เออ...แล้วไง มันก็แค่พิธีบอกกล่าวให้ชาวบ้านรู้ เชิญเขามากินของฟรี แล้วไง ยังไม่ได้จดทะเบียนเสียหน่อย ยังไม่ถือว่าเป็นผัวเมียย่ะ
“แล้วคุณจะเอาไง” กัดฟันถามเสียงลอดไรฟัน ยกนี้เธอสู้ไม่ได้ เลยต้องยอมแพ้ก่อน แต่ใช่ว่าจะยอมตลอดไป มันต้องมีโอกาสให้เธอเอาคืนบ้างแหละน่า แล้วแม่จะเอาคืนให้สาสมเลยทีเดียว
ความเจ็บจี๊ดพุ่งลิ่วขึ้นมา แต่พายุก็ไม่คิดจะยกเท้าหนี ปล่อยให้แม่พริกเม็ดแสบทำตามความต้องการ โดยเขาเลือกโอบแขนล่ำสันรอบสะเอวคอดกิ่ว แนบปลายนิ้วยาวตวัดไล้แผ่วเบาราวกับผีเสื้อโบยบิน ศีรษะทุยก้มลงมาเล็กน้อย มองเจ้าสาวในอ้อมแขนตาวาววับ กระดกปลายลิ้นกระทุ้งไปบนกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง ซึ่งถูกฝ่ามือนุ่มปะทะเสียจนแก้วหูสั่นสะเทือน มุมหนึ่งของกลีบปากหยักยกขึ้นเล็กน้อย แม่ตัวเล็กยังไม่วายแผลงฤทธิ์ใส่เขา
“ลืมสัญญาแล้วหรือไงหนูมุก” ทบทวนคำสัญญาที่นิลลดาได้เอ่ยรับปากเอาไว้เสียงทุ้มห้าว
“ก็ได้ ฉันจะยอมทำตามที่คุณบอก จะยิ้มให้ปากฉีกถึงใบหู พอใจหรือยังล่ะ”
ประกายในดวงตาคมกริบพร่างพราวระยับ “จะเตะ จะกระทืบก็ตามสบายนะเมียจ๋า แต่เดี๋ยวพอเข้าห้องหอแล้วฉันเอาคืน เธอจะมาร้องโอดครวญไม่ได้นะ เพราะเธอหวานดี ฉันคงหม่ำเธอได้ทั้งคืนเชียวล่ะ” เน้นเสียงเซ็กซี่เขย่าหัวใจคนฟังให้เต้นระทึก กวาดไล่มองลงไปตามเรือนกายแบบบาง แต่เขารู้ดีว่าเต่งตึงและเต็มไม้เต็มมือน่าจับต้องและหวานแค่ไหนอย่างลามเลีย
“ไอ้...ไอ้...หมียักษ์บ้า” นิลลดาถึงกับฟันกรอด แดงปลั่งไปทั้งใบหน้าและลำคอ โมโหและอายในเวลาเดียวกันกับคำพูดสองแง่สองง่าม เลยแถมกดส้นเท้าแหลมเล็กบดเบียดไปอีกนิดก่อนจะยอมล่าถอย
“ฉันไม่ทำร้ายคุณก็ได้ แต่คุณนะ ช่วยปล่อยแขนออกไปจากตัวฉันเสียทีซิ กอดมาได้ยังกับจะรัดให้เอวหัก อึดอัดนะเข้าใจไหม”
ฮึฮึ...เสียงหัวเราะกลั้วลำคอและนัยน์ตาวาววับร้อนแรงทอดมองมา เล่นเอานิลลดาถึงกับตัวสั่น ขนลุกซู่ หนาว ๆ ร้อน ๆ หายใจหายคอไม่สะดวกเอาเสียเลย เหลียวมองซ้ายขวาว่าจะทำยังไงดีถึงจะหลุดออกจากแขนล่ำอย่างกับปลอกเหล็ก รัดแน่นจนสองกายแนบชิด แต่ดูเหมือนทุกทางจะปิดตายสำหรับเธอเสียจริง ๆ เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนแปลกหน้า ไม่รู้จักเสียทั้งสิ้น แล้วอย่างนี้เธอจะร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ล่ะ
เพราะตอนนี้แขกเหรื่อก็เบาบางลงมากแล้ว ส่วนที่เหลือก็คนสนิทไม่กี่คนนั่งดื่มและกินอาหาร สรวลเสเฮฮากันอย่างคึกคะนอง พายุจึงเลือกที่จะไม่ปล่อยแม่ตัวแสบอย่างที่หญิงสาวต้องการ แล้วเขายังบังคับด้วยแรงมากกว่าพาเธอเดินเลี่ยงออกไปทางประตูด้านข้าง
“หยุด...คุณจะพาฉันไปไหนนี่ ปล่อยฉันนะ” นิลลดาห้ามเสียงสั่น ฝืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินตามแรงลากจูงง่ายๆ แต่แรงเท่ามดตะนอยอย่างเธอหรือจะสู้หมียักษ์ดำปิ๊ดปี๋ได้ สุดท้ายร่างเล็กที่หากเจอพายุลมแรงๆ เข้าหน่อยก็คงจะลอยละลิ่วปลิวหาที่ลงไม่ได้ก็ซอยถี่ ๆ ตามร่างหนาไปอย่างไม่เต็มใจ